ศาลอาญาคดีทุจริตฯ จัดเสวนา “ความท้าทายในการสร้างดุลยภาพแห่งสิทธิของหน่วยงานฯ”

กรุงเทพฯ 22 ก.ค. – ศาลอาญาคดีทุจริตฯ เปิดวงเสวนา “ความท้าทายในการสร้างดุลยภาพแห่งสิทธิของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับคดีทุจริตประพฤติมิชอบ” มี รอง ผบช.ก. ร่วมสนทนากระบวนการทำงานยันทุกหน่วยงานทำเพื่อประโยชน์ของประชาชน เผยเป็นด่านแรกเจอผู้มีอิทธิพล พร้อมลุยคดีสงฆ์ยันไม่ได้ทำลายศาสนา ปกป้องพระดี


ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติผิดมิชอบกลางได้จัดโครงการส่งเสริมการประสานความร่วมมือด้านยุติธรรมของหน่วยงานในกระบวนการศึกษายุติธรรมประจำปีงบประมาณ 2558 ในหัวข้อความท้าทายในการสร้างดุลยภาพแห่งสิทธิของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ โดยในช่วงการเสวนา มีนายอภิชา เหลืองเรือง รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พร้อมด้วยนายโกวิท ศรีไพโรจน์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต นายอำนาจ พวงชมภู ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ นายพัฒนพงศ์ จันทร์เพ็ชรพูล ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) และนายศิรพงศ์ ขวัญแก้ว เลขานุการศาลยุติธรรมประจำภาค 1 ช่วยทำงานชั่วคราวในตำแหน่งเลขานุการศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เข้าร่วม

โดยช่วงหนึ่งของการเสวนา นายอภิชา ได้กล่าวถึงกระบวนการทำงานของศาลอาญาคดีทุจริต และประพฤติมิชอบกลาง รวมถึงภารกิจของการตั้งศาลอาญาคดีทุจริตฯ เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของส่วนรวมและคุ้มครองเจ้าหน้าที่ของรัฐ และประชาชนด้วย โดยศาลอาญาคดีทุจริตใช้ระบบไต่สวน คือ ให้ศาลเป็นคนค้นหาข้อเท็จจริงเอง โดยศาลมีอำนาจการถามพยาน และมีอำนาจออกหมายเรียกบุคคล หรือหน่วยงานมาให้ข้อเท็จจริง เพื่อประกอบการพิจารณาของศาล ส่วนขั้นตอนการดำเนินคดีอาญาต้องเป็นไปด้วยความรวดเร็วมีขั้นตอนกำหนดไว้ชัดเจน นอกจากนี้พยานหลักฐานอะไรที่ไม่จำเป็นศาลจะไม่เอาเข้าสืบ ส่วนเรื่องการสืบพยานคดีทุจริต คนที่ถูกกล่าวหา (จำเลย) ในคดีบางประเภท เช่น เจ้าหน้าที่รัฐถูกกล่าวหาว่าร่ำรวยผิดปกติ ในกรณีนี้ผู้ถูกกล่าวหาจะเป็นต้องนำสืบให้ศาลเห็นว่า ทรัพย์สินที่เพิ่มมานี้ได้มาโดยชอบ กรณีที่เจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือ จำเลยถูกกล่าวหาในคดีทุจริตหลบหนี จะไม่นับระยะเวลาหลบหนีร่วมเป็นส่วนหนึ่งของอายุความ หากหนีก็ต้องหนีตลอดชีวิต และการหลบหนีมีโทษทางอาญา จำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 60,0000 บาท และศาลสามารถพิจารณาลับหลังจำเลยได้


ส่วนศาลอาญาคดีทุจริตมีอำนาจในการพิจารณา คดีทุจริต คือ การที่เจ้าหน้าที่ของรัฐทุจริต และอีกกรณีเป็นการที่เจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหน้าที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ทำให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อน รวมทั้งกรณีที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น การยื่นบัญชีทรัพย์สิน แล้วไม่ยื่น ก็จะถูกดำเนินคดีที่ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ส่วนเรื่องของการออกหมายค้น ศาลต้องคำนึงถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ

ด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ในฐานะที่เคยเป็นผู้บังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ และเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางควบคุมงานปราบปรามการทุจริต จะเห็นว่าพยายามรวบรวมหน่วยงานการทุจริตเข้ามาเป็นหนึ่งเดียวให้เป็นเอกภาพในการให้ความยุติธรรมประชาชน ทั้ง ป.ป.ช., ป.ป.ท., ปปง., สตง. สิ่งที่ทำตำรวจเป็นต้นน้ำของกระบวนการยุติธรรม ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการปราบทุจริตเมื่อมารวมตัวกันคือผลประโยชน์ของประชาชน เป็นเสาค้ำยันของหน่วยงานแต่ละหน่วยงานในการทำงานซึ่งกันและกัน การมาร่วมงานกันเป็นภาพของการสร้างความเป็นธรรมให้กับประชาชนโดยยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง ใช้หลักรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ในการทำงาน กฎหมายไม่สามารถสร้างความสงบสุขหรือความเท่าเทียมเพราะหากบังคับใช้กฎหมายอย่างรุนแรงเกินไป ยกตัวอย่างคดีการทุจริตยาของโรงพยาบาลทหารผ่านศึกมีประชาชนเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้จำนวนมาก เราทำงานยึดพยานหลักฐานและผู้กระทำความผิดที่แท้จริง ส่วนใครจะตกเป็นเหยื่อในการเข้ามายุ่งเกี่ยวจะต้องให้ความเป็นธรรม ไม่ใช่การไม่ดำเนินคดีแต่ต้องดำเนินการให้ถูกต้องและความเป็นธรรม การทุจริตจะต้องมีเจตนาพิเศษคนที่ได้รับผลประโยชน์เป็นจุดที่เราต้องมุ่งเน้นเป็นพิเศษ ดุลยภาพของสิทธิของแต่ละหน่วยงานที่ได้รวมตัวหลายหน่วยงานจะช่วยให้การทำงานเกิดความยุติธรรมโดยแท้จริงโดยไม่มีการบิดเบี้ยวเอนเอียง ประชาชนจะได้รับความเป็นธรรมการการทุจริตจะลดน้อยลง สถานการณ์การทุจริตจะดีขึ้น

“ขอบคุณผู้พิพากษาทุกท่านที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชัน พวกผมเป็นหน่วยงานแรกที่ต้องมาเผชิญกับผู้มีอิทธิพล ไม่ว่าจะเป็นระบบของเมืองไทยที่เป็นระบบอุปถัมภ์ ทุกคนมีเส้นมีสาย มีอำนาจ ถ้าเราไม่ได้คุ้มครอง หรือไม่ได้รับการประสานงานจาก ป.ป.ช. อัยการ ผู้พิพากษา ป.ป.ท. ถ้าเราไม่เป็นเสาค้ำยันกัน การทำงานของเรามันเดินต่อไปยาก ยกตัวอย่างผมเป็นตำรวจ ผมมีหัวหน้าหน่วยงานของผมโทรมา ให้ผมเบาหรือหยุดเรื่องนี้ เท่านี้ก็เหนื่อยแย่แล้ว เพราะฉะนั้นผมเลยพูดว่าหัวหน้าของเราก็คือผู้มีอิทธิพลตัวจริง ไม่ใช่คนอื่น เพราะคนอื่นต้องสั่งหัวหน้าเรา เพราะฉะนั้นรากฐานของผู้มีอำนาจมันโยงใยเหมือนรากต้นไม้ที่เป็นต้นใหญ่ เพราะฉะนั้นสิ่งที่พวกผมทำและเกิดผลมา ยืนยันว่าหน่วยงานบูรณาการด้านกฎหมายกำลังนำสังคมไปสู่การเปลี่ยนแปลง”


นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึงประเด็นเรื่องแวดวงสงฆ์ ว่า สงฆ์ก็มีแต่เมตตาและอภัย เพราะฉะนั้นไม่มีหน่วยงานที่มาคานอำนาจ เมื่อวันนี้เกิดเรื่องขึ้นมา เรามาทำงานบูรณาการ อย่างกรณีล่าสุดเราไม่ใช่จะไปทำลายสถาบันพระพุทธศาสนา แต่เราปกป้องพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ศาสนาไม่ได้เสื่อม มันเสื่อมที่ผู้ปฏิบัติ คือ พระภิกษุสงฆ์บางรูปที่ประพฤติตัวมิชอบ

ต่อมาภายหลังการเสวนา พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า แม่งานหลักที่จัดงานในครั้งนี้คือศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ซึ่งเป็นศาลฯ ที่ให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่รัฐ รวมทั้งประคับประคองการทำงานของเจ้าหน้าที่ให้เป็นไปด้วยความสุจริต ซึ่งที่ผ่านมา ตำรวจกับศาลฯ ทำงานร่วมกันมาโดยตลอด และวันนี้เป็นการบูรณาการร่วมกันในการทำงานของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม ศาลทุจริตฯ เป็นศาลที่ให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่รัฐในการปฎิบัติหน้าที่ ที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตถูกต้อง วันนี้ได้พูดคุยร่วมกันทุกหน่วยงานให้ทราบว่าขบวนการที่ขับเคลื่อนเรื่องการทุจริตเพื่อให้เกิดความสงบสุขและเกิดความเป็นธรรมกับประชาชน และข้าราชการที่เดินหน้าทำงาน ศาลทุจริตฯ จะให้ความเป็นธรรมกับทุกหน่วยงาน และไม่มีข้อยกเว้นในการออกหมายจับผู้กระทำความผิดไม่ว่าจะเป็นใคร

ส่วนเรื่องการออกหมายจับเจ้าหน้าที่รัฐต่างๆ รวมไปถึงพระสงฆ์นั้น ศาลฯ ให้ความเป็นธรรมกับทุกคน การออกหมายจับให้ตำรวจ เป็นเพราะว่ามีพยานหลักฐานที่เชื่อได้ว่าบุคคลนั้นกระทำผิดจริง รวมทั้งหากมีการฟ้องร้องเจ้าหน้าที่รัฐ ศาลฯ ก็มีหน้าที่ปกป้อง เพื่อป้องกันการฟ้องปิดปาก ยกตัวอย่างของกรณีอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จังหวัดพิจิตรที่ฟ้องปิดปากชาวบ้าน

เมื่อถามว่าถ้าหากพระสงฆ์ทำผิด จะต้องมีการลาสิกขาก่อนออกหมายจับหรือไม่ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ระบุว่า ไม่จำเป็น เพราะศาลฯ จะพิจารณาถ้าหากมีพยานหลักฐานเพียงพอ ไม่มีข้อยกเว้นในการออกหมายจับ ต่อให้เป็นผู้พิพากษาก็ตาม

ส่วนกรณีประเด็นเจ้าหน้าที่รัฐที่มีผู้มีอิทธิพลโดยเฉพาะผู้บังคับบัญชามีนัยอะไรหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า ระบบสังคมไทยเป็นระบบอุปถัมภ์ เมื่อจับเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น จับนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (นายก อบต.) ก็จะมีหัวหน้าหรือนายก อบต.เป็นฐานเสียงของนักการเมือง จะต้องมีคนที่ใหญ่กว่าดูแล คนที่ใหญ่กว่าอาจจะใหญ่กว่าผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ อาจจะมาสั่งหรือมาบิดเบือนคดี แต่ศาลให้ความมั่นใจว่า ไม่ต้องกลัว หากทำในสิ่งที่ถูกต้อง ให้อำนาจไป แต่ส่วนหนึ่งที่พูดว่าหน่วยงานต่าง ๆ ของการทุจริตมาวันนี้เป็นเรื่องของการบูรณาการทำงานร่วมกันหน่วยงานต่างๆ จึงเป็นเสาค้ำยันให้กันและกันในการสร้างความถูกต้องชอบธรรมให้กับพี่น้องประชาชนในการบังคับใช้กฎหมายให้เป็นไปตามแนวทางของกฎหมายที่ถูกต้องชอบธรรมซึ่งเป็นเรื่องที่มีการเสวนากันในวันนี้.- 419-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ปลัด ศธ. แจง “รมว.นฤมล” ลงใต้ ไม่เน้นพิธีรีตอง

