กรุงเทพฯ 29 เม.ย.- รองโฆษก ตร.ยันคดีพ่อพาลูกสาวอายุ 14 ปีร้อง ปคม.ถูกญาติข่มขืนมีความคืบหน้า อยู่ระหว่างรวบรวมพยบานหลักฐานสรุปสำนวนส่งฟ้องต่ออัยการ
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร.เปิดเผยถึงกรณีสื่อออนไลน์นำเสนอข่าว “พ่อร้องทนายรณรงค์ ลูกสาววัย 14 ปี ถูกลูกชายพี่สาวข่มขืน คดีไม่คืบ” ในพื้นที่ สภ.หัวตะพาน จว.อำนาจเจริญ โดย ได้รับรายงานจาก สภ.หัวตะพานว่า จากการสอบปากคำผู้เสียหายและพยานที่เกี่ยวข้องทราบว่า นายเมืองมล ไชยบุตร บิดาของ ด.ญ. อายุ14ปี ผู้เสียหาย ที่ถูกกระทำชำเรา ได้ไปทำงานที่ จว.นนทบุรี และได้นำบุตรสาวฝากไว้กับ นางอุบล ไชยบุตร ซึ่งเป็นพี่สาว ให้ช่วยเลี้ยงดู ต่อมา วันที่ 27 ม.ค. 63 นายเมืองมลฯ ได้ทราบจากผู้เสียหายว่า เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 62 ผู้เสียหายได้ถูก นายวิทวัส หาฤกษ์ ซึ่งเป็นญาติกัน(บุตรชายของนางอุบลฯ) ข่มขืนกระทำชำเราและข่มขู่ว่าห้ามไปบอกเรื่องนี้กับใคร
ต่อมานายเมืองมลฯ ได้ขอความช่วยเหลือไปยังมูลนิธิปวีณา หงสกุล เพื่อเด็กและสตรี ในวันที่ 1 เม.ย. 63 มูลนิธิฯ ได้ประสานงานกับบ้านพักเด็กและครอบครัว จว.อำนาจเจริญ ซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กฯ เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายวิทวัสฯตามกฎหมายต่อไป ทางพนักงานสอบสวน สภ.หัวตะพาน ได้รับคำร้องทุกข์ดังกล่าวไว้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายแล้ว
รองโฆษก ตร.กล่าวต่ออีกว่า คดีดังกล่าวมีความคืบหน้าไปมาก โดยเมื่อวันที่ 1 เม.ย. 63 พนักงานสอบสวนพร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เดินทางไปช่วยเหลือผู้เสียหายและนำตัวส่งมอบให้อยู่ในความดูแลของบ้านพักเด็กจังหวัดอำนาจเจริญ จากนั้นได้เชิญตัวนายวิทวัสฯ มารับทราบข้อกล่าวหาในข้อหา กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15ปี ซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตนโดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 4ปีถึง 20ปี และปรับตั้งแต่ 80,000บาท ถึง 400,000บาท ตาม ม.277
พร้อมทั้งได้นำผู้ต้องหาไปฝากขังต่อศาลจังหวัดอำนาจเจริญ เพื่อควบคุมไว้ระหว่างการสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการคัดค้านการประกันตัวในชั้นสอบสวนเนื่องจากมีอัตราโทษสูง แต่ผู้ต้องหาได้ยื่นประกันตัวในชั้นศาลด้วยหลักทรัพย์ออกมา
ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง จากนั้นจะสรุปสำนวนมีความเห็นทางคดีเพื่อส่งไปให้พนักงานอัยการพิจารณาเพื่อฟ้องผู้ต้องหาต่อศาลจังหวัดอำนาจเจริญตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-สำนักข่าวไทย
