“ธนาธร”ชวนคนไทยลงสมัคร “สว.ประชาชน”

พรรคก้าวไกล 22 เม.ย.-“ธนาธร”ชวนคนไทยลงสมัคร “สว.ประชาชน” ขอมากที่สุดยิ่งดี ไม่ต้องรออีก 5 ปี สู้คะแนนจัดตั้ง-ปลดล็อครัฐธรรมนูญใหม่


นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคะก้าวหน้า แถลงเปิดตัวแคมเปญ ‘สว.ประชาชน’ ของคณะก้าวหน้า ว่า คณะก้าวหน้าเห็นความสำคัญของการเลือกตั้ง สว.ในเดือน พ.ค.-มิ.ย.ที่จะมาถึง จึงอยากเชิญชวนพี่น้องประชาชนให้มาร่วมกันลงสมัคร สว. ซึ่งย้อนกลับไปในการเลือกตั้งปี 62 ของรัฐบาลชุดนี้ ที่มีการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญมากมาย เพราะฝ่ายค้านในเวลานั้นเห็นว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ มีปัญหาเรื่องความชอบธรรมทางประชาธิปไตย ตั้งแต่ ที่มา เนื้อหา และกระบวนการ จึงมีการผลักดันร่างแก้ไขจำนวนต่างๆ เข้าสภาชุด 62 บ่อยครั้ง พร้อมยกตัวอย่างที่ได้รวบรวมและไล่เรียงความพยายามในการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา ซึ่งมีร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับเดียวเท่านั้น ที่ได้รับการโหวตเห็นชอบอย่างเพียงพอ จะนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ คือร่างแก้ไขวันที่ 10 ก.ย. 2564 ในการแก้ไขเรื่องระบบการเลือกตั้ง โดยเปลี่ยนจากระบบปี 62 เป็นระบบที่ใช้ในปี 66

แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งหมดที่มีหลักใหญ่ใจความเกี่ยวกับเรื่องอำนาจ หรือประเด็นสำคัญ กลับไม่ได้รับการสนับสนุนจาก สว.ชุดปัจจุบันเลย ทั้ง ปลดล็อค, ปิดสวิตช์, แก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ หรือการปลดล็อคท้องถิ่น


นายธนาธร กล่าวถึงความแตกต่างของการคัดเลือก สว.ชุดปัจจุบัน ที่ให้องค์กร และสมาคมต่างๆ ในสายอาชีพนั้น เป็นผู้เสนอชื่อ เพื่อไปคัดเลือกกันเอง ต่างกับ สว.ชุดที่กำลังจะเลือกตั้ง ที่ให้ประชาชนสามารถลงสมัครเองได้ในสายวิชาชีพของตนเอง

“ถ้าปล่อยให้การเลือก สว.มาจากกลุ่มคนจำน้อยเหมือนอย่างที่เกิดขึ้นในการเลือก สว.ที่ผ่านมา โอกาสที่จะทำให้มี สว.เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย”นายธนาธร กล่าว

ดังนั้น การจะแก้ไขรัฐธรรมนูญได้นั้น เราต้องการ 1 ใน 3 จากเสียงของ สว.ทั้งหมด 200 คน คือเราต้องการ สว.ที่สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญของประชาชนอย่างน้อย 70 คน จึงจะแก้รัฐธรรมนูญปี 2560 ได้ จึงจะนำพาประเทศไทยไปสู่เส้นทางประชาธิปไตยได้


นอกจากนี้ สว.ยังมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาการเมืองไทย ยกตัวอย่าง การเลือกตั้งในปี 62 ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ใช้เวลานานกว่าจะประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ และมีการเปลี่ยนแปลงการจัดตั้งรัฐบาลผ่านสูตรคำนวน สส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งส่งผลให้ต่อมา พี่น้องประชาชนร่วมกันลงชื่อเพื่อถอดถอน กกต. กว่า 900,000 รายชื่อ