กทม. 21 ก.ค.-ปลัด ศธ. แจงภารกิจแรก “รมว.นฤมล” ลงใต้ ไม่เน้นพิธีรีตอง กำชับ “ครู-นักเรียน” วันหยุดใส่ไปรเวทได้ ไม่ต้องแต่งชุดเต็มยศมารอต้อนรับ ขอลงพื้นที่ไม่ให้ใครลำบาก จากกรณี ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดสุราษฎร์ธานี ระหว่างวันที่ 18-20 กรกฎาคม ที่ผ่านมา มีการแต่งกายใส่กางเกงยีนส์ขาด รองเท้าผ้าใบ พบปะบุคลากรการศึกษา ครูและนักเรียน ที่มารอต้อนรับ เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียล การแต่งกายไม่เหมาะสมกับบทบาทของผู้บริหารระดับสูงในกระทรวงศึกษาธิการ และไม่สอดคล้องกับมาตรฐานการแต่งกายของข้าราชการโดยทั่วไป นายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงกระแสวิจารณ์การแต่งกายของ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ การลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดสุราษฎร์ธานีระหว่างวันที่ 18 – 20 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ว่า ถือเป็นการลงพื้นที่ครั้งแรกตั้งแต่ ศ.ดร.นฤมล มารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ทำให้ยังไม่ได้มีการพูดคุยและทำความเข้าใจในเรื่องการแต่งกายของคณะครูและนักเรียนที่มาร่วมกิจกรรมในวันหยุดราชการ ซึ่งส่วนใหญ่จะมาด้วยชุดสุภาพ เพราะเห็นว่ามีผู้บริหารระดับสูง ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชามาร่วมลงพื้นที่ด้วย ศ.ดร.นฤมล ได้กำชับมาว่าการลงพื้นที่ในช่วงวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ ถือว่าไม่ได้เป็นวันทำงานปกติ […]

สึกแล้ว! “พระธรรมวชิรธีรคุณ” อดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์

20 ก.ค.- สึกกลางดึก! “พระธรรมวชิรธีรคุณ” อดีตเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์และอดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ลาสิกขาแล้วที่วัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง นายบุญเชิด กิตติธรางกูร รอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เผยได้รับรายงานจาก ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครสวรรค์ ว่า “พระธรรมวชิรธีรคุณ อดีตเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์และอดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ลาสิกขาแล้ว ณ พระอุโบสถ วัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง เวลา 23.49 น.” ขณะที่ก่อนหน้านี้ เลขานุการเจ้าคณะใหญ่หนเหนือ ได้แจ้งว่า “พระธรรมวชิรธีรคุณ” ขอลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสวรรค์และเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป เนื่องจากมีปัญหาด้านสุขภาพ -สำนักข่าวไทย

