สธ.24 เม.ย.- สธ.ประชุมร่วม ททท.เตรียมพร้อมหากนายกรัฐมนตรี ปลดล็อกดาวน์มาตรการโควิด -19 ตั้งอธิบดีกรมอนามัย วางกรอบเปิดพื้นที่ และกิจกรรมสาธารณะ โดยนำสุขภาพนำการท่องเที่ยว เพื่อเป็นวิถีการท่องเที่ยวแบบใหม่ พื้นที่สวนสาธารณะเปิดได้ แต่กีฬาที่เล่น ต้องไม่สัมผัสกัน เช่น แบดมินตัน เทนนิส ส่วนภาคการท่องเที่ยง คาดเปิดในเที่ยวได้ภายในจังหวัด หรือท่องเที่ยวระยะสั้น ด้วยรถยนต์ส่วนบุคคล และเส้นทางไม่เกิน 200-300 กิโลเมตร
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ประชุมร่างข้อเสนอมาตรการพื้นฐานสำหรับประกอบการพิจารณาการท่องเที่ยวและกีฬา โดยนายพิพัฒน์ กล่าวว่า การประชุมวันนี้เพื่อเตรียมความพร้อม วางแผนแนวทางการเปิดกิจการ หรือกิจกรรมในบางพื้นที่ กรณีนายกรัฐมนตรีประกาศปลดล็อกดาวน์มาตรการโควิด-19 โดยย้ำว่าจากนี้กิจกรรรมการท่องเที่ยวและกีฬาต้องใช้มาตรการสาธารณสุข เพื่อให้สามารถดำเนินกิจกรรมได้อย่างปลอดภัย และเป็นแบบอย่างให้กับนานาประเทศ ที่กำลังมองดูว่ามาตรการของไทยจะเป็นอย่างไร
เบื้องต้นที่ประชุมเห็นชอบตรงกันตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด โดยมีอธิบดีกรมอนามัยเป็นประธาน เพื่อวางกรอบกฎระเบียบการดำเนินกิจกรรมในการท่องเที่ยวและกีฬา คาดว่าในสัปดาห์หน้า น่าจะมีข้อสรุปที่ชัดเจน หลังทราบข้อมูลการประกาศของนายกรัฐมนตรี ว่าจะเปิดพื้นที่หรือไม่ ในวันอังคารที่ 28 เมษายนนี้
นายพิพัฒน์ กล่าวต่อไปว่า กรอบของคณะกรรมการนี้ครอบคลุมตั้งแต่การวางแผนการต้อนรับนักท่องเที่ยว กิจกรรม การเปิดพื้นที่การท่องเที่ยว ซึ่งเป็นภายในประเทศก่อน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดหรือการเจ็บป่วยจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่นเดียวกับการกีฬา ที่สามารถทำกิจกรรมได้
โดยในกรอบเบื้องต้น คือกีฬาที่ไม่มีการเกี่ยวข้องสัมผัสกับร่างกายกัน เช่น แบดมินตัน เทนนิส และการแข่งขันกีฬาก็ยังต้องทำในลักษณะปิด สวนสาธารณะอาจพิจารณาเปิดได้ แต่ต้องไม่นั่งรวมกัน ซึ่งมาตรการเหล่านี้ จะค่อยๆทยอยมาทีละเฟส เช่นบางพื้นที่ ไม่มีการแพร่ระบาดโควิด -19 ใน10 จังหวัด พื้นที่เหล่านี้อาจเปิดก่อน เป็นต้น แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี แต่เชื่อว่าการเปิดพื้นที่เหล่านี้อย่างน้อยก็เป็นไปในลักษณะของการไปมาหาสู่กันได้ และทำกิจกรรมได้
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)กล่าวว่า จากข้อมูลของ OTA พบว่า ประชาชนจำนวนมากต่างค้นหา สถานที่ท่องเที่ยวในเดือนพฤษภาคม และเตรียมการจองที่พัก วิเคราะห์ได้ว่าหลังประกาศปลดล็อกดาวน์ มีประชาชนที่ต้องการเดินทางไปท่องเที่ยว ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับสถานการณ์ปกติ ในช่วงเดือนพฤษภาคมเป็นช่วงโลว์ซีซั่น แต่การท่องเที่ยวต้องมีการปรับเปลี่ยนไป เป็นการท่องเที่ยวแบบดาวน์ไซส์ หรือระยะสั้น ในระยะทางไม่เกิน 200-300 กิโลเมตร แบบวันเดย์ทริป เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนบุคคล ไม่ใช่การเดินทางด้วยเครื่องบิน เป็นการท่องเที่ยวภายในจังหวัด หรือท่องเที่ยวจังหวัดข้างเคียง ซึ่งทุกคนต้องปรับตัว
พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรอบและเกณฑ์การพิจารณาประเมินปลดล็อกกิจกรรม มีตั้งแต่เงื่อนไขของสถานที่ พื้นที่ ความหนาแน่นของผู้คน โดยพื้นที่มีความโปร่งหรือกิจกรรมการกลางแจ้ง สามารถดำเนินกิจกรรมได้ก่อน ส่วนการเล่นกิจกรรม ยังคงเน้นกิจกรรมที่ไม่สัมผัสจับต้องกัน และการแข่งขันกีฬาในทุกประเภทยังคงต้องเป็นลักษณะปิดอยู่ ซึ่งเหล่านี้ วิถีการท่องเที่ยวแบบใหม่ .-สำนักข่าวไทย