“การตัดสินของ กกต.ในวันนั้น เหมือนกับการทำรัฐประหารเงียบ โดยการเปลี่ยนสัดส่วนจำนวนของฝ่ายที่สืบทอดอำนาจ และฝ่ายที่ต่อต้านการสืบทอดอำนาจ เพียงแค่การตัดสินเปลี่ยนสูตรการคำนวณของตัวเอง โดยที่ไม่มีใครหยุดยั้ง ไม่มีใครทัดทานได้” นายธนาธร กล่าว

นายธนาธร ยังได้ยกตัวอย่างกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบนาฬิกาของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ซึ่ง ป.ป.ช.ใช้เวลานานกว่า 1 ปี จึงตัดสินยกคำร้องในคดีนี้ โดยมีอัตราส่วน 5 ต่อ 3 ด้วยการบอกว่า นาฬิกาของพลเอกประวิตรนั้น ยืมเพื่อนมา พลเอกประวิตร ไม่ได้เป็นเจ้าของ พร้อมตั้งคำถามว่า ”การวินิจฉัยของ ป.ป.ช.เป็นการเอื้อประโยชน์และช่วยเหลือทางการเมือง เพื่อทำให้พลเอกประยุทธ์รักษาอำนาจอยู่รอดต่อไปใช่หรือไม่“

นายธนาธร กล่าวถึงอำนาจและสิทธิ์มากมายของ ป.ป.ช. อาทิ การตัดสิทธิ์นักการเมืองตลอดชีวิต พร้อมยกตัวอย่างในของกรณีของนางสาวพรรณิการ์ ที่ถูกตัดสิทธิ์ และคดีที่ ป.ป.ช. กำลังเดินหน้าสอบ 44 สส.ของพรรคก้าวไกลในข้อหาผิดจริยธรรม สส.จากการยื่นแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยตั้งคำถามว่า ป.ป.ช.ใช้คดีความเหล่านี้ มากลั่นแกล้งนักการเมืองที่ไม่ได้ดำเนินตามที่เห็นว่าเหมาะสมหรือไม่” ก่อนจะยกตัวอย่างกรณีที่ศาลรัฐธรรมมีการตัดสินให้ยุบพรรคต่างๆ ในอดีตที่ผ่านมา

”เราอยากให้สังคมไทยอยู่ด้วยกันด้วยความปรองดองสมานฉันท์ ก็ต้องมีความเป็นธรรม ถ้าไม่มีความเป็นธรรม ประชาชนจะอยู่กันอย่างสมานฉันท์ไม่ได้ ถ้าเราอยากให้การเมืองกลับมาเป็นปกติ อยากให้การเมืองอยู่ในวิถีประชาธิปไตย ประชาชนเชื่อมั่นในระบอบรัฐสภา วิธีทางเดียวที่ฟื้นฟูกลับมาได้ คือทำให้องค์กรที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด ทั้ง ตำรวจ, อัยการ, ศาล, ราชทัณฑ์ และองค์กรอิสระต่างๆ กลับมายืนอยู่บนความยุติธรรม ตั้งมั่นบนความเป็นธรรม นี่คือจุดเริ่มต้นที่จะทำให้ประเทศไทยฟื้นฟูประชาธิปไตย และคนไทยอยู่ด้วยกันอย่างสมานฉันท์ได้ ถ้าไม่มีความเป็นธรรม ก็ไม่มีการสมานฉันท์ และจะทำให้ผู้เชื่อมั่นในการเปลี่ยนแปลงสังคมใช้วิธีอื่นๆ เราจึงเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงผ่านรัฐสภาเป็นวิธีที่ดีที่สุด และสันติที่สุด“นายธนาธร กล่าว

นายธนาธร ยังกล่าวถึงอำนาจในการจัดตั้งองค์กรอิสระต่างๆ ของ สว. ว่า ถ้าองค์กรอิสระใด หรือตำแหน่งในองค์กรอิสระใด หมดอายุก่อนเดือน ก.ค. ปี 72 สว.ชุดนี้ ก็จะมีอำนาจในการแต่งตั้งคณะกรรมการชุดนั้นเข้ามาแทน

