“พิพัฒน์” โต้ฝ่ายค้าน จัดงบกรมพัฒนาแรงงานเพิ่ม

รัฐสภา 31 พ.ค.-“พิพัฒน์” แจงงบกรมพัฒนาแรงงานที่เพิ่มขึ้น เพราะต้องพัฒนาทักษะแรงงานทั้งในไทยและส่งออก ขณะงบประกันสังคมลดลง ของบกลางปี 68 ใช้หนี้ เตรียมแก้กฎหมายช่วยแรงงานที่ถูกเลิกจ้าง ได้รับเงินเยียวยาจากนายจ้าง เผย กำลังศึกษาปล่อยกู้ให้ ผู้ใช้แรงงาน มาตรา 33 39 40 สร้างอาชีพอิสระหารายได้เสริมให้กับครอบครัว

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ชี้แจงกรณีที่มีการอภิปรายงบประมาณของกระทรวงแรงงาน 68,169 ล้านบาท ซึ่งบางหน่วยงานของกระทรวงแรงงานก็มีการถูกปรับลดงบประมาณลง แต่มีกรมพัฒนาฝีมือแรงงานที่ได้งบประมาณเพิ่มขึ้น เพราะยุคนี้แรงงานต้องเพิ่มทักษะ รีสกิล อัพสกิล และในการจัดอบรมเรื่องของ AI หรือ semi connector ทางสำนักงบประมาณ จึงจัดงบประมาณให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เพิ่มขึ้นเป็นกรณีพิเศษ เพิ่มขึ้น 500 กว่าล้านซึ่งเป็นกรมเดียว ที่ได้งบประมาณเพิ่มขึ้นมากที่สุด ขณะที่ประกันสังคม มีการปรับลดงบประมาณลงเยอะที่สุด เพราะมีเงินสนับสนุนจากกองทุนในแต่ละปีได้รับการจัดสรร ให้ประมาณ 10% สามารถนำไปใช้จ่ายได้ แต่ประกันสังคมไม่เคยใช้ถึง 10% จะใช้อยู่ที่ประมาณ 2% กว่า นี่คือส่วนหนึ่งที่ผู้บริหารประกันสังคมและบอร์ดประกันสังคมที่มาจากการเลือกตั้ง พยายามดูเรื่องของงบประมาณที่จะเอามาใช้จ่ายในประกันสังคม เพราะฉะนั้นก่อนที่จะใช้จ่ายอะไรต้องผ่านอนุกรรมการ 16 คณะ ที่ตั้งโดยบอร์ดประกันสังคม


ทั้งนี้ การพัฒนาทักษะแรงงาน ไม่ได้ทำเฉพาะแรงงานที่อยู่ในประเทศแต่จะทำให้กับแรงงานที่ได้ส่งออกไปต่างประเทศด้วย โดยได้มีการลงไปสำรวจในแต่ละประเทศว่าต้องการแรงงานเท่าไหร่เพื่อที่จะได้มีการเตรียมการในการป้อนแรงงานของไทยไปสู่ต่างประเทศ ซึ่งในแต่ละปีเรามีรายได้จากแรงงานที่อยู่ต่างประเทศ ปีละไม่น้อยกว่า 250,000 ล้านบาท ซึ่งนี่ถือเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยอีกส่วนหนึ่ง