Astronomer CEO caught by kiss cam in Coldplay concert

CEO ลาออกหลังถูกแฉกลางคอนเสิร์ต Coldplay

ซินซินแนติ 20 ก.ค. – บริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐแจ้งเรื่องซีอีโอลาออกแล้ว หลังจากช่วงเวลาขณะกอดกับผู้บริหารของบริษัทที่ไม่ใช่ภรรยาถูกจับภาพไปปรากฏบนจอภาพกลางคอนเสิร์ตวงโคลด์เพลย์ (Coldplay) และกลายเป็นคลิปไวรัลทั่วโลก แอสโตรโนเมอร์ (Astronomer) ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีผู้ให้บริการข้อมูลองค์กรเผยแพร่แถลงการณ์ผ่านเอ็กซ์ ( X) ว่า บริษัทยึดมั่นในคุณค่าและวัฒนธรรมที่นำทางองค์กรมาตั้งแต่ก่อตั้ง ผู้นำบริษัทถูกคาดหวังว่าจะต้องสร้างมาตรฐานด้านจริยธรรมและความรับผิดชอบ แต่เมื่อไม่นานมานี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น นายแอนดี บายรอน ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารหรือซีอีโอของบริษัท และคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติให้ลาออกแล้ว แถลงการณ์ให้คำมั่นว่า บริษัทจะเดินหน้าทำในสิ่งที่ทำได้ดีที่สุด คือ การให้บริการแก้ปัญหาข้อมูลและเอไอ (AI) ให้แก่ลูกค้าต่อไป เรื่องราวอื้อฉาวนี้เกิดขึ้นในคอนเสิร์ตวง Coldplay ที่สนามยิลเลตต์สเตเดียม ในเมืองฟอกซ์โบโร รัฐแมสซาชูเสตต์เมื่อคืนวันที่ 16 กรกฎาคม เมื่อกล้องคิสแคม (kiss cam) ของคอนเสิร์ตจับภาพเจอชายหญิงคู่หนึ่งยืนกอดกันในโซนวีไอพี ซึ่งชายหญิงคู่นี้ไม่ใช่คู่รักธรรมดา แต่เป็นนายบายรอน ซีอีโอของแอสโตรโนเมอร์ และคริสติน คาบอต หัวหน้าฝ่ายพัฒนาทรัพยากรบุคคลหรือเอชอาร์ (HR) ของบริษัท เมื่อรู้ตัวว่าภาพถูกฉายขึ้นจอ ฝ่ายหญิงรีบเอามือปิดหน้าและหันหลังให้กล้อง ส่วนฝ่ายชายรีบนั่งลงให้พ้นจากมุมกล้อง ในจังหวะเดียวกันนั้น คริส มาร์ติน นักร้องนำของวง Coldplay ได้พูดแซวว่า […]

Hong Kong braves heavy rain and strong winds as typhoon Wipha approaches

ฮ่องกงเตือนภัย “ไต้ฝุ่นวิภา” ระดับสูงสุด

ฮ่องกง 20 ก.ค.- ฮ่องกงประกาศเตือนภัยระดับสูงสุดในวันนี้ เนื่องจากไต้ฝุ่นวิภา (Wipha) ที่มีความเร็วลมมากกว่า 167 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำให้เกิดฝนตกหนักและลมกระโชกแรงทั่วฮ่องกง และทำให้ต้องยกเลิกเที่ยวบินมากกว่า 200 เที่ยว สถานีอุตนิยมวิทยาของฮ่องกงยกระดับเตือนภัยพายุ จากหมายเลข 9 ที่ประกาศเมื่อเวลา 07.20 น.วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น เร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง เป็นหมายเลข 10 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเมื่อเวลา 09.20 น. และคาดว่าจะคงระดับเตือนภัยสูงสุดไปอีกระยะหนึ่ง สถานีอุตุนิยมวิทยาฮ่องกงพยากรณ์ว่า ไต้ฝุ่นซึ่งมีกำลังลมแรงเท่ากับเฮอริเคนจะเคลื่อนตัวเฉียดสถานีฯ โดยห่างลงไปทางใต้ราว 50 กิโลเมตร และส่งผลกระทบกับพื้นที่ทางใต้ของฮ่องกง สายการบินคาเธ่ย์แปซิฟิคของฮ่องกงได้ยกเลิกเที่ยวบินขาเข้าและขาออกทั้งหมดตั้งแต่เวลา 05.00-18.00 น.วันนี้ ขณะที่บริการขนส่งมวลชนส่วนใหญ่ในฮ่องกง รวมถึงบริการเรือโดยสารข้ามฟากถูกระงับเพื่อความปลอดภัย.-814.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

โฆษก ทบ. เผยนานาชาติเข้าใจไทยเคลียร์ปมทุ่นระเบิด

กองทัพบก 22 ก.ค.- โฆษก ทบ. เผยเคลียร์ปมทุ่นระเบิด นานาชาติเข้าใจไทย ขณะผู้ช่วยทูตทหารกัมพูชานั่งนิ่งไม่โต้แย้ง – ให้กองทัพภาคที่ 2 ประเมินสถานการณ์หลังคนไทยนัดรวมตัวปราสาทตาเมือนธม ปลายเดือนนี้ พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวภายหลังการเชิญผู้ช่วยทูตทหาร รับฟังคำชี้แจง​สถานการณ์​ชายแดน​ไทย​- กัมพูชา​ หลังกำลังพลเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ​ 3 นาย​ ว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ส่วนใหญ่เป็นการรับฟังและมีคำถามบ้าง ถือว่าน้อย เนื่องจากทุกท่านอาจจะได้รับข่าวสารจากช่องทางอื่นมาบ้างแล้ว ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก ที่พยายามบอกกล่าวและชี้แจงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในเรื่องข้อเท็จจริง พลตรีวินธัย เปิดเผยว่า ทูตทหารของกัมพูชา ไม่ได้ชี้แจงหรือมีคำถามอะไร คำถามส่วนใหญ่มาจากท่านอื่นมากกว่า ที่ถามเรื่องของความมั่นใจและยืนยันใช่หรือไม่ ซึ่งทางเรา ก็ให้เหตุผลไป และจะให้เอกสารชี้แจง ส่วนท่าทีของประเทศมหาอำนาจ ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ซึ่งการเชิญมาในวันนี้เราก็ทำตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก คือทำให้เป็นทางการ ส่วนการหารือได้ชี้แจงเรื่องของการละเมิด บูรณภาพดินแดน และเอ็มโอยู 2543 และอนุสัญญาออตตาวา ด้วยหรือไม่ พลตรีวินธัย ระบุว่า มีการพูดถึงประเด็นดังกล่าว และได้อธิบายตามหลักอนุสัญญา ที่ทั้งสองประเทศเป็นสมาชิก และเล่าถึงกลไกการแก้ไขปัญหา […]

แจ้งเอาผิด “โมนิก้า” ด่าทหาร-ประสาน กต.เรียกตัวให้ปากคำ

สุรินทร์ 22 ก.ค.- สภ.พนมดงรักษ์ รับแจ้งความเอาผิด “โมนิก้า” ม.116 – ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ปมชี้หน้าด่าทหารปราสาทตาเมือนธม ประสาน กต.เรียกตัวให้ปากคำ จากกรณี นักท่องเที่ยวหญิงชาวกัมพูชา ก่อความวุ่นวายประสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ด้วยการชี้หน้าด่าทหารไทยในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ เมื่อวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา ภายหลังมีการเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียว่าผู้หญิงดังกล่าว ชื่อ นโรดม แพน โมนิก้า ล่าสุดสถานีตำรวจภูธรพนมดงรักษ์ (สภ.พนมดงรักษ์) จ.สุรินทร์ ได้รับแจ้งความจากเจ้าหน้าที่ทหารและประชาชนดำเนินคดีข้อหาก่อความวุ่นวาย ดูถูกเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่และการปลุกปั่นยุยงเพื่อนำเข้าในระบบคอมพิวเตอร์ คดีดังกล่าวเป็นที่พูดถึงกันอย่างกว้างขวางและเป็นที่สนใจของประชาชน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้รายงานไปยังผู้บังคับการจังหวัดสุรินทร์ เพื่อแต่งตั้งคณะทำงานสอบสวนดำเนินคดีนี้ เบื้องต้น ทางผู้บังคับการจังหวัดสุรินทร์ ลงนามแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสอบสวน ไปช่วยทำคดีนี้ เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานสอบพยาน พยายานบุคคล พยานแวดล้อม และคลิปเผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย พร้อมทำหนังสือเรียกผู้ถูกกล่าวหาให้เดินทางมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนที่ สภ.พนมดงรักษ์ โดยประสานผ่านกระทรวงการต่างประเทศ -313 -สำนักข่าวไทย

