ทำเนียบฯ 28 เม.ย.- โฆษก ศบค. ย้ำยังคลายล็อกให้คนกรุงเทพฯ ไม่ได้ แม้ว่าจะมีสัญญาณที่ดี ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะน้อยลง ยันต้องคงมาตรการเข้มข้น หากละเลย ตัวเลขสูงขึ้นแน่นอน ระบุการตรวจปูพรมแบบ Rapid Test พบผู้ติดเชื้อน้อยกว่าการกำหนดกลุ่มเป้าหมายแล้วตรวจ
นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรรัสโคโรน่า2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. กล่าวถึงกรณีที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อในกรุงเทพมหานคร วานนี้เป็นศูนย์และวันนี้เพิ่ม 3 คนถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีหรือไม่ และจะคลายล็อกให้คนกรุงเทพฯ ได้หรือไม่ ว่า แม้ตัวเลขจะลดลงก็ไม่สามารถจะวางใจได้เพราะผู้ที่ติดเชื้อบางคนไม่แสดงอาการ แต่เป็นพาหะของโรค เราจะไม่สามารถวางใจได้จนกว่าจะมีวัคซีนมาป้องกันและรักษา ดังนั้นการป้องกันตัวเอง จึงถือว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุด จะต้องมีความเข้มข้นเรื่องการป้องกัน ประชาชนต้องร่วมมือกันควบคุมการแพร่เชื้อให้ดี เพื่อให้ตัวเลขนี้จะเป็นผลที่ดีใน 14 วันข้างหน้า หากปล่อยปะละเลย ตัวเลขจะพุ่งสูงขึ้นแน่นอน
เมื่อถามว่าข้อเสนอให้ตรวจแบบปูพรมด้วยแรปปิดเทส (Rapid Test) ตรวจโควิด-19 เพื่อให้สามารถค้นหาผู้ติดเชื้อได้มากขึ้นเป็นผลที่ดีหรือไม่ โฆษก ศบค. กล่าวว่า การตรวจหาเชื้อ โควิด 19 ที่ดีที่สุดคือการตรวจโดย PCR ที่ใช้ก้านสำลีเข้าไปตรวจบริเวณโพรงจมูก และการใช้น้ำลายที่สามารถตรวจได้ ส่วนการตรวจ แรปปิดเทสต์ มีผลการพิสูจน์จากทางวิชาการพบว่าการปูพรม ตรวจพบผู้ติดเชื้อจำนวนน้อยกว่าการเลือกกลุ่มแล้วตรวจ ในกลุ่มเป้าหมาย จะเจอเชื้อเยอะกว่า ได้ผลกว่า และจากการประชุมร่วมกันของคณะกรรมการชุดเล็ก มีปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน ได้สั่งการให้ทุกเขตพื้นที่สาธารณสุข ไปวางแผนหากลุ่มที่มีความเสี่ยงทุกเขต ทุกหน่วยราชการของประเทศไทย จากนั้นนำมาวางแผนประสานกับทาง สปปช. กรมควบคุม เพื่อให้โรคตรวจสอบแหล่งที่มา เพื่อเป็นการนำกลุ่มคนที่เป็นโควิด-19 แต่มีอาการน้อยเข้ามาสู่การรักษา นำตัวมาจำกัดเชื้อไม่ให้แพร่ไปยังบุคคลอื่น โดยจะเร่งดำเนินการในสองสัปดาห์
นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวถึงกรณี ที่หลังจากขยายพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ออกไปอีก1เดือนส่งผลให้ คนไทยที่ประสงค์จะเดินทางกลับประเทศไทย และจองตั๋วเครื่องบินไว้ได้รับผลกระทบ รัฐบาลจะช่วยเหลือในรูปแบบใด ว่า การขยายพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ออกไป เป็นมาตรการที่ป้องกันการแพร่เชื้อที่ เข้ามาจากต่างประเทศ ซึ่งเป็นมาตรการที่ทั่วโลกดำเนินการ ดังนั้นหากมีภารกิจจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องกลับประเทศไทย ให้แจ้งรายละเอียดกับสถานกงสุล หรือสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศต่าง ๆ สามารถที่จะลงทะเบียนร้องขอความช่วยเหลือได้ทุกที่ทั่วโลก เจ้าหน้าที่จะรับเรื่องและจัดลำดับความสำคัญให้ความช่วยเหลือ
เมื่อถามว่าการเปิดร้านค้า การเปิดตลาด ควรมีข้อบังคับในการปฏิบัติ ที่ออกโดยกระทรวงสาธารณสุขได้หรือไม่ โฆษก ศบค. กล่าวว่า มาตรการป้องกันโรค ตามประกาศข้อ11 ถือเป็นมาตรฐานกลางที่มีอยู่แล้ว สามารถนำไปปรับใช้ได้ โดยฝากประชาชนทุกคนปรับตัวในชีวิตวิถีใหม่ ให้ปรับตัวในมาตรการต่าง ๆ หากทำเป็นประจำ เราไม่ป่วย ญาติไม่ป่วย ทั้งประเทศก็ไม่ป่วย ก็จะประสบความสำเร็จไปพร้อมกันและจะสามารถกลับมาสู่การใช้ชีวิตปกติได้โดยมีความสูญเสียน้อยที่สุด.-สำนักข่าวไทย