ส่วนประเด็นที่นายเซียร์ จำปาทอง สส.พรรคประชาชนอภิปราย กรณีการเยียวยาลูกจ้างที่ถูกเลิกจ้าง ขณะนี้ตนได้ดำเนินการไปแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับ รอการเวียนของแต่ละกระทรวงอยู่ ทางกระทรวงแรงงานปัจจุบัน ได้หาทางออกแล้วคือการตั้งคณะกรรมการ โดยการศึกษาร่วมระหว่างปลัดกระทรวงแรงงานเป็นประธาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองผู้ แรงงานและประกันสังคม ซึ่งก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีได้มีการอนุมัติเงิน สงเคราะห์ลูกจ้าง ซึ่งจะมีการเก็บในวันที่ 1 ตุลาคม จ่ายโดยนายจ้าง 0.25% ซึ่งส่วนนี้ก็มีความกังวลว่าจะเป็นการผลักภาระให้กับนายจ้างหรือไม่ กระทรวงแรงงานจะมีการหารือกัน จนในข้อสรุปว่าอาจจะยกเลิกเงินส่วนนี้ แต่จะขอความร่วมมือนายจ้างให้ช่วยสมทบ 0.05% และเอาไปฝากไว้ที่กองทุนเงินทดแทน ดังนั้นเมื่อไหร่ที่มีปัญหาเรื่องของการเลิกจ้าง หรือสถานประกอบการปิดกิจการ ก็จะเอาเงินจากส่วนนี้ มาชดเชยให้กับลูกจ้าง และหากมีการต่อสู้คดีจนมีการฟ้องร้องกันก็จะให้ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานเป็นเจ้าภาพ ในการที่จะฟ้องร้องฝ่ายนายจ้าง เพราะเรามีความเห็นที่ตรงกันได้ว่าถ้าตราบใดปล่อยให้ลูกจ้างไปต่อสู้กับนายจ้าง คิดว่าโอกาสที่จะชนะนายจ้างคงเป็นไปได้ยาก ฉะนั้น จึงจำเป็นจะต้องมีกองทุนในส่วนนี้ แต่ทั้งหมดนี้ก็ต้องมีการปรับแก้กฎหมาย โดยขอความร่วมมือจากสส.ฝ่ายรัฐบาล และ พรรคฝ่ายค้านต้องมาร่วมกันโหวตดีที่สุดคือ การพิจารณา 3 วาระรวด ถ้าเราทำอย่างนี้ได้ ลูกจ้างที่ได้รับความเดือดร้อน ก็จะได้รับเงินจากประกันสังคมที่จะนำเงินส่วนนี้มาชำระให้ก่อน แต่นั่นหมายความว่าพ.ร.บ.ต้องได้รับการแก้ไขแล้ว มีเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดและเป็นข้อมูลที่ลูกจ้างทุกคนอยากจะได้ยิน แต่เบื้องต้นประกันสังคมก็เยียวยาไปแล้ว 50% ในระยะเวลา 6 เดือน และของกรมสวัสดิการ ก็จะแบ่งเป็น 30% 50% และ 70% แต่ยังเหลือก้อนสุดท้าย คือเงินเยียวยาที่นายจ้างจะต้องชำระให้กับบุคคลที่ถูกเลิกจ้าง ซึ่งถ้าหากแก้กฎหมายในส่วนนี้ได้ก็จะเป็นการแก้ปัญหาโดยถาวร จึงอยากฝากผู้ใช้แรงงานทุกคนหากมีปัญหาอะไรให้มาที่กระทรวงแรงงานไม่ต้องไปถามใคร


ส่วนงบกลาง 157,000 ล้าน ที่นายกรัฐมนตรี ได้โยกมา ให้ปรับโครงสร้างพื้นฐานซึ่งทาง ประกันสังคมได้เงินมา 10,000 ล้าน แต่ไม่ได้มาในลักษณะการช่วยเหลือ เป็นการใช้หนี้คืนให้กับประกันสังคม ซึ่งมีการติดหนี้อยู่ประมาณ 5 หมื่นกว่าล้าน แต่ในเงิน 10,000 ล้านนี้ประกันสังคมก็ได้เอามารวม กับอีกก้อนหนึ่ง 20,000 ล้าน ซึ่งประกันสังคมได้มีการเซ็น MOU ไปเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม กับ 6 ธนาคาร ในการปล่อยเงิน 30,000 กว่าล้านบาทเพื่อเป็นการเสริมสภาพคล่อง กับสถานประกอบการ โดยจะแบ่งเป็น 3 ขั้นตอนคือสถานประกอบการที่มีลูกจ้าง น้อยกว่า 200 คน สามารถกู้ได้ 15 ล้านบาท ถ้ามีลูกจ้างถึง 500 คนได้ 30 ล้านบาท เกินกว่า 500 คน ได้ 50 ล้านบาท ดอกเบี้ยเบื้องต้น 3 ปีแรก สำหรับคนที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ดอกเบี้ย 2.35% แต่สำหรับคนที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ดอกเบี้ย 4.75% นี่คือส่วนต่างๆ ที่กระทรวงแรงงาน พยายามหยิบเงินส่วนนี้ขึ้นมาเพื่อจะกระตุ้น ให้กับนายจ้างหรือสถานประกอบการ เพื่อรักษาการจ้าง ไม่น้อยกว่า 80%

ส่วนเงิน 24,000 ล้านบาทในก้อนแรกเราจะใช้สนับสนุน ผู้ใช้แรงงานในมาตรา 33,39,40 สำหรับการไปสร้างอาชีพอิสระ สร้างรายได้เสริมให้กับครอบครัวตัวเอง ซึ่งขณะนี้ปลัดกระทรวงแรงงาน ได้หารือกับธนาคาร และมีการตอบรับมาแล้ว2 แห่ง ที่ผู้ใช้แรงงานสามารถไปขอยื่นกู้เพื่อสร้างรายได้เสริม และตนมั่นใจว่าสิ่งที่รัฐบาลทุกรัฐบาล ต้องการมากที่สุดคือ ทำอย่างไรให้ฐานรากหรือรากหญ้ามีความเข้มแข็ง ที่สุด ถ้ามีความเข้มแข็งที่สุดแล้วกับการที่รัฐบาลจะไปอัดฉีด โครงสร้างใหญ่ๆ เพื่อทำให้เกิดการกระตุ้น GDP แต่ถ้าหากว่ารากหญ้ายังไม่แข็งแรง การพะวักหน้าพะวงหลัง ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ทำให้รัฐบาล ก้าวได้ยาก ฉะนั้นกระทรวงแรงงานโดยประกันสังคมจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้การสนับสนุนรัฐบาลก้าวหน้าต่อไปให้ได้ แต่ทั้งหมดนี้ต้องผ่านบอร์ดของประกันสังคมก่อน

ส่วนในเรื่องของการดูแลความปลอดภัยในการทำงาน ซึ่งกระทรวงแรงงานและกรมสวัสดิการแรงงานได้มีการตั้งคณะกรรมการ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ ในการก่อสร้าง และชุดเฉพาะกิจตรวจสอบและดูแลคุณภาพชีวิตแรงงาน กรณีเกิดอุบัติเหตุ หรือประสบอันตรายจากการทำงาน กรณีร้ายแรง ซึ่งมีสมาชิกทั้งหมด 30 หน่วยงาน รวมถึงบริษัทที่เป็นผู้รับเหมา ในกรุงเทพฯด้วย มีการประชุมไปแล้ว 1 ครั้งและมีการลงพื้นที่จริง 3 ครั้ง ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้ตั้งก่อนที่จะมีการถล่มของตึกสตง.เพียงเล็กน้อย แต่ยังไม่ทันได้ออกตรวจก็เกิดเหตุการณ์ตึกถล่มแต่ก่อน นี่เป็นสิ่งที่ห่างกระทรวงแรงงานค่อนข้างเสียใจมาก เหตุเกิดไปแล้วฉะนั้นจะบอกว่าจะรับผิดชอบหรือไม่รับผิดชอบไม่ได้เพราะ อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงแรงงาน โดยกรมสวัสดิการ และคุ้มครองแรงงาน เพราะฉะนั้นจากที่มีผู้อภิปราย ก็ขอให้ทราบว่ามีการตั้งคณะกรรมการ มาเพื่อรณรงค์ ในการป้องกันอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากการทำงาน และในปี 2570 จะต้องลดอุบัติเหตุ ให้ได้เหลือ 1 ต่อ 1,000 คน และลดการเสียชีวิต 3 ต่อ 100,000 คน


นายพิพัฒน์ ยังกล่าวต่อว่า ได้มีการขอชี้แจงในห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎรแล้วแต่เนื่องจากเวลาไม่เพียงพอ จึงต้องมาแถลงข่าวชี้แจงแทน ซึ่งทุกสิ่งทุกอย่างที่เพื่อนสมาชิกได้อภิปรายในสภาพวกเราได้ดำเนินการ และพวกเราก็ได้ทำล่วงหน้าไปแล้วบางส่วน และในบางส่วนที่ยังไม่ได้รับงบประมาณ ก็รองบประมาณมาเพื่อที่จะขับเคลื่อนต่อไป แต่อย่างไรก็ตามในงบประมาณปี 2568 ที่ได้มีการอภิปรายกันมาขณะนี้พวกเราได้ดำเนินการอยู่.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

เสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก”

17 ก.ค. – หลายหน่วยงานรวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในงานเสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” โดย บมจ.อสมท นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” ยอมรับว่า นับว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบมายังไทย จากภาษีศุลกากรของสหรัฐกระทบมายังประชาชน ผู้ผลิต เอสเอ็มอีรายย่อย ความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงต้องร่วมมือกันปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” โดยได้จัดเวทีใหญ่ให้ผู้กำหนดนโยบายและทิศทางของประเทศ และภาคเอกชน มาร่วมแสดงความเห็น ด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในหัวข้อ เกาะติดมาตรการกระทรวงการเงินการคลัง พลิกฟื้นกำลังซื้อในประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจ และสงครามการค้า ภาษีนำเข้าของสหรัฐ ว่าทีมไทยแลนด์ นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง กำหนดเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐช่วงค่ำวันนี้ ต้องชั่งน้ำหนัก ทั้ง 2 มิติ คือ ผลกระทบที่ผู้ส่งออก และผู้ผลิตในประเทศทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกร รัฐบาลไม่มอง เพียงจะเจรจาภาษีได้เท่าไหร่ ยอมรับไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แต่จะสานประโยชน์ให้ตกกับทุกฝ่าย […]

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]