ศาลอาญาคดีทุจริตฯ จัดเสวนา “ความท้าทายในการสร้างดุลยภาพแห่งสิทธิของหน่วยงานฯ”

กรุงเทพฯ 22 ก.ค. – ศาลอาญาคดีทุจริตฯ เปิดวงเสวนา “ความท้าทายในการสร้างดุลยภาพแห่งสิทธิของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับคดีทุจริตประพฤติมิชอบ” มี รอง ผบช.ก. ร่วมสนทนากระบวนการทำงานยันทุกหน่วยงานทำเพื่อประโยชน์ของประชาชน เผยเป็นด่านแรกเจอผู้มีอิทธิพล พร้อมลุยคดีสงฆ์ยันไม่ได้ทำลายศาสนา ปกป้องพระดี


ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติผิดมิชอบกลางได้จัดโครงการส่งเสริมการประสานความร่วมมือด้านยุติธรรมของหน่วยงานในกระบวนการศึกษายุติธรรมประจำปีงบประมาณ 2558 ในหัวข้อความท้าทายในการสร้างดุลยภาพแห่งสิทธิของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ โดยในช่วงการเสวนา มีนายอภิชา เหลืองเรือง รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พร้อมด้วยนายโกวิท ศรีไพโรจน์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต นายอำนาจ พวงชมภู ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ นายพัฒนพงศ์ จันทร์เพ็ชรพูล ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) และนายศิรพงศ์ ขวัญแก้ว เลขานุการศาลยุติธรรมประจำภาค 1 ช่วยทำงานชั่วคราวในตำแหน่งเลขานุการศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เข้าร่วม

โดยช่วงหนึ่งของการเสวนา นายอภิชา ได้กล่าวถึงกระบวนการทำงานของศาลอาญาคดีทุจริต และประพฤติมิชอบกลาง รวมถึงภารกิจของการตั้งศาลอาญาคดีทุจริตฯ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของส่วนรวมและคุ้มครองเจ้าหน้าที่ของรัฐ และประชาชนด้วย โดยศาลอาญาคดีทุจริตใช้ระบบไต่สวน คือ ให้ศาลเป็นคนค้นหาข้อเท็จจริงเอง โดยศาลมีอำนาจการถามพยาน และมีอำนาจออกหมายเรียกบุคคล หรือหน่วยงานมาให้ข้อเท็จจริง เพื่อประกอบการพิจารณาของศาล ส่วนขั้นตอนการดำเนินคดีอาญาต้องเป็นไปด้วยความรวดเร็วมีขั้นตอนกำหนดไว้ชัดเจน นอกจากนี้พยานหลักฐานอะไรที่ไม่จำเป็นศาลจะไม่เอาเข้าสืบ ส่วนเรื่องการสืบพยานคดีทุจริต คนที่ถูกกล่าวหา (จำเลย) ในคดีบางประเภท เช่น เจ้าหน้าที่รัฐถูกกล่าวหาว่าร่ำรวยผิดปกติ ในกรณีนี้ผู้ถูกกล่าวหาจะเป็นต้องนำสืบให้ศาลเห็นว่า ทรัพย์สินที่เพิ่มมานี้ได้มาโดยชอบ กรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือ จำเลยถูกกล่าวหาในคดีทุจริตหลบหนี จะไม่นับระยะเวลาหลบหนีร่วมเป็นส่วนหนึ่งของอายุความ หากหนีก็ต้องหนีตลอดชีวิต และการหลบหนีมีโทษทางอาญา จำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 60,0000 บาท และศาลสามารถพิจารณาลับหลังจำเลยได้


ส่วนศาลอาญาคดีทุจริตมีอำนาจในการพิจารณา คดีทุจริต คือ การที่เจ้าหน้าที่ของรัฐทุจริต และอีกกรณีเป็นการที่เจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหน้าที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ทำให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อน รวมทั้งกรณีที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น การยื่นบัญชีทรัพย์สิน แล้วไม่ยื่น ก็จะถูกดำเนินคดีที่ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ส่วนเรื่องของการออกหมายค้น ศาลต้องคำนึงถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ

ด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ในฐานะที่เคยเป็นผู้บังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ และเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางควบคุมงานปราบปรามการทุจริต จะเห็นว่าพยายามรวบรวมหน่วยงานการทุจริตเข้ามาเป็นหนึ่งเดียวให้เป็นเอกภาพในการให้ความยุติธรรมประชาชน ทั้ง ป.ป.ช., ป.ป.ท., ปปง., สตง. สิ่งที่ทำตำรวจเป็นต้นน้ำของกระบวนการยุติธรรม ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการปราบทุจริตเมื่อมารวมตัวกันคือผลประโยชน์ของประชาชน เป็นเสาค้ำยันของหน่วยงานแต่ละหน่วยงานในการทำงานซึ่งกันและกัน การมาร่วมงานกันเป็นภาพของการสร้างความเป็นธรรมให้กับประชาชนโดยยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง ใช้หลักรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ในการทำงาน กฎหมายไม่สามารถสร้างความสงบสุขหรือความเท่าเทียมเพราะหากบังคับใช้กฎหมายอย่างรุนแรงเกินไป ยกตัวอย่างคดีการทุจริตยาของโรงพยาบาลทหารผ่านศึกมีประชาชนเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้จำนวนมาก เราทำงานยึดพยานหลักฐานและผู้กระทำความผิดที่แท้จริง ส่วนใครจะตกเป็นเหยื่อในการเข้ามายุ่งเกี่ยวจะต้องให้ความเป็นธรรม ไม่ใช่การไม่ดำเนินคดีแต่ต้องดำเนินการให้ถูกต้องและความเป็นธรรม การทุจริตจะต้องมีเจตนาพิเศษคนที่ได้รับผลประโยชน์เป็นจุดที่เราต้องมุ่งเน้นเป็นพิเศษ ดุลยภาพของสิทธิของแต่ละหน่วยงานที่ได้รวมตัวหลายหน่วยงานจะช่วยให้การทำงานเกิดความยุติธรรมโดยแท้จริงโดยไม่มีการบิดเบี้ยวเอนเอียง ประชาชนจะได้รับความเป็นธรรมการการทุจริตจะลดน้อยลง สถานการณ์การทุจริตจะดีขึ้น

“ขอบคุณผู้พิพากษาทุกท่านที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชัน พวกผมเป็นหน่วยงานแรกที่ต้องมาเผชิญกับผู้มีอิทธิพล ไม่ว่าจะเป็นระบบของเมืองไทยที่เป็นระบบอุปถัมภ์ ทุกคนมีเส้นมีสาย มีอำนาจ ถ้าเราไม่ได้คุ้มครอง หรือไม่ได้รับการประสานงานจาก ป.ป.ช. อัยการ ผู้พิพากษา ป.ป.ท. ถ้าเราไม่เป็นเสาค้ำยันกัน การทำงานของเรามันเดินต่อไปยาก ยกตัวอย่างผมเป็นตำรวจ ผมมีหัวหน้าหน่วยงานของผมโทรมา ให้ผมเบาหรือหยุดเรื่องนี้ เท่านี้ก็เหนื่อยแย่แล้ว เพราะฉะนั้นผมเลยพูดว่าหัวหน้าของเราก็คือผู้มีอิทธิพลตัวจริง ไม่ใช่คนอื่น เพราะคนอื่นต้องสั่งหัวหน้าเรา เพราะฉะนั้นรากฐานของผู้มีอำนาจมันโยงใยเหมือนรากต้นไม้ที่เป็นต้นใหญ่ เพราะฉะนั้นสิ่งที่พวกผมทำและเกิดผลมา ยืนยันว่าหน่วยงานบูรณาการด้านกฎหมายกำลังนำสังคมไปสู่การเปลี่ยนแปลง”


นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึงประเด็นเรื่องแวดวงสงฆ์ ว่า สงฆ์ก็มีแต่เมตตาและอภัย เพราะฉะนั้นไม่มีหน่วยงานที่มาคานอำนาจ เมื่อวันนี้เกิดเรื่องขึ้นมา เรามาทำงานบูรณาการ อย่างกรณีล่าสุดเราไม่ใช่จะไปทำลายสถาบันพระพุทธศาสนา แต่เราปกป้องพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ศาสนาไม่ได้เสื่อม มันเสื่อมที่ผู้ปฏิบัติ คือ พระภิกษุสงฆ์บางรูปที่ประพฤติตัวมิชอบ

