กทม.28เม.ย.-สช.จัดเสวนา ปฏิบัติการ รวมพลังพลเมืองตื่นรู้ ช่วยชาติสู้ภัยโควิด19 “ธรรมนูญสงฆ์ รวมพลังบวร สู้วิกฤตโควิด19” ชี้ การประสานความร่วมมือทุกภาคส่วน ช่วยสังคมไทยฝ่าวิกฤติโควิด-19 ได้
สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ร่วมกับ มหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จัดเสวนา ปฏิบัติการ รวมพลังพลเมืองตื่นรู้ ช่วยชาติสู้ภัยโควิด19 “ธรรมนูญสงฆ์ รวมพลังบวร สู้วิกฤตโควิด19” ที่วัดยานนาวา โดยมีสมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์และ นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ,นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ,กรมปกครองส่วนท้องถิ่น,สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ร่วมในการเสวนา สะท้อนมุมมองของความร่วมมือระหว่างหน่วยงานด้านสังคมและสาธารณสุข ที่ร่วมกันทำงานในด้านต่างๆเพื่อสู้กับวิกฤติโควิด-19
พระมงคลวชิรากร เลขานุการฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ มหาเถรสมาคม กล่าวว่า พระสงฆ์ได้นำธรรมนูญสงฆ์มาใช้ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา2019หรือโควิด-19 โดยการประกาศพื้นที่ของวัดในแต่ละวัดเป็นพื้นที่ที่พระสงฆ์จะดูแลพระสงฆ์เองตามหลักพระธรรมวินัย และช่วยเหลือสังคมชุมชน ในการให้ความช่วยเหลือ บอกกล่าวข้อมูลข่าวสารในเรื่องของไวรัส นอกจากนี้ได้ประสานความร่วมมือกับภาคว่วนต่างๆในการช่วยเหลือประชาชน พร้อมยกตัวอย่างที่วัดยานนาวา สมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าอาวาสวัดยานนาวา ได้นิมนต์พระทุกรูปร่วมทำงานเพื่อช่วยประชาชนและประสานงานหน่วยงานภาคีเครือข่ายของรับรัฐ ก่อนที่จะมีการเปิดโรงทานตามพระดำริสมเด็จพระสังฆราช เพื่อการดำเนินการให้ถูกหลักอนามัย ป้องกันและควบคุมโรค
นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้คนทั่วโลกติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 หรือโควิด-19 กว่า 3 ล้านคน ในขณะที่ประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่พบผู้ป่วยโควิด-19 นอกประเทศจีน ช่วงปลายเดือนมกราคม และพยายามควบคุมเฝ้าระวังติดตามผู้ที่ป่วยและค้นหากลุ่มเสี่ยง แต่วิกฤติช่วงที่มีการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนจากสถานบันเทิง ทั้งนี้ภาครัฐมีการออกมาตรการต่างๆออกมา ส่งผลให้ตัวเลขผู้ป่วยใหม่ลดลงต่อเนื่อง เป็นความร่วมมือกันของทุกคนในสังคม ทั้งนี้เพื่อเป็นการลดความเสี่ยง หน้ากากยังคงจำเป็น การล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่ หรือแอลกอฮอล์70% ขึ้นไป เมื่อทำแบบนี้ต่อเนื่องตัวเลขก็จะเป็น0 ทั้งนี้การตั้งโรงทานของคระสงฆ์ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องมีการดูแลเรื่องความเสี่ยงเพื่อไม่ให้สัมผัสโรค ต้องมีขบวนการป้องกันให้ครบถ้วน พร้อมยืนว่าไทยไม่มีการปกปิดข้อมูล สามารถเข้าไปดูข้อมูลที่เว็ปไซต์กรมควบคุมโรค และแถลงการณ์ของศบค.ได้ทุกวัน อย่างไรก็ตามหากสถานการณ์ดีขึ้น หรือมีการผ่อนคลายมตรการต่างๆ การเว้นระยะห่าง สวมหน้ากากยังมีความจำเป็น ในการป้องกันการแพร่ระบาด
นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า การระบาดของเชื้อโควิด-19 ถือว่า กระทบต่อประชาชนทุกกลุ่ม แม้กระทั่งพระสงฆ์ แรกๆจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างน่ากลัว บุคคลาการทางการแพทย์ทำงานอย่างหนัก ช่วงแรกประชาชนตื่นกลัว คัดค้านมาตรการต่างๆของรัฐ ที่จะนำคนติดเชื้อเข้าหมู่บ้าน ปัญหาใหญ่คือผลกระทบทางเศรษฐกิจ ประชาชนตกงาน ความยากจน ปัญหาเหล่านี้ทำให้ประเทศไทยจำเป็นต้องใช้ยาแรง มีการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เคอร์ฟิว ล็อกดาวน์ มาตรการนี้จะได้ผลต้องเกิดจากความเข้าใจของประชาชนด้วย ซึ่งไทยโชคดีที่ประชาชนเข้าใจ ได้รับความร่วมมือจากประชาชน ทั้งนี้คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ได้ร่วมขับเคลื่อนนโยบาย ชวนภาคีเครื่อข่าย ด้านสุขภาพ และหน่วยงานด้านสังคม เพื่อบูรณาการแต่ละหน่วยเพื่อร่วมขับเคลื่อนการเฝ้าระวัง ป้องกันกลุ่มเสี่ยงเพื่อไม่ให้ติดเชื้อ การ์ดต้องไม่ต้อง หลังมีมาตรการผ่อนคลาย ปัญหาเศรษฐกิจความยากจนจะตามมา ขณะนี้มีภาคีเครือข่าย 12หน่วยงาน ทั้งด้านสุขภาพและสังคม วันนี้ได้รับความเมตตาจากทางคณะสงฆ์ เมื่อมีธรรมนูญสุขภาพแห่งชาติ ในหมวด2 บัญญัติไว้ว่า พระจะดูแลสุขภาพพระอย่างไร หมวดที่3 ประชาชนจะเข้ามาดูแลสุขภาพพระอย่างไร และพระจะดูแลภาคประชาชนอย่างไร เมื่อเป็นเรื่องการสานพลัง บ้าน วัด ราชการ เมื่อเดินหน้าจับมือจะทำให้ไทยพ้นจากภาวะวิกฤติโควิดไปได้ ทั้งนี้เมื่อมีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ต้องมีการจับมือให้กำลังใจกัน
นายกิตติพงษ์ เกิดฤทธิ์ ผู้อำนวยการกองสาธารณสุขท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กล่าวว่า กรมสงเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น มีโครงการวัดประชารัฐ สร้างสุข ที่ร่วมกันดำเนินการเรื่องสะอาด สุขอนามัยอยู่แล้ว เมื่อเกิดสถานการณ์โรคระบาดและเกิดความเดือดร้อนขึ้น ท้องถิ่นพร้อมร่วมมือกับวัดในการช่วยเหลือประชาชน ซึ่งต้องยอมรับว่าวัดคือศูนย์กลางที่เป็นที่พึ่งของประชาชน รวมถึง มีการผนึกกำลังกับอสม. และอาสาสมัคร จัดทำหน้ากากผ้ามอบให้ชุมชนต่างๆมากกว่า 12ล้านชิ้น ทั่วประเทศด้วย
นายสาโรจน์ กาลศิริศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม กล่าวว่า วัดกว่า4.2หมื่นวัด และพระสงฆ์กว่า3แสนรูป สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) ได้มีการแจ้งไปยังวัดทั่วประเทศในการระมัดระวังเชื้อโควิด-19 รวมถึง มีมติมหาเถรสมาคมออกไปหลายฉบับ สื่อสารไปยังวัดทั่วประเทศและต่างประเทศให้เข้าใจสถานการณ์ ต้องปฏบัติตามมาตรการของรัฐบาล รวมถึงมหาเถรสมาคม มีมติอนุโลมให้พระที่เดินทางกลับจากปฏิบัติศาสนกิจต่างประเทศ พักในโรงแรมหรือสถานที่ที่ทางราชการจัดให้ ขณะนี้มี226 รูปอยู่ระหว่างการกักตัว รวมถึงวัด 600 วัดทั่วประเทศที่มีศักยภาพร่วมจัดตั้งโรงทานตามพระดำริสมเด็จพระสังฆราช ได้รับความร่วมมืออย่างดี มีการจัดระเบียบตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข ส่วนวัดที่ขาดแคลน พระไม่สามารถบิณฑบาตรได้ มีการรวบรวมข้อมูลเสนอมหาเถรสมาคมและคณะรัฐมนตรี เพื่อเสนอขอความช่วยเหลือ สำหรับข้อมูลโรงทานทั่วประเทศ สามารถสอบถามได้ที่ 024417988-90
นอกจากนี้ในวงเสวนายังมีการวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ กับวัดต่างๆที่ทางฝ่ายปกครองส่วนท้องถิ่นยังประสานใช้วัดเป็นศูนย์กักตัวรวมถึงการขับเคลื่อนช่วยเหลือประชาชนในด้านต่างๆช่วงโควิด อาทิ สำนักปฏิบัติธรรมป่าโมกข์ธรรมาราม อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว วัดห้วยยอด จ.ตรัง วัดสวนดอก จ.เชียงใหม่ ,ตัวแทนคณะสงฆ์หนตะวันออก(ภาคอีสาน),ตัวแทนคณะสงฆ์หนเหนือ ซึ่งถือเป็นตัวอย่างที่ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการดูแลผู้กักตัวการดูแลช่วยเหลือประชาชน.-สำนักข่าวไทย