พัทยา 30 พ.ย.-หนุ่มพนักงานห้างอ้างถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ยัดข้อหามีอาวุธปืนจับรีดเงิน ด้าน ผกก.สภ.เมืองพัทยา ให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทาง หากเกี่ยวข้องกับตำรวจหรืออาสาจริง จะดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด
เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 30 พ.ย.59 ร.ต.ท.ปฐมพงษ์ กรันฑ์พิสุทธิ์ รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี รับแจ้งจากนายสัญจร คำวิลัย อายุ 43 ปี ว่าได้ถูกกลุ่มชายอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจขอตรวจค้นรถจักรยานยนต์แล้วยัดข้อหามีอาวุธปืนก่อนเรียกเงินจำนวน 4,000 บาท เพื่อเป็นการปล่อยตัวและคืนรถจักรยานยนต์ ภายหลังนำเรื่องดังกล่าวไปบอกภรรยาจึงคิดว่าถูกรีดไถแน่นอนจึงได้พากันมาแจ้งความเพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดี
นายสัญจร คำวิลัย ผู้เสียหายให้การว่า ทำงานเป็นพนักงานของบริษัทแห่งหนึ่ง ประจำอยู่ที่ห้างบิ๊กซี พัทยา หลังเลิกงานได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ออกมาทางซอยสุขุมวิท 36/1 หน้าศูนย์มูลนิธิคุณพ่อเรย์ได้มีชายฉกรรจ์จำนวน 4 คน ลักษณะสวมเครื่องแบบครึ่งท่อนตำรวจคลุมทับด้วยเสื้อคลุมสีดำ ใช้รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า CBR แบบตำรวจติดป้ายทะเบียนตราโล่ ยืนอยู่บริเวณดังกล่าวและได้เรียกให้ตนเองจอดรถเพื่อขอตรวจค้น จึงได้จอดเพื่อให้ค้น หลังจากที่ตรวจแล้วไม่พบอะไร 1 ในกลุ่มได้ชักปืนออกจากเอวแล้วโยนไปที่ใต้เบาะรถของตนเองต่อหน้าต่อตา และแจ้งว่ามีอาวุธปืน ถึงกับงง ก่อนที่จะให้อีก 2 คน นั้นขับขี่รถจักรยานยนต์ของตนเองไป จากนั้นก็บอกว่าให้นำเงินจำนวน 5,000 บาท มาให้เรื่องจะได้จบและจะคืนรถให้ จนมีเพื่อนที่ทำงานด้วยกันมาเจอจึงได้ช่วยหาเงินให้แต่ได้แค่ 4,000 บาท ทั้งหมดก็บอกว่า 4,000 บาท ก็เอา ซึ่งหลังที่ทั้งหมดได้เงินก็พาตนเองนั่งรถซ้อนท้ายไปเอารถจักรยานยนต์บริเวณซอยบ่อบำบัดน้ำเสียเขตหนองปรือ
พ.ต.อ.อภิชัย กรอบเพชร ผกก.สภ.เมืองพัทยา ระหว่างการประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยาประจำเดือน ได้สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกับอาสาสมัครให้แต่งกายให้แยกออกว่าเป็นตำรวจหรืออาสา กรณีนายสัญจร คำวิลัย ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ยัดข้อหารีดเงิน ขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่ตรวจสอบเอง ในเบื้องต้นยังสรุปไม่ได้ว่าเป็นจริงตามที่นายสัญจร คำวิลัย กล่าวอ้างหรือไม่ ซึ่งได้ติดต่อให้เพื่อนนายสัญจรที่อ้างว่านำเงินจำนวนดังกล่าวมาใช้จริงหรือไม่ นอกจากนั้นกำลังให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทาง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพอทราบข้อมูล แต่ขอยังไม่เปิดเผย หากเกี่ยวข้องกับตำรวจหรืออาสาจริงก็จะดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด ซึ่งขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานและหาหลักฐานให้ชัดเจน.-สำนักข่าวไทย