ครม.ไฟเขียว “วิทัย” นั่งเก้าอี้ผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่

กรุงเทพฯ 22 ก.ค. – ครม.ไฟเขียว “วิทัย” นั่งเก้าอี้ผู้ว่าการ ธปท.คนใหม่ เดินหน้าผลักดันนโยบายการเงิน ควบคู่กับนโยบายการคลัง ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบแต่งตั้ง นายวิทัย รัตนากร ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เนื่องจากครบกำหนด นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ครบวาระการดำรงตำแหน่ง ในวันที่ 30 กันยายน 2568 ให้มีผลตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป หลังจากพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายเศรษฐพุฒิ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ตั้งแต่ 21 สิงหาคม 2563 หลังจากสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักเลขาธิการ ครม.ให้ทำหนังสือถึง ปปง., ป.ป.ช. เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติ ให้ชัดเจนมากขึ้น ตามที่กฎหมายกำหนดซึ่งเป็นไปตามข้อกฎหมายกำหนด การประชุม ครม.วันนี้ กระทรวงการคลังจึงส่งเอกสารเพื่อบรรจุในวาระพิจารณา ครม. […]

17 นักวิชาการอิสระ ยื่นหนังสือถึง ครม. ขอผู้ว่าฯ ธปท.เป็นอิสระ

กรุงเทพฯ 22 ก.ค.- 17 นักวิชาการอิสระ ยื่นหนังสือเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี-ครม. ระบุผู้ว่าฯ ธปท.คนใหม่ ต้องเป็นอิสระ ไม่ถูกกดดันให้ลดดอกเบี้ย เพจเฟชบุ๊ก “เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง” โพสต์หนังสือเปิดผนึกถึงคณะรัฐมนตรี เรื่อง ตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เรียน นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี โดยระบุว่า กรณีการเสนอชื่อผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ 22 กรกฎาคม 2568 ขอแสดงความห่วงใยและเสนอความเห็นต่อนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้ 1.เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยควรจะต้องเป็นผู้ที่ให้ความสำคัญต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระยะยาว แม้จะเข้าใจได้ว่าโดยธรรมชาติแล้ว รัฐบาลต้องการการเจริญเติบโตของประเทศในระยะสั้น ซึ่งประสบการณ์การของผู้ทำงานธนาคารของรัฐ อาจจะเคยชินในการสนองตอบต่อนโยบายของนักการเมืองที่เข้ามาบริหารประเทศ อย่างไรก็ดี เนื่องจากประเทศชาติต้องการการเติบโตที่มีเสถียรภาพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย จึงจำเป็นต้องเป็นบุคคลที่สามารถประคับประคอง และลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากการมุ่งการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะสั้นของรัฐบาล 2.ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย จะต้องไม่ถูกกดดันเพื่อลดหรือเพิ่มอัตราดอกเบี้ย หรือเพื่อเปลี่ยนแปลงอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตรา ตามความต้องการของฝ่ายการเมืองและกลุ่มผลประโยชน์ เพราะจะทำให้นักการเมืองและคนบางกลุ่ม สามารถแสวงหาประโยชน์ในบางโอกาสจนร่ำรวย แต่ประเทศชาติเสียหาย 3.ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ต้องเป็นอิสระจากการกดดันของธนาคารพาณิชย์ ธนาคารและสถาบันการเงินของรัฐ แต่จะต้องกำกับดูแลสถาบันการเงินเพื่อประโยชน์ของประเทศระยะยาว 4.ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย จะต้องได้รับการยอมรับระหว่างประเทศ โดยเฉพาะองค์การการเงินระหว่างประเทศ ซึ่งจะทำให้นักลงทุนและสถาบันของต่างประเทศเกิดความมั่นใจที่จะทำธุรกิจและพันธสัญญาในระยะยาว 5.ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ต้องเข้าใจการพัฒนาประเทศในระดับมหภาค […]