ต่อมาภายหลังการเสวนา พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า แม่งานหลักที่จัดงานในครั้งนี้คือศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ซึ่งเป็นศาลฯ ที่ให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่รัฐ รวมทั้งประคับประคองการทำงานของเจ้าหน้าที่ให้เป็นไปด้วยความสุจริต ซึ่งที่ผ่านมา ตำรวจกับศาลฯ ทำงานร่วมกันมาโดยตลอด และวันนี้เป็นการบูรณาการร่วมกันในการทำงานของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม ศาลทุจริตฯ เป็นศาลที่ให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่รัฐในการปฎิบัติหน้าที่ ที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตถูกต้อง วันนี้ได้พูดคุยร่วมกันทุกหน่วยงานให้ทราบว่าขบวนการที่ขับเคลื่อนเรื่องการทุจริตเพื่อให้เกิดความสงบสุขและเกิดความเป็นธรรมกับประชาชน และข้าราชการที่เดินหน้าทำงาน ศาลทุจริตฯ จะให้ความเป็นธรรมกับทุกหน่วยงาน และไม่มีข้อยกเว้นในการออกหมายจับผู้กระทำความผิดไม่ว่าจะเป็นใคร

ส่วนเรื่องการออกหมายจับเจ้าหน้าที่รัฐต่างๆ รวมไปถึงพระสงฆ์นั้น ศาลฯ ให้ความเป็นธรรมกับทุกคน การออกหมายจับให้ตำรวจ เป็นเพราะว่ามีพยานหลักฐานที่เชื่อได้ว่าบุคคลนั้นกระทำผิดจริง รวมทั้งหากมีการฟ้องร้องเจ้าหน้าที่รัฐ ศาลฯ ก็มีหน้าที่ปกป้อง เพื่อป้องกันการฟ้องปิดปาก ยกตัวอย่างของกรณีอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จังหวัดพิจิตรที่ฟ้องปิดปากชาวบ้าน

เมื่อถามว่าถ้าหากพระสงฆ์ทำผิด จะต้องมีการลาสิกขาก่อนออกหมายจับหรือไม่ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ระบุว่า ไม่จำเป็น เพราะศาลฯ จะพิจารณาถ้าหากมีพยานหลักฐานเพียงพอ ไม่มีข้อยกเว้นในการออกหมายจับ ต่อให้เป็นผู้พิพากษาก็ตาม

ส่วนกรณีประเด็นเจ้าหน้าที่รัฐที่มีผู้มีอิทธิพลโดยเฉพาะผู้บังคับบัญชามีนัยอะไรหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า ระบบสังคมไทยเป็นระบบอุปถัมภ์ เมื่อจับเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น จับนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (นายก อบต.) ก็จะมีหัวหน้าหรือนายก อบต.เป็นฐานเสียงของนักการเมือง จะต้องมีคนที่ใหญ่กว่าดูแล คนที่ใหญ่กว่าอาจจะใหญ่กว่าผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อาจจะมาสั่งหรือมาบิดเบือนคดี แต่ศาลให้ความมั่นใจว่า ไม่ต้องกลัว หากทำในสิ่งที่ถูกต้อง ให้อำนาจไป แต่ส่วนหนึ่งที่พูดว่าหน่วยงานต่าง ๆ ของการทุจริตมาวันนี้เป็นเรื่องของการบูรณาการทำงานร่วมกันหน่วยงานต่างๆ จึงเป็นเสาค้ำยันให้กันและกันในการสร้างความถูกต้องชอบธรรมให้กับพี่น้องประชาชนในการบังคับใช้กฎหมายให้เป็นไปตามแนวทางของกฎหมายที่ถูกต้องชอบธรรมซึ่งเป็นเรื่องที่มีการเสวนากันในวันนี้.- 419-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เฉลิมพระเกียรติพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

12 ส.ค. – ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 วันนี้เวลา 12.00 น. ณ ท้องสนามหลวง กองทัพบก โดยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ยิงสลุตหลวงจำนวน 21 นัด เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 โดยกองร้อยปืนใหญ่ยิงสลุต ใช้ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีราบ แบบ 80 ขนาด 75 มิลลิเมตร จำนวน 4 กระบอก ทำการยิงตามจังหวะของเพลงสรรเสริญพระบารมี จำนวน 21 นัด จังหวะ 5 วินาที ทีละกระบอก นับรอบจากขวาไปซ้าย ใช้เวลายิงทั้งหมด 1 นาที 40 […]

ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ อาจต้องใช้สิทธิป้องกันตนเอง

12 ส.ค.- ทบ.ชี้กัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดคุกคามต่อเนื่อง ไม่สนผิดอนุสัญญาออตตาวา โฆษก ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ กองทัพอาจจำเป็นต้องใช้สิทธิป้องกันตนเองตามหลักสากล พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 09.10 น. สิบเอก ธีรพล เพียขันที สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 2610 พร้อมกำลังพลรวม 7 นาย ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย บนเส้นทางประจำ ห่างจากปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ประมาณ 1 กิโลเมตร ระหว่างปฏิบัติภารกิจ สิบเอก ธีรพล ได้เหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ฝ่ายกัมพูชาลอบวางไว้ ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณข้อเท้าซ้าย ปัจจุบันได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลพนมดงรัก อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว เหตุการณ์นี้เป็นหลักฐานชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และไม่เคารพต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งห้ามใช้และวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลทุกชนิด นับเป็นการลอบโจมตีที่มีเป้าหมายต่อกำลังพลฝ่ายไทยโดยตรง และเกิดขึ้นในเขตแดนไทย ยิ่งไปกว่านั้น เหตุลักษณะเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นหลายครั้งในพื้นที่ชายแดน สะท้อนถึงเจตนาร้ายและพฤติกรรมต่อเนื่องของฝ่ายกัมพูชาในการคุกคามฝ่ายไทย และละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนไทย สวนทางกับข้อตกลงหยุดยิงระหว่างประเทศในการประชุม GBC ที่ผ่านมา จึงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า […]

ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวน สูญเสียขาอีก 1 นาย

12 ส.ค.- ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิด ขณะลาดตระเวนพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม หลังรั้วลวดหนามฝั่งไทย คาดทหารเขมรล่าถอยแล้วฝังทุ่นระเบิดไว้ เมื่อเวลา 09.10 น. รายงานข่าวจากกองทัพพื้นที่สองเปิดเผยว่า ได้เกิดเหตุทหารพราน 2610 เหยียบกับระเบิดขณะทำการลาดตระเวนบริเวณฐานจุ๊บตาโมก ฝั่งตะวันตกของปราสาทตาเมือนธม ซึ่งอยู่ในแนวรั้วลวดหนามของฝั่งประเทศไทย บริเวณพิกัด R51 มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ทราบชื่อ ส.อ.ธีรพล เพียขันที กรุ๊ปเลือด AB ได้รับบาดเจ็บขาซ้ายขาด ขณะนี้กำลังนำส่งโรงพยาบาล ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากเหตุปะทะกันทางทหารกัมพูชาได้ล่าถอยและฝั่งทุ่นระเบิดไว้ก่อนออกนอกพื้นที่เขตประเทศไทย -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก บอกสื่อ “คิดถึงนะคะ”

สนามหลวง 12 ส.ค.- “แพทองธาร” ยิ้ม ปัดตอบกระแสข่าวชิงลาออก ก่อนศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน บอกสื่อฯ “คิดถึงนะคะ” ภายหลังนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมคู่สมรส ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 ส.ค.2568 ณ ท้องสนามหลวง ทันทีที่พบผู้สื่อข่าว นางสาวแพทองธาร หันมาพูดเพียงสั้น ๆ ว่า “คิดถึงนะ” ผู้สื่อข่าวจึงพยายามสอบถามเรื่องกระแสข่าวการลาออกจากตำแหน่ง ก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำตัดสิน คดีคลิปเสียงสนทนากับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งนางสาวแพทองธาร ยิ้มและไม่ตอบคำถาม ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ หรือสุดท้ายจะอยู่ รวมถึงขอให้ยืนยันว่าจะลาออกหรือไม่ ซึ่งนางสาวแพทองธาร ไม่ได้ตอบคำถาม และเดินทางขึ้นรถทันที.-315 -สำนักข่าวไทย