“ในเมื่อปมพันกันอิรุงตุงนัง ขมวดกัน จนไม่รู้จะเริ่มตรงไหน ดังนั้น เราสามารถถอดสลักแก้ปมนี้ได้ หากมี สว.ประชาชน สว.ที่ยึดมั่นในประชาธิปไตย ตนเข้าใจดีว่าเป็นข้อเรียกร้องที่สูงมาก เพราะต้องให้ประชาชนไปจ่าย 2,500 บาท แต่หากผู้ที่มีศักยภาพ ไม่ลงมือทำในเรื่องนี้ เราก็จะได้ สว.แบบเดิม และจะยิ่งมีประชาชนจำนวนมากไปเป็น สว.อิสระ  จึงต้องอาศัยแรงจากประชาชน เพราะหากเราผลักดันไม่ได้ การแก้ไขรัฐธรรมนูญก้าวหน้า อีก 5 ปี ก็คงจะไม่เกิดขึ้น”นายธนาธร กล่าว

จากนั้น นายธนาธร ได้ตอบคำถามสื่อมวลชน ถึงกรณีที่มีผู้ร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน ตรวจสอบว่าการเลือก สว. ไม่มีแนวทางป้องกันการฮั้ว นายธนาธร กล่าวว่า ตนไม่สามารถยืนยันชัดเจนได้ แต่ที่พอรู้มาจากการลงพื้นที่ต่างจังหวัด ชาวบ้านก็นำข้อมูลมาว่า ถูกชักชวน เช่นตอนนี้ราคาอยู่ที่ คนละ 15,000 + 2,500 บาท คือจ่ายค่าเหนื่อย 15,000 บาท บวกค่าสมัคร 2,500 บาท ส่วนในระดับจังหวัด ก็เป็นหลักแสน ในตอนนี้  ซึ่งไม่สามารถยืนยันได้ในข้อเท็จจริง แต่เป็นคำบอกเล่าจากประชาชน

สำหรับกรณีที่นายสมชาย แสวงการ สว. มองว่า การรณรงค์ของก้าวไกล เข้าข่ายฮั้วนั้น นายธนาธร มองว่า เรารณรงค์ให้ประชาชนไปสมัครให้เยอะที่สุด

“ส่วนจะเลือกใคร ก็เป็นเรื่องของเขา ขอเชิญชวนให้ไปสมัครให้เยอะกลุ่มอาชีพ เยอะอำเภอ เพื่อที่คนที่จัดตั้งกันมา จะได้ไม่สามารถส่งคนของตัวเองเข้าสู่กระบวนการได้ เพราะถ้าไม่มีคนอิสระเข้ามาเลย ก็หมายความว่าใครจัดตั้งมา ก็เข้าหมดเลย เพราะไม่มีการแข่งขัน”นายธนาธร กล่าว 

ส่วนกรณีที่มีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ สาวไส้ กรรมการป.ป.ช. โยงนายพล เป็นความล้มเหลวขององค์กรอิสระ และผู้แต่งตั้งสรรหาหรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า แน่นอน ถ้าเป็นแบบนี้ ชัดเจนว่าการได้มาซึ่งกรรมการในองค์กรอิสระมีปัญหา ในเรื่องกระบวนการจริงๆ ยืนยันว่า หากองค์กรอิสระต่างๆ ครองตน และตัดสินอย่างเป็นธรรม ยึดมั่นในหลักการตลอด 10 ปีที่ผ่านมา เชื่อว่าประเทศไทยดีกว่านี้  แสดงให้เห็นว่า การได้มาซึ่งกรรมการและองค์กรอิสระมีปัญหา และการจะทำให้ไม่มีปัญหา ก็ต้องไปคุยกับคนที่มีอำนาจในการแต่งตั้ง  มือที่ใช้รับรอง เพราะไม่ใช่ สส. หรือพรรคการเมือง แต่เป็น สว..-312-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

