สธ. 3 ส.ค.- อธิบดีกรมการแพทย์ ย้ำแนวทางการจ่ายยาต้านไวรัสรักษาโควิด อิงตามหลักวิชาการ และวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่มาจากความเห็น และพร้อมเผย บ.เมอร์ค ผู้ผลิตยาโมลนูพิราเวียร์ห่วงหลังเห็นยาเกลื่อนตลาด มีบางชนิดไม่ได้รับลิขสิทธิ์
นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวถึงกรณีกลุ่มเสี่ยง 608 ทำไมถึงไม่ได้รับการจ่ายยาโมลนูพิราเวียร์ แต่กลับได้ฟาวิพิราเวียร์ว่า แนวทางการจ่ายยารักษาโควิด-19 ที่ออกโดยผู้เชี่ยวชาญได้ออกมาถึงฉบับที่ 24 แล้ว โดยผู้ป่วยติดเชื้อที่มีอาการเล็กน้อย หรือปานกลาง ร่วมกับมีอายุ 60 ปีขึ้นไป, ได้รับวัคซีนไม่ครบ และมีโรคร่วม ถึงจะได้รับยาโมลนูพิราเวียร์ หรือฟาวิพิราเวียร์ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ ทั้งนี้จากการพูดกับบริษัท เมอร์ค ผู้ผลิตยา โมลนูพิราเวียร์ ระบุว่ามีความห่วงกังวลเรื่องของการซื้อหายามารับประทานเอง เนื่องจากเห็นว่ายาต้านไวรัสที่จำหน่ายกันอยู่นี้ บางตัวก็ได้ลิขสิทธิ์บางตัวก็ไม่ได้ลิขสิทธิ์ อย่างไรก็ตาม ยาโมลนูพิราเวียร์และแพ็คซ์โลวิด เป็นยาที่ให้ในภาวะฉุกเฉิน ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ เพื่อติดตามอาการ อย่างไรก็ตาม แม้ว่ายาฟาวิพิราเวียร์จะไม่ได้ลดปริมาณไวรัสแต่ก็ช่วยลดอาการได้เช่นกัน
นพ.สมศักดิ์ ยังย้ำว่าหลักเกณฑ์และแนวทางการจ่ายต้านไวรัสทุกอย่างที่กรมการแพทย์ออกนั้นทำโดยผ่านการประชุมจากผู้เชี่ยวชาญก่อนเสมอ เป็นหลักเกณฑ์และความรู้ทางวิทยาศาสตร์ และเป็นข้อมูลความจริงทั้งหมด อย่างไรก็ตาม พร้อมน้อมรับทุกความเห็นของทุกคน และอินฟูเอนเซอร์ แต่อำนาจการตัดสินใจต่าง ๆ ก็ยังคงยืนยันทำโดยข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ ถ้าเอาความคิดเห็นของคนทั่วไปที่อาจจะพูดไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสาตร์มาใช้มันก็จะเป็นการแทรกแซง
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การจ่ายยาต้านไวรัสในการรักษาผู้ป่วยโควิด ต้องจ่ายให้ถูกโรค ถูกคน และถูกเวลา และต้องใช้อย่างเหมาะสม ยาโมลนูพิราเวียร์ มีความกังวลในการใช้ เนื่องจากมีผลข้างเคียงเรื่องการกลายพันธุ์ในสัตว์ทดลอง ดังนั้น จะเห็นได้ว่ายาตัวนี้จึงไม่มีการจ่ายให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี หรือหญิงตั้งครรภ์ ดังนั้นการจ่ายยาต้องสมเหตุสมผล. -สำนักข่าวไทย