สธ.30 เม.ย.-ที่ปรึกษากรมควบคุมโรค เผยยังไม่ควรด่วนสรุปผลการศึกษาทดลองจาก “เรมเดซิเวียร์” ที่ใช้รักษาอีโบลามารักษาโควิด-19 ได้ผล จนกว่าจะมีการรายงานศึกษาวิจัยชัดเจน แต่เชื่อความหวัง ส่วนโอกาสไทยได้ใช้ยา ขึ้นอยู่กับทดลองสำเร็จแล้วจำหน่าย มีการขึ้นทะเบียนยาก็สามารถซื้อได้
นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ที่ปรึกษากรมควบคุมโรคและกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีความสำเร็จของบริษัท Gilead Sciences ที่ออกมาเปิดเผยว่า ยา remdesivir (เรมเดซิเวียร์) ใช้ในการทดลองรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ได้ ว่า เรื่องนี้ยังต้องรอผลการรายงานทางการแพทย์อย่างเป็นทางการ แต่เชื่อว่าเป็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ โดยยาดังกล่าวเป็นการที่ใช้รักษาอีโบลามาก่อน แต่ได้มีการนำไปศึกษาทดลองในหลายประเทศที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เป็นยาฉีด ใช้ในทดลองในผู้ป่วย 1,000 คน พบว่า หลังรับยาเรมเดซิเวียร์ ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นภายใน 11 วัน ขณะที่ยาหลอกต้องใช้เวลาถึง 15 วัน และพบว่าอัตราตายในยาเรมเดซิเวียร์ ลดลง 8 เปอร์เซนต์ ขณะที่ยาหลอกอัตราตายลดลง 11.6 เปอร์เซนต์
นพ.ทวี กล่าวว่า แต่เดิมไทยเคยได้รับการติดต่อทดลองใช้ยาเรมเดซิเวียร์เหมือนกัน แต่ว่ากว่าจะสื่อสารเข้าใจตรง การทดลองได้เดินหน้าไปมากแล้ว ซึ่งยาตัวนี้ผลิตโดยสหรัฐอเมริกา และทดลองในประเทศแถบยุโรปหลายประเทศ แต่การทดลองในจีนไม่ได้ผล นี่เป็นการทดลองเบื้องต้น ยังไม่สิ้นสุดกระบวนการทดลอง แต่เชื่อว่าหากสำเร็จยาต้องมีราคาแพง
สำหรับประเทศไทยมีโอกาสจะได้ใช้ยาหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการจดทะเบียนยา และเมื่อมีการขึ้นทะเบียนทั่วโลก ก็สามารถซื้อได้ .-สำนักข่าวไทย