9 ทันโลก : แจงด่วน! คณะมนตรีความมั่นคง ไทยนี้รักสงบ

25 ก.ค. – นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะร่วมประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ตามที่กัมพูชาร้องขอไว้ รายงาน 9 ทันโลก พาไปติดตามบทบาทและโอกาสของไทยบนเวทีสำคัญนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาตินานเกือบ 80 ปี จะได้แสดงบทบาทอีกครั้งในคณะมนตรีความมั่นคง ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการสื่อสารกับประชาคมโลก ถึงการกระทำของกัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศหลายด้าน รวมถึงกฎบัตรสหประชาชาติที่ไทยยึดมั่น ในห้องประชุมนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาติ ลำดับที่ 55 จะทำหน้าที่อีกครั้งในภารกิจด้านสันติภาพ ตั้งแต่เข้าเป็นสมาชิกเมื่อปี 2489 ที่นี่ไทยเคยทำหน้าที่ประธานการประชุมคณะมนตรีความมั่นคง โดยพลอากาศเอก สิทธิ เศวตศิลา และหม่อมหลวง พีระพงศ์ เกษมศรี ทำหน้าที่สองวาระ ในปี 2528 และ 2529 ในเวลาที่สงครามเย็นคุกรุ่น มาในวันนี้ไทยกำลังจะมีโอกาสอันดีที่ได้ใช้ช่องทางการทูตสำคัญ เสาหลักความมั่นคงของสหประชาชาติ ในอีกบทบาทหนึ่งที่ยังคงอยู่บนพื้นฐานการแสวงหาสันติภาพตามกลไกนี้ เมื่อประเทศสมาชิก ในกรณีนี้คือกัมพูชา ร้องขอให้เปิดประชุมเร่งด่วน สมาชิกคณะมนตรีซึ่งมีสมาชิกถาวร 5 ประเทศ และสมาชิกไม่ถาวร 10 ประเทศ พิจารณากรณีที่เป็นภัยคุกคามใดต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ เช่น กรณีการปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชา […]

น่านยังอ่วม บางจุดน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร

น่าน 25 ก.ค. – เข้าสู่วันที่ 3 น้ำท่วมใหญ่เป็นประวัติการณ์ของเมืองน่าน แม้ระดับน้ำลดลงบ้างแล้ว แต่ในตัวเมือง-เขตเศรษฐกิจยังท่วมสูง บางจุดระดับน้ำเกือบ 2 เมตร ขณะที่ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” นำทีมกู้ภัยฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวเข้าช่วยเหลือชาวบ้าน .-สำนักข่าวไทย

มีผลทันที! ประกาศกฎอัยการศึก 8 อำเภอ “จันทบุรี-ตราด”

25 ก.ค.- กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ประกาศใช้กฎอัยการศึกบางพื้นที่ มีผลทันที กองทัพเรือ โดย กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด “ประกาศใช้กฎอัยการศึก” บางพื้นที่ ดังนี้ ตามที่ได้มีประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ลงวันที่ 19 กันยายน 2549 ให้ใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 เวลา 21.05 นาฬิกา ซึ่งต่อมาได้มีพระบรมราชโองการเลิกใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ และให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 นั้น โดยที่ปรากฏว่าประเทศกัมพูชาได้ใช้กำลังและอาวุธรุกรานเข้ามาในราชอาณาจักรไทยตลอดแนวชายแดน จึงมีความจำเป็นโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ที่ต้องใช้กำลังทหาร ตำรวจ พลเรือน ตลอดจนประชาชนชาวไทยทุกคน เพื่อป้องกันประเทศให้พ้นจากภัยคุกคามอันมีที่มาจากภายนอกราชอาณาจักรดังกล่าว เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และจำเป็นต้องประกาศใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 176 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 จึงให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 จังหวัดจันทบุรี อำเภอเมืองจันทบุรี […]

จรวด BM-21 ตกในพื้นที่สุรินทร์ 6 ลูก เร่งอพยพคนเพิ่ม

สุรินทร์ 25 ก.ค. – กระสุนของฝั่งกัมพูชามาตกไกลกว่าเหตุปะทะปี 2554 ตามที่เจ้าหน้าที่คาดการณ์ ล่าสุดมีจรวด BM-21 จำนวน 6 ลูก ตกในพื้นที่ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เตรียมอพยพประชาชนไปยังที่ปลอดภัยกว่า .-สำนักข่าวไทย