ทำเนียบฯ 5 พ.ค.-โฆษก ศบค.แจงประชาชนงดทำบุญ เวียนเทียนวันวิสาขบูชาที่วัด แนะเวียนเทียนที่บ้าน ตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ป้องกันโควิด-19 ชี้ถือเป็นการปรับตัวแบบวิถีใหม่
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. กล่าวถึงการปฏิบัติตัวของพุทธศาสนิกชนในวันวิสาขบูชาในวันพรุ่งนี้ (6 พ.ค.) ว่า ประชาชนจะสามารถทำบุญได้ตามปกติหรือไม่ เพื่อป้องกันให้ประชาชนปลอดภัยจากโรค จึงเสนอไปยังคณะกรรมการมหาเถรสมาคมให้ความเห็นชอบ โดยได้ข้อสรุปว่า ทุกวัดทั่วราชอาณาจักรและวัดไทยในต่างประเทศ ขอให้งดจัดกิจกรรมที่ประชาชนมารวมกลุ่มกันทุกประเภท ยกเว้นการปฏิบัติกิจของสงฆ์ โดยให้ทำได้แต่ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารสถานการณ์ราชการฉุกเฉิน พ.ศ.2578 และแนวทางปฏิบัติด้านสาธารณสุข เพื่อบริหารจัดการภาวะการระบาดของโรคโควิด-19 ของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด นับตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2563 เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จะเข้าสู่ภาวะปกติ
“อย่างไรก็ตาม ประชาชนสามารถเวียนเทียนที่บ้านได้ เช่น ตามคำแนะนำของวัดบวรนิเวศวิหาร ที่เชิญชวนประชาชนเวียนเทียนที่บ้าน เวลา 19.00 น. พร้อมพระสงฆ์ที่จะเวียนเทียนที่วัด ซึ่งอาจจะมีการถ่ายทอด โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามา ขอให้ถือเป็นการปรับตัวแบบวิถีใหม่ โดยในฐานะพุทธศาสนิกชนที่ดี ก็ขอให้ปรับตัวตามนี้ เพื่อความปลอดภัยของทั้งประชาชนและพระสงฆ์” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบตามร้านต่างๆ หลังมีมาตรการผ่อนคลาย ได้มีการสั่งปิดร้านที่ทำผิดไปจำนวนเท่าใด ว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีคำสั่งปิด เพราะในเบื้องต้นจะใช้วิธีตักตือนทำความเข้าใจก่อน
โฆษก ศบค. กล่าวอีกว่า หากผู้ประกอบการทำได้ดีมีระเบียบ เช่น ร้านอาหาร ร้านค้าให้มีระยะห่าง ซึ่งหากผู้ประกอบการทำดีและผู้ที่มารอรับบริการปฏิบัติตัวตามกฎ ไม่แย่งไม่แซงคิว หรือเบียดเสียดใกล้ชิด เจ้าหน้าที่ก็ไม่จำเป็นต้องเข้าไปตักเตือนหรือดำเนินการใดใด
“ตอนนี้ยังไม่มีการสั่งปิดใดใดทั้งสิ้น หากจะดำเนินการคงจะเป็นกลุ่มที่ทำผิดกฎหมาย ช่วงเวลานี้จัดเป็นการให้คำชี้แนะ แนะนำ และให้เกิดการเรียนรู้ไปพร้อมกัน เพื่อปรับพฤติกรรมให้เข้ากับชีวิตวิถีใหม่” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
เมื่อถามถึงการขนส่งสาธารณะรถประจำทาง ทั้ง ขสมก. รถไฟฟ้าสาธารณะ ภาครัฐ จะกำกับดูแลอย่างไรให้ปลอดภัย เพราะประชาชนเริ่มกลับมาใช้บริการกันมากขึ้น โฆษก ศบค. กล่าวว่า ได้เห็นภาพข่าวในโซเชียล หลายสถานีคนยืนแออัด แต่ส่วนใหญ่ยังสวมใส่หน้ากากอนามัย ทั้งนี้ผู้ที่ประกอบกิจการต้องพยายามปรับพื้นที่ให้ได้
อาจต้องใช้วิธีเพิ่มจำนวนเที่ยวโดยสารให้มากขึ้น หากตู้โดยสารน้อยไป ต้องเพิ่มจำนวนตู้โดยสาร และผู้ใช้บริการอาจต้องใช้วิธีเหลื่อมเวลาเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น และยังคงแนะนำให้ใช้วิธีทำงานที่บ้าน เพื่อลดการเดินทางให้มากที่สุด
นพ.ทวีศิลป์ ยังกล่าวถึงผลการตรวจการหาเชื้อของผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีการรายงานผลของจังหวัดยะลา มีความคลาดเคลื่อนจะมีผลต่อความเชื่อมั่นในการตรวจเชื้อของประเทศไทยหรือไม่ ว่า ช่วงเช้าที่ประชุมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุขได้ประชุมหารือในประเด็นนี้ เน้นว่าความน่าเชื่อถือมีความสำคัญ แต่ขณะเดียวกันยอมรับว่าในระดับหน่วยงานปฏิบัติในพื้นที่ อาจยังใหม่ เนื่องจากทำตามนโยบาย จึงควรเพิ่มจำนวนของศูนย์การตรวจป้องกัน ให้มากขึ้นเพื่อลดความเสี่ยง
“ยอมรับว่าการปฏิบัติงานทุกอย่าง ต้องมีการเรียนรู้ให้มากกว่านี้ ศูนย์ที่เพิ่งเปิด ก็อาจไม่ได้รับการฝึกหัดได้เหมือนกับพื้นที่ที่เปิดมาก่อนเป็นอย่างดี ดังนั้นในกรณีดังกล่าว กระทรวงสาธารณสุขเห็นถึงความสำคัญ จึงจะมีการตรวจซ้ำเพื่อความแน่ใจ จะทำทุกอย่างให้เกิดความมั่นใจของประชาชน และจะพยายามปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย