“พิพัฒน์” โต้ฝ่ายค้าน จัดงบกรมพัฒนาแรงงานเพิ่ม

รัฐสภา 31 พ.ค.-“พิพัฒน์” แจงงบกรมพัฒนาแรงงานที่เพิ่มขึ้น เพราะต้องพัฒนาทักษะแรงงานทั้งในไทยและส่งออก ขณะงบประกันสังคมลดลง ของบกลางปี 68 ใช้หนี้ เตรียมแก้กฎหมายช่วยแรงงานที่ถูกเลิกจ้าง ได้รับเงินเยียวยาจากนายจ้าง เผย กำลังศึกษาปล่อยกู้ให้ ผู้ใช้แรงงาน มาตรา 33 39 40 สร้างอาชีพอิสระหารายได้เสริมให้กับครอบครัว

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ชี้แจงกรณีที่มีการอภิปรายงบประมาณของกระทรวงแรงงาน 68,169 ล้านบาท ซึ่งบางหน่วยงานของกระทรวงแรงงานก็มีการถูกปรับลดงบประมาณลง แต่มีกรมพัฒนาฝีมือแรงงานที่ได้งบประมาณเพิ่มขึ้น เพราะยุคนี้แรงงานต้องเพิ่มทักษะ รีสกิล อัพสกิล และในการจัดอบรมเรื่องของ AI หรือ semi connector ทางสำนักงบประมาณ จึงจัดงบประมาณให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เพิ่มขึ้นเป็นกรณีพิเศษ เพิ่มขึ้น 500 กว่าล้านซึ่งเป็นกรมเดียว ที่ได้งบประมาณเพิ่มขึ้นมากที่สุด ขณะที่ประกันสังคม มีการปรับลดงบประมาณลงเยอะที่สุด เพราะมีเงินสนับสนุนจากกองทุนในแต่ละปีได้รับการจัดสรร ให้ประมาณ 10% สามารถนำไปใช้จ่ายได้ แต่ประกันสังคมไม่เคยใช้ถึง 10% จะใช้อยู่ที่ประมาณ 2% กว่า นี่คือส่วนหนึ่งที่ผู้บริหารประกันสังคมและบอร์ดประกันสังคมที่มาจากการเลือกตั้ง พยายามดูเรื่องของงบประมาณที่จะเอามาใช้จ่ายในประกันสังคม เพราะฉะนั้นก่อนที่จะใช้จ่ายอะไรต้องผ่านอนุกรรมการ 16 คณะ ที่ตั้งโดยบอร์ดประกันสังคม


ทั้งนี้ การพัฒนาทักษะแรงงาน ไม่ได้ทำเฉพาะแรงงานที่อยู่ในประเทศแต่จะทำให้กับแรงงานที่ได้ส่งออกไปต่างประเทศด้วย โดยได้มีการลงไปสำรวจในแต่ละประเทศว่าต้องการแรงงานเท่าไหร่เพื่อที่จะได้มีการเตรียมการในการป้อนแรงงานของไทยไปสู่ต่างประเทศ ซึ่งในแต่ละปีเรามีรายได้จากแรงงานที่อยู่ต่างประเทศ ปีละไม่น้อยกว่า 250,000 ล้านบาท ซึ่งนี่ถือเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยอีกส่วนหนึ่ง

ส่วนประเด็นที่นายเซียร์ จำปาทอง สส.พรรคประชาชนอภิปราย กรณีการเยียวยาลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้าง ขณะนี้ตนได้ดำเนินการไปแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับ รอการเวียนของแต่ละกระทรวงอยู่ ทางกระทรวงแรงงานปัจจุบัน ได้หาทางออกแล้วคือการตั้งคณะกรรมการ โดยการศึกษาร่วมระหว่างปลัดกระทรวงแรงงานเป็นประธาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองผู้ แรงงานและประกันสังคม ซึ่งก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีได้มีการอนุมัติเงิน สงเคราะห์ลูกจ้าง ซึ่งจะมีการเก็บในวันที่ 1 ตุลาคม จ่ายโดยนายจ้าง 0.25% ซึ่งส่วนนี้ก็มีความกังวลว่าจะเป็นการผลักภาระให้กับนายจ้างหรือไม่ กระทรวงแรงงานจะมีการหารือกัน จนในข้อสรุปว่าอาจจะยกเลิกเงินส่วนนี้ แต่จะขอความร่วมมือนายจ้างให้ช่วยสมทบ 0.05% และเอาไปฝากไว้ที่กองทุนเงินทดแทน ดังนั้นเมื่อไหร่ที่มีปัญหาเรื่องของการเลิกจ้าง หรือสถานประกอบการปิดกิจการ ก็จะเอาเงินจากส่วนนี้ มาชดเชยให้กับลูกจ้าง และหากมีการต่อสู้คดีจนมีการฟ้องร้องกันก็จะให้ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเป็นเจ้าภาพ ในการที่จะฟ้องร้องฝ่ายนายจ้าง เพราะเรามีความเห็นที่ตรงกันได้ว่าถ้าตราบใดปล่อยให้ลูกจ้างไปต่อสู้กับนายจ้าง คิดว่าโอกาสที่จะชนะนายจ้างคงเป็นไปได้ยาก ฉะนั้น จึงจำเป็นจะต้องมีกองทุนในส่วนนี้ แต่ทั้งหมดนี้ก็ต้องมีการปรับแก้กฎหมาย โดยขอความร่วมมือจากสส.ฝ่ายรัฐบาล และ พรรคฝ่ายค้านต้องมาร่วมกันโหวตดีที่สุดคือ การพิจารณา 3 วาระรวด ถ้าเราทำอย่างนี้ได้ ลูกจ้างที่ได้รับความเดือดร้อน ก็จะได้รับเงินจากประกันสังคมที่จะนำเงินส่วนนี้มาชำระให้ก่อน แต่นั่นหมายความว่าพ.ร.บ.ต้องได้รับการแก้ไขแล้ว มีเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดและเป็นข้อมูลที่ลูกจ้างทุกคนอยากจะได้ยิน แต่เบื้องต้นประกันสังคมก็เยียวยาไปแล้ว 50% ในระยะเวลา 6 เดือน และของกรมสวัสดิการ ก็จะแบ่งเป็น 30% 50% และ 70% แต่ยังเหลือก้อนสุดท้าย คือเงินเยียวยาที่นายจ้างจะต้องชำระให้กับบุคคลที่ถูกเลิกจ้าง ซึ่งถ้าหากแก้กฎหมายในส่วนนี้ได้ก็จะเป็นการแก้ปัญหาโดยถาวร จึงอยากฝากผู้ใช้แรงงานทุกคนหากมีปัญหาอะไรให้มาที่กระทรวงแรงงานไม่ต้องไปถามใคร


ส่วนงบกลาง 157,000 ล้าน ที่นายกรัฐมนตรี ได้โยกมา ให้ปรับโครงสร้างพื้นฐานซึ่งทาง ประกันสังคมได้เงินมา 10,000 ล้าน แต่ไม่ได้มาในลักษณะการช่วยเหลือ เป็นการใช้หนี้คืนให้กับประกันสังคม ซึ่งมีการติดหนี้อยู่ประมาณ 5 หมื่นกว่าล้าน แต่ในเงิน 10,000 ล้านนี้ประกันสังคมก็ได้เอามารวม กับอีกก้อนหนึ่ง 20,000 ล้าน ซึ่งประกันสังคมได้มีการเซ็น MOU ไปเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม กับ 6 ธนาคาร ในการปล่อยเงิน 30,000 กว่าล้านบาทเพื่อเป็นการเสริมสภาพคล่อง กับสถานประกอบการ โดยจะแบ่งเป็น 3 ขั้นตอนคือสถานประกอบการที่มีลูกจ้าง น้อยกว่า 200 คน สามารถกู้ได้ 15 ล้านบาท ถ้ามีลูกจ้างถึง 500 คนได้ 30 ล้านบาท เกินกว่า 500 คน ได้ 50 ล้านบาท ดอกเบี้ยเบื้องต้น 3 ปีแรก สำหรับคนที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ดอกเบี้ย 2.35% แต่สำหรับคนที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ดอกเบี้ย 4.75% นี่คือส่วนต่างๆ ที่กระทรวงแรงงาน พยายามหยิบเงินส่วนนี้ขึ้นมาเพื่อจะกระตุ้น ให้กับนายจ้างหรือสถานประกอบการ เพื่อรักษาการจ้าง ไม่น้อยกว่า 80%

ส่วนเงิน 24,000 ล้านบาทในก้อนแรกเราจะใช้สนับสนุน ผู้ใช้แรงงานในมาตรา 33,39,40 สำหรับการไปสร้างอาชีพอิสระ สร้างรายได้เสริมให้กับครอบครัวตัวเอง ซึ่งขณะนี้ปลัดกระทรวงแรงงาน ได้หารือกับธนาคาร และมีการตอบรับมาแล้ว2 แห่ง ที่ผู้ใช้แรงงานสามารถไปขอยื่นกู้เพื่อสร้างรายได้เสริม และตนมั่นใจว่าสิ่งที่รัฐบาลทุกรัฐบาล ต้องการมากที่สุดคือ ทำอย่างไรให้ฐานรากหรือรากหญ้ามีความเข้มแข็ง ที่สุด ถ้ามีความเข้มแข็งที่สุดแล้วกับการที่รัฐบาลจะไปอัดฉีด โครงสร้างใหญ่ๆ เพื่อทำให้เกิดการกระตุ้น GDP แต่ถ้าหากว่ารากหญ้ายังไม่แข็งแรง การพะวักหน้าพะวงหลัง ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ทำให้รัฐบาล ก้าวได้ยาก ฉะนั้นกระทรวงแรงงานโดยประกันสังคมจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้การสนับสนุนรัฐบาลก้าวหน้าต่อไปให้ได้ แต่ทั้งหมดนี้ต้องผ่านบอร์ดของประกันสังคมก่อน

ส่วนในเรื่องของการดูแลความปลอดภัยในการทำงาน ซึ่งกระทรวงแรงงานและกรมสวัสดิการแรงงานได้มีการตั้งคณะกรรมการ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ ในการก่อสร้าง และชุดเฉพาะกิจตรวจสอบและดูแลคุณภาพชีวิตแรงงาน กรณีเกิดอุบัติเหตุ หรือประสบอันตรายจากการทำงาน กรณีร้ายแรง ซึ่งมีสมาชิกทั้งหมด 30 หน่วยงาน รวมถึงบริษัทที่เป็นผู้รับเหมา ในกรุงเทพฯด้วย มีการประชุมไปแล้ว 1 ครั้งและมีการลงพื้นที่จริง 3 ครั้ง ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้ตั้งก่อนที่จะมีการถล่มของตึกสตง.เพียงเล็กน้อย แต่ยังไม่ทันได้ออกตรวจก็เกิดเหตุการณ์ตึกถล่มแต่ก่อน นี่เป็นสิ่งที่ห่างกระทรวงแรงงานค่อนข้างเสียใจมาก เหตุเกิดไปแล้วฉะนั้นจะบอกว่าจะรับผิดชอบหรือไม่รับผิดชอบไม่ได้เพราะ อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงแรงงาน โดยกรมสวัสดิการ และคุ้มครองแรงงาน เพราะฉะนั้นจากที่มีผู้อภิปราย ก็ขอให้ทราบว่ามีการตั้งคณะกรรมการ มาเพื่อรณรงค์ ในการป้องกันอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากการทำงาน และในปี 2570 จะต้องลดอุบัติเหตุ ให้ได้เหลือ 1 ต่อ 1,000 คน และลดการเสียชีวิต 3 ต่อ 100,000 คน


นายพิพัฒน์ ยังกล่าวต่อว่า ได้มีการขอชี้แจงในห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎรแล้วแต่เนื่องจากเวลาไม่เพียงพอ จึงต้องมาแถลงข่าวชี้แจงแทน ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างที่เพื่อนสมาชิกได้อภิปรายในสภาพวกเราได้ดำเนินการ และพวกเราก็ได้ทำล่วงหน้าไปแล้วบางส่วน และในบางส่วนที่ยังไม่ได้รับงบประมาณ ก็รองบประมาณมาเพื่อที่จะขับเคลื่อนต่อไป แต่อย่างไรก็ตามในงบประมาณปี 2568 ที่ได้มีการอภิปรายกันมาขณะนี้พวกเราได้ดำเนินการอยู่.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

อุดพนังกั้นน้ำสำเร็จ น้ำท่วมหล่มสักเริ่มคลี่คลาย

เพชรบูรณ์ 21 ก.ย.-น้ำท่วมตัวอำเภอหล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ รวมทั้งย่านการค้า เริ่มลดลงแล้ว หลังเจ้าหน้าที่อุดพนังกั้นน้ำที่พังลงมาได้สำเร็จ และน้ำในแม่น้ำป่าสักลดลง จุดที่พนังกั้นน้ำริมแม่น้ำป่าสักแตกยาวกว่า 10 เมตร ทำให้น้ำทะลักเข้าท่วมเขตเศรษฐกิจ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เจ้าหน้าที่สามารถปิดพนังกั้นน้ำที่พังลงมาได้แล้ว แม้จะยังไม่ 100% ทำให้ยังมีน้ำรั่วซึมเข้ามาบ้าง แต่ช่วยลดปริมาณน้ำจากแม่น้ำป่าสักที่ทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนและอาคารร้านค้าหลายร้อยหลังในย่านการค้าของหล่มสักลงได้ ส่งผลให้น้ำที่ท่วมหลายจุดตั้งแต่เมื่อวานลดลง บางจุดเริ่มเห็นผิวถนนแล้ว และคาดว่าจะลดลงต่อเนื่อง หลังระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักที่ไหลผ่านตัวอำเภอหล่มสัก ลดลงเฉลี่ยชั่วโมงละ 10 เซนติเมตร จนต่ำกว่าพนังที่ทางเทศบาลเสริมขึ้นมาแล้ว แต่ยังมีบ้านเรือนตามชุมชนที่อยู่ริมน้ำใกล้จุดพนังแตก ถูกน้ำท่วมขังอยู่บ้าง ขณะที่ชาวบ้านหลายครอบครัวเร่งนำข้าวของเครื่องใช้ที่ถูกน้ำท่วมเสียหายออกมาล้างทำความสะอาด เร่งล้างคราบโคลนภายในบ้านกันบ้างแล้ว หลังต้องเจอน้ำท่วมหนักถึง 2 รอบ ในช่วง 3 สัปดาห์ และกว่าจะอุดพนังกั้นน้ำที่พังลงมาได้สำเร็จไม่ใช่เรื่องง่าย เจ้าหน้าที่ต้องใช้ความพยายามตลอดทั้งคืน ระดมกำลังคนและเครื่องจักรหนักเข้ากู้สถานการณ์ อุดรอยรั่วซ่อมพนังกั้นน้ำ ตรงข้ามสวนดงตาล ที่พังลงมายาวกว่า 10 เมตร โดยใช้แบริเออร์ กระสอบทรายบิ๊กแบ็ก วางอุดรอยรั่วได้สำเร็จ แม้ตอนนี้ยังคงมีน้ำรั่วซึมเข้ามาจากจุดพนังแตกอยู่บ้าง แต่หากระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักลดลงอย่างต่อเนื่องแบบนี้ คาดว่าสถานการณ์น้ำท่วมในเขตเทศบาลเมืองหล่มสักจะลดลงต่อเนื่อง.-สำนักข่าวไทย

ทบ.ชี้แจงปมกัมพูชาประท้วงไทย ย้ำพื้นที่อยู่ในเขตไทย

กทม. 21 ก.ย.-กองทัพบก ชี้แจงปมกัมพูชาประท้วงไทย ย้ำพื้นที่อยู่ในเขตไทย ไม่ใช่พื้นที่พิพาท กรณีกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ออกแถลงการณ์เมื่อ 20 ก.ย.68 ระบุว่า “กัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงและคัดค้านอย่างเป็นทางการต่อรัฐบาลไทย เกี่ยวกับเจตนาที่จะใช้กฎหมายภายในประเทศของไทยกับพลเมืองกัมพูชาในหมู่บ้านโจกเจย และหมู่บ้านไปรจัน ตำบลโอเบยเจือน อำเภอโอโจรว จังหวัดบันเตียเมียนเจย โดยมีรายละเอียดกล่าวหาฝ่ายไทยว่า ฝ่ายไทยอ้างสิทธิ์ใช้กฎหมายภายในประเทศกับพลเมืองกัมพูชาในพื้นที่พิพาท โดยการอ้างสิทธิ์ดังกล่าวของไทยละเมิดพันธกรณีตามกฎบัตรสหประชาชาติ (มาตรา 2(3) และ 2(4)) เป็นการละเมิดบันทึกความเข้าใจ MOU 2000 ว่าด้วยการสำรวจและปักปันเขตแดนทางบก ขัดต่ออำนาจหน้าที่ของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม ขอเรียกร้องให้ไทยยุติกิจกรรมที่บ่อนทำลายความพยายามลดความตึงเครียด ตามข้อตกลงหยุดยิง พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงต่อกรณีนี้ว่า ฝ่ายไทยมีสิทธิและหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายภายในประเทศกับบุคคลที่อยู่ในเขตดินแดนของไทย ซึ่งเป็นหลักการสากลที่ทุกประเทศยอมรับ และขอยืนยันว่า พื้นที่ที่ฝ่ายไทยอาจจำเป็นต้องดำเนินการก่อนนั้น ไม่ได้อยู่ในเขตของพื้นที่ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างสิทธิ์ อย่างที่ฝ่ายกัมพูชาพยายามบิดเบือน แต่อยู่ในเขตอธิปไตยของประเทศไทยอย่างชัดเจน ซึ่งทำให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างถูกต้องตามหลักอธิปไตยของรัฐ ส่วนเรื่องพันธกรณีตามกฎบัตรสหประชาชาติ ในมาตรา 2(3) ที่ได้ระบุไว้ว่า “รัฐสมาชิกต้องระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศด้วยวิธีสันติ เพื่อไม่ให้สันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศตกอยู่ในอันตราย” นั้น ในความเป็นจริงกลับพบว่า ฝ่ายกัมพูชามักจะเป็นผู้ละเมิด อย่างกรณีการปลุกปั่น จัดฉาก […]

จับตาปลาย ก.ย. พายุถี่ขึ้น ลุ้นเคลื่อนเข้าไทย

กรุงเทพฯ 21 ก.ย.- กรมอุตุฯ เผยแนวโน้มเกิดพายุถี่ขึ้นช่วงปลายเดือน ก.ย. ทั้งในมหาสมุทรแปซิฟิกและทะเลจีนใต้ ขณะที่พายุไต้ฝุ่น “รากาซา” แม้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่ส่งอิทธิพลต่อร่องมรสุมและมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้หลายพื้นที่มีฝนเพิ่มขึ้น ต้องเฝ้าระวังฝนตกหนักและฝนตกสะสม นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ช่วงปลายเดือนกันยายนนี้มีแนวโน้มเกิดพายุถี่ขึ้นบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกและทะเลจีนใต้ โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 26–27 กันยายน มีโอกาสเกิดพายุลูกใหม่เพิ่มอีก แม้ขณะนี้ยังไม่มีทิศทางชัดเจนว่าจะเคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยหรือไม่ แต่ต้องจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ปัจจุบัน พายุไต้ฝุ่น “รากาซา” (RAGASA) ยังคงเคลื่อนตัวอยู่บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก แม้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ไทยโดยตรง แต่ส่งอิทธิพลต่อสภาพอากาศในประเทศ ทำให้ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ขณะเดียวกันมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยก็มีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้หลายพื้นที่มีฝนเพิ่มขึ้น และบางแห่งมีฝนตกหนักถึงหนักมาก โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 21–27 กันยายน 2568 พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังฝนตกหนักและฝนตกสะสม ได้แก่ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก เช่น จันทบุรี ตราด รวมถึงภาคเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง เช่น แม่ฮ่องสอน […]

ไทยตอนบนฝนตกหนักบางแห่ง

กทม. 21 ก.ย.-กรมอุตุฯ ไทยตอนบนฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะ จ.แม่ฮ่องสอน ตาก จันทบุรี และตราด ทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร กรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 60% ของพื้นที่ กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตาก จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 06.00 น. วันนี้ ถึง 06.00 น. วันพรุ่งนี้ ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ […]