กรุงเทพฯ 26 เม.ย. – ธอส.ออกมาตรการ 7 พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 6 เดือน ลูกค้าเอสเอ็มอี ผู้ประกอบการแฟลต อพาร์ทเม้นท์ และผู้ประกอบการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ล่าสุดมีลูกค้าลงทะเบียน 6 มาตรการ 381,911 ล้านบาท
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า ตามที่นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และคณะกรรมการธนาคาร โดยนายปริญญา พัฒนภักดี ประธานกรรมการธนาคาร ได้มีนโยบายให้ ธอส.แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ลูกค้าของธนาคารที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการแพร่ระบาดของ COVID-19 ด้วยการจัดทำ “โครงการ ธอส. ช่วยคนไทย ร่วมสร้างชาติ” ผ่าน 6 มาตรการที่ครอบคลุมลูกค้ากลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลางของธนาคารทั้งสถานะบัญชีปกติ สถานะ NPL หรืออยู่ระหว่างทำข้อตกลงประนอมหนี้ หรือสถานะบัญชีดอกเบี้ยผิดนัด หรือสถานะกฎหมาย ทุกสาขาอาชีพรวมถึงกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวเนื่องด้านสาธารณสุข โดยวันที่ 25 เมษายน 2563 เวลา 17.30 น. พบว่ามีลูกค้าลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้าทั้ง 6 มาตรการ 380,682 บัญชี วงเงินกู้ 381,911 ล้านบาท และเพื่อเป็นการขยายความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายแก่ลูกค้าของธนาคารให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
ล่าสุดคณะกรรมการธนาคารเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2563 มีมติเห็นชอบให้จัดทำมาตรการที่ 7 พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย ระยะเวลา 6 เดือน สำหรับลูกค้าเอสเอ็มอี ผู้ประกอบการแฟลต/อพาร์ทเม้นท์ และผู้ประกอบการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย (Pre Finance) ที่มีวงเงินกู้ไม่เกิน 100 ล้านบาท (วงเงินสินเชื่อรวมทั้งกลุ่มธุรกิจของลูกค้าที่มีกับธนาคารไม่เกิน 100 ล้านบาท) มีสถานะบัญชีปกติและทำนิติกรรมภายในวันที่ 22 เมษายน 2563 ภายหลังจากการพักชำระหนี้ให้กลับไปใช้อัตราดอกเบี้ยตามเงื่อนไขของสัญญาเดิม โดยไม่ถือว่าเป็นการผิดนัดชำระหนี้หรือเสียประวัติข้อมูลเครดิต เพื่อให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี มีเงินทุนและสภาพคล่องเพียงพอในการดำเนินธุรกิจและรักษาการจ้างงาน ส่วนดอกเบี้ยที่พักชำระไว้ ธนาคารได้แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการชำระให้แก่ลูกค้า แบ่งเป็น กรณีสินเชื่อแฟลตให้พักชำระดอกเบี้ยได้อีก 12 เดือน จากนั้นทยอยชำระดอกเบี้ยที่พักชำระไว้ภายใน 24 เดือน หรือ 36 เดือน ตามความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ ส่วนกรณีสินเชื่อพัฒนาโครงการให้ชำระช่วงท้ายของสัญญากู้เงิน ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้ามาตรการผ่านทาง www.ghbank.co.th ตั้งแต่วันที่ 27 เมษายน – 31 พฤษภาคม 2563
นอกจากนี้ สำหรับลูกค้าที่ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้ามาตรการที่ 5 พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 4 เดือน ซึ่งธนาคารจะยกดอกเบี้ยที่พักชำระให้ลูกค้าเมื่อสิ้นสุดระยะเวลากู้ตามสัญญา ซึ่งเป็นมาตรการที่มีลูกค้าลงทะเบียนมากที่สุดถึง 197,907 บัญชี วงเงินกู้ 180,595 ล้านบาท ล่าสุดธนาคารยังให้สิทธิ์ในการเลื่อนระยะเวลาชำระค่าเบี้ยต่ออายุกรมธรรม์ประกันอัคคีภัย ประจำปี 2563 ซึ่งจะครบกำหนดการคุ้มครองตามกรมธรรม์เดิมวันที่ 30 เมษายน 2563 โดยเลื่อนการชำระจากเดิมระหว่างวันที่ 1-31 พฤษภาคม 2563 ไปเป็นระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม – 15 พฤศจิกายน 2563 และลูกค้าจะยังคงได้รับความคุ้มครองต่อเนื่องในช่วงที่ธนาคารให้สิทธิ์เลื่อนระยะเวลาชำระค่าเบี้ยต่ออายุกรมธรรม์
ขณะเดียวกันธนาคารยังอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่เคยแจ้งความประสงค์เข้ามาตรการที่ 5 พร้อมกับกดยอมรับข้อตกลงของมาตรการไปแล้ว หากต้องการยกเลิกหรือเปลี่ยนกลับไปผ่อนชำระตามเงื่อนไขของสัญญาเงินกู้เดิม เนื่องจากรายได้ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหา COVID-19 ให้สามารถกดยกเลิกมาตรการที่ 5 ได้ด้วยตัวเองผ่าน Application : GHB ALL โดยไม่ต้องเดินทางไปที่สาขาภายในวันที่ 28 เมษายน 2563 เท่านั้น ทั้งนี้ เมื่อกดยกเลิกมาตรการที่ 5 แล้วจะไม่สามารถเข้ามาตรการอื่น ๆ ของโครงการ ธอส. ช่วยคนไทย ร่วมสร้างชาติ ได้ในภายหลัง ส่วนลูกค้าที่ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้ามาตรการที่ 5 แล้ว ต้องกดยอมรับข้อตกลงของมาตรการผ่าน Application : GHB ALL จึงถือเป็นการลงทะเบียนเข้ามาตรการโดยสมบูรณ์ และหลังจากปฏิบัติตามข้อตกลงของมาตรการแล้ว ธนาคารจะยกดอกเบี้ยที่พักชำระไว้ทั้ง 4 เดือน ในงวดสุดท้ายของสัญญากู้ต่อไป สอบถามรายละเอียดหรือติดตามข้อมูลข่าวสารของธนาคารเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (Call Center) โทร 0-2645-9000 Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และ www.ghbank.co.th.-สำนักข่าวไทย