คปภ.เผยโฉม 4 แบบกรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปี

กรุงเทพฯ 24 เม.ย. – คปภ.ขานรับมติ ครม.เดินหน้าโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2563  เผยโฉม 4 แบบกรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปีให้เกษตรกรนำไปใช้เป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยง สู้ภัยธรรมชาติและฝ่าวิกฤติโควิด-19 


นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2563 เห็นชอบในหลักการการดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2563 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยเป็นการดำเนินโครงการต่อเนื่องจากปี 2562 เพื่อให้เกษตรกรผู้เพาะปลูกข้าวนาปี ได้มีเครื่องมือในการบริหารจัดการความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ และภัยจากศัตรูพืช หรือโรคระบาด ซึ่งปีนี้กำหนดเป้าหมายสูงสุด 45.7 ล้านไร่ และภาครัฐให้การสนับสนุนค่าเบี้ยประกันภัย 2,910.39 ล้านบาท โดยมติ ครม.ดังกล่าวมอบหมายให้ คปภ.ปรับปรุงกรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปีให้เป็นไปตามรูปแบบและหลักเกณฑ์การรับประกันภัยของโครงการฯ ปีการผลิต 2563 รวมทั้งอนุมัติกรมธรรม์และอัตราเบี้ยประกันภัยให้เสร็จและสามารถเริ่มรับประกันภัยปีการผลิต 2563 ได้ทันที ภายหลังคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบโครงการฯ ปีการผลิต 2563 และดำเนินการสร้างความรู้ความเข้าใจ ตลอดจนประชาสัมพันธ์โครงการฯ ปีการผลิต 2563 ในภาพรวมและเชิงรุกร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

นายสุทธิพล กล่าวว่า คปภ.เตรียมความพร้อมและเดินหน้าขับเคลื่อนโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2563 ตามนโยบายของรัฐบาลแล้ว โดยปีนี้ปรับปรุงกรมธรรม์ข้าวนาปีให้มีความพิเศษและเหมาะสมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาในการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2563 ในฐานะนายทะเบียนได้ลงนามให้ความเห็นชอบแบบและข้อความกรมธรรม์ประกันภัยและอัตราเบี้ยประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2563 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จำนวน 4 แบบกรมธรรม์ คือ 1.กรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2563 เพื่อกลุ่มลูกค้าสินเชื่อเพื่อการเพาะปลูกข้าวของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) 2.กรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2563 เพื่อกลุ่มเกษตรกรพื้นที่เสี่ยงภัยต่ำ 3.กรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2563 สำหรับกลุ่มเกษตรกรรายย่อย (ไมโครอินชัวรันส์)  และ 4. กรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2563 สำหรับกลุ่มเกษตรกรรายย่อย (ไมโครอินชัวรันส์) ส่วนเพิ่ม


สำหรับบริษัทประกันภัยที่เข้าร่วมโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2563 จำนวน 17 บริษัท ได้แก่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท กรุงไทยพานิชประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท เจพีประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท ซมโปะ ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยไพบูลย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท ไทยศรีประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท นวกิจประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ฟอลคอนประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท มิตซุย สุมิโตโม อินชัวรันส์ จำกัด สาขาประเทศไทย บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท สินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) บริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน) และบริษัท แอลเอ็มจีประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยเริ่มรับประกันภัยปีการผลิต 2563 ได้ทันทีภายหลังคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบโครงการฯ และวันสิ้นสุดการขายจะแตกต่างกันไปตามภูมิศาสตร์ คือ วันที่ 30 เมษายน 2563 วันที่ 31 พฤษภาคม 2563 และวันที่ 30 มิถุนายน 2563 ยกเว้น 14 จังหวัดภาคใต้วันที่ 31 ธันวาคม 2563 

โครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2563 สำหรับเกษตรกรที่เป็นลูกค้าสินเชื่อ ธ.ก.ส.จะจ่ายเบี้ยประกันภัย (ไม่รวมอากรแสตมป์และภาษีมูลค่าเพิ่ม) ในส่วนความคุ้มครองพื้นฐาน (ส่วนที่ 1) อยู่ที่ 97 บาทต่อไร่ ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยรัฐบาลอุดหนุน 58 บาทต่อไร่ และ ธ.ก.ส.อุดหนุนอีก 39 บาทต่อไร่ ส่วนเกษตรกรที่เป็นลูกค้าสินเชื่อ ธ.ก.ส. ที่จ่ายค่าเบี้ยประกันภัยเพิ่มเอง และเกษตรกรทั่วไป จะจ่ายตามพื้นที่ความเสี่ยงภัย (ไม่รวมอากรแสตมป์และภาษีมูลค่าเพิ่ม) ถ้าเป็นพื้นที่สีแดงมีความเสี่ยงภัยสูง จ่ายเบี้ยประกันภัย 230 บาทต่อไร่ รัฐบาลอุดหนุน 58 บาทต่อไร่ เกษตรกรจ่ายเอง 172 บาทต่อไร่ พื้นที่สีเหลืองมีความเสี่ยงภัยปานกลาง จ่ายเบี้ยประกันภัย 210 บาทต่อไร่ รัฐบาลอุดหนุน 58 บาทต่อไร่ ส่วนที่เหลือเกษตรกรจ่ายเอง 152 บาทต่อไร่ และพื้นที่สีเขียว จ่ายเบี้ยประกันภัย 58 บาทต่อไร่ รัฐบาลอุดหนุน 58 บาทต่อไร่ สำหรับอัตราเบี้ยประกันภัยความคุ้มครองส่วนเพิ่ม (ส่วนที่ 2) เกษตรกรจะจ่ายเบี้ยประกันภัยเองทั้งหมดตามพื้นที่ความเสี่ยงภัย โดยถ้าเป็นพื้นที่สีแดงมีความเสี่ยงภัยสูง จ่ายเบี้ยประกันภัย 101 บาทต่อไร่ พื้นที่สีเหลืองมีความเสี่ยงภัยปานกลาง จ่ายเบี้ยประกันภัย 48 บาทต่อไร่ และพื้นที่สีเขียว จ่ายเบี้ยประกันภัย 24 บาทต่อไร่ (ไม่รวมอากรแสตมป์และภาษีมูลค่าเพิ่ม)

กรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2563 ให้ความคุ้มครองความเสียหายจากภัยน้ำท่วมหรือฝนตกหนัก ภัยแล้ง ฝนแล้ง หรือฝนทิ้งช่วง ลมพายุหรือพายุไต้ฝุ่น ภัยอากาศหนาวหรือน้ำค้างแข็ง ลูกเห็บ ไฟไหม้ และภัยจากช้างป่า สำหรับความคุ้มครองพื้นฐาน (ส่วนที่ 1) อยู่ที่ 1,260 บาทต่อไร่ ความคุ้มครองส่วนเพิ่ม (ส่วนที่ 2) อยู่ที่ 240 บาทต่อไร่ และภัยศัตรูพืชหรือโรคระบาด ตามความคุ้มครองพื้นฐาน (ส่วนที่ 1) อยู่ที่ 630 บาทต่อไร่ ความคุ้มครองส่วนเพิ่ม (ส่วนที่ 2) อยู่ที่ 120 บาทต่อไร่ โดยภัยดังกล่าวผู้ว่าราชการจังหวัดได้มีการประกาศเป็นเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ดังนั้น เกษตรกรที่ทำประกันภัย (ส่วนที่ 1 + ส่วนที่ 2) