กรุงเทพฯ 27 เมษายน .-บล.ไทยพาณิชย์ ระบุตลาดทำจุดต่ำสุดแล้วในเดือนมีนาคม หลังหลายประเทศรวมทั้งไทยออกมาตรการเพิ่มสภาพคล่องและเยียวยาเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ส่งผลไตรมาส 2 ผลตอบแทนเริ่มจำกัด แนะเข้าซื้อหุ้น defensive และ คุณภาพสูง Top picks ยังคงเป็น BDMS, BEM, BTS, CPF, MINT เตือนระวังหุ้นที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน และกลุ่มธนาคาร เนื่องจากมีความเสี่ยงด้านกำไรในอนาคตสูง
นายสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) ระบุว่าตลาดหุ้นไทยเดือนเมษายน SET index เริ่มฟื้นตัวแล้ว 13% และฟื้นตัวสูงถึง 24% จากจุดต่ำสุดเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2563 โดยถือเป็นอัตราการฟื้นตัวที่เร็วกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตในช่วงที่ตลาดหุ้นเกิดวิกฤติ ซึ่งเป็นผลจากธนาคารกลางรวมถึงรัฐบาลของประเทศต่างๆทั่วโลก โดยเฉพาะสหรัฐฯ เร่งออกมาตรการเพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับตลาดการเงิน และ ภาคธุรกิจ รวมถึง มาตรการเยียวยาเศรษฐกิจและประชาชนที่มีขนาดของเม็ดเงินสูงมากกว่า 10% ของ GDP เช่นเดียวกับประเทศไทยที่ได้ออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจมาแล้ว 3 ชุด ทำให้นักลงทุนเริ่มมีความเชื่อมั่นและกลับเข้าลงทุนเพิ่มในสินทรัพย์เพื่อการลงทุนทุกกลุ่ม แม้ยังมีความเสี่ยงในตลาดน้ำมันดิบ แต่เชื่อว่าความพร้อมของมาตรการด้านต่างๆ ทำให้โอกาสที่ตลาดหุ้นจะปรับตัวลงอย่างรุนแรงเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในเดือน มี.ค. นั้น มีโอกาสน้อยลง และเชื่อว่าสถานการณ์เลวร้ายที่สุดผ่านพ้นไปแล้ว จึงมองผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 2 เริ่มจำกัด แต่สำหรับนักลงทุนระยะยาว SCBS ประเมินเป้าหมายของ SET Index ในปี 2564 ที่ระดับ 1,400-1,450 จุด
ทั้งนี้คาดว่าโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจมากที่สุดในไตรมาส 2 และ 3 ก่อนที่ผลกระทบจะลดลงในช่วงไตรมาส 4 โดย บล.ไทยพาณิชย์ คาดว่า กำไรสุทธิต่อหุ้น (SET EPS) ปี 2563 จะปรับตัวลดลง 22% โดยหลักๆ เกิดจากยอดขายที่หดตัวลง 16% อย่างไรก็ตาม ในแง่มูลค่าของกําไรสุทธิของ SET อาจจะยังไม่ฟื้นตัวกลับคืนสู่ระดับปี 2562 จนกว่าจะถึงปี 2565
พร้อมแนะกลยุทธ์การลงทุนในปัจจุบัน ให้เลือกซื้อหุ้น defensive ที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง คือ BDMS BEM BTS CPF และ MINT แม้ราคาหุ้นฟื้นตัวขึ้นมาแล้ว แต่เชื่อว่าราคาหุ้นยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อีก เนื่องจากการดำเนินงานมีแนวโน้มที่จะกลับคืนสู่ภาวะปกติได้ในอนาคตอันใกล้นี้ ทั้งนี้เตือนระวังหุ้นที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน และกลุ่มธนาคารเนื่องจากมีความเสี่ยงด้านกำไรในอนาคตสูง
ทั้งนี้ หากดูจากระดับราคาปัจจุบัน SCBS แนะนำเลือกลงทุนในหุ้นที่คาดว่ามีโอกาสฟื้นตัวในรูปแบบตัว V เช่น การขนส่งทางบกและราง ภาคการผลิต และ ธุรกิจห้างสรรพสินค้า โดยระวังธุรกิจที่คาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวรูปแบบตัว U เช่น ธุรกิจสายการบิน ท่าอากาศยาน โรงแรม และ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ การท่องเที่ยว เพราะต้องใช้ความเชื่อมั่นค่อนข้างสูงในการเดินทาง นอกจากนี้ ผลกระทบต่อจิตวิทยาผู้บริโภคสะท้อนถึงปัจจัยกดดันระยะกลางต่ออุตสาหกรรมบางกลุ่ม เช่น พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และ ยานยนต์ ซึ่งจําเป็นต้องใช้เงินลงทุนจํานวนมากท่ามกลางกําลังซื้อที่ลดลง .- สำนักข่าวไทย
