กรุงเทพฯ 27 เม.ย.- “พิธา” ขอรัฐบาลพิจารณาอย่างรอบคอบ ก่อนอนุมัติให้ไทยร่วมเป็นสมาชิก CPTPP หวั่นได้ไม่คุ้มเสีย ถูกผูกขาด ขอฟังเสียงประชาชน
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึง การประชุมคณะรัฐมนตรีกำลังจะหารืออนุมัติให้ประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิกความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก หรือ CPTPP (Comprehensive and Progressive Agreement of Trans-Pacific Partnership ) ว่า จะทำให้มีผลกระทบหลายอย่าง โดยภาพรวมเห็นได้ชัดว่าจะได้ไม่คุ้มเสีย และเรื่องนี้ไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน รัฐบาลควรต้องฟังเสียงประชาชนมากกว่านี้ ใช้เวลาพิจารณาให้รอบคอบ
นายพิธา กล่าวว่า สหรัฐอเมริกาถอนตัวออกไปแล้ว หากไทยเข้า CPTPP ตลาดที่ไทยจะได้เพิ่มหากเป็นสมาชิก คือ เม็กซิโกและแคนาดาเท่านั้น ขณะที่ อีก 9 ประเทศสมาชิกที่เหลือ ไทยมีข้อตกลงการการค้าเสรี FTA แล้วทั้งหมด และว่า จะดีกว่าหรือไม่ ถ้าทำข้อตกลงทวิภาคี (bilateral agreement) กับเม็กซิโกและแคนาดา เพื่อจะได้ไม่ต้องขี่ช้างจับตั๊กแตน
นายพิธา กล่าวอีกว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงระหว่างเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ว่า หากไทยได้เข้าร่วมเป็นสมาชิก CPTPP คาดว่า จีดีพี จะเพิ่มขึ้น 0.12% ซึ่งหากคิดเป็นมูลค่าถือว่าน้อยมาก และเมื่อเปรียบเทียบการเข้าเป็นสมาชิกครั้งอื่นๆ คิดว่าครั้งนี้จะได้ไม่คุ้มเสีย การดึงจีดีพีขึ้นมีหลายวิธี ตกลงกันได้หลายแบบ ไม่ควรจะต้องยอมให้ประเทศไทยเสียอํานาจอธิปไตยทางเศรษฐกิจถึงขั้นนี้
“และหากเข้าไปดูในรายละเอียดแล้ว มีข้อน่ากังวลเกี่ยวกับการผูกขาดเมล็ดพันธุ์ ความหลากหลายทางชีวภาพ ต้นทุนของเกษตรกร ความมั่นคงทางอาหาร ความมั่นคงทางยา รวมถึง การที่นักลงทุนต่างชาติจะสามารถฟ้องรัฐบาลไทยผ่านกระบวนการอนุญาโตตุลาการ และอื่นๆ อีกมากมาย” นายพิธา กล่าว
นายพิธา กล่าวว่า ภายใต้รัฐธรรมนูญ ปี 2560 ที่ไม่มีข้อบังคับให้รัฐบาลต้องการขออนุมัติกรอบเจรจาจากรัฐสภา เพื่อไปเจรจาทำหนังสือสัญญาระหว่างประเทศ ขาดการตรวจสอบจากนิติบัญญัติ ตัดการมีส่วนร่วมของประชาชน มีเพียงกลไกให้รัฐสภาเห็นชอบ เมื่อเจรจาแล้วเสร็จ เพื่อลงนามรอการอนุมัติตามเท่านั้น ทำให้เรื่องที่ใหญ่ขนาดนี้ จะได้รับการอนุมัติไปง่ายๆ นี่คือหนึ่งในปัญหาที่เป็นรูปธรรม แสดงให้เห็นว่ารัฐธรรมนูญนี้มีปัญหาอย่างไร
“ผมและพรรคก้าวไกลขอย้ำว่า รัฐควรต้องมารับฟังเสียงจากภาคประชาชนให้มาก และเปิดให้สภาได้ถกเถียงกันในรายละเอียด ในสถานการณ์ชุลมุนเช่นนี้ รัฐอย่าฉวยโอกาส เพื่อที่จะได้อุ้มทุนหนา ฆ่าทุนน้อย” นายพิธา กล่าว .- สำนักข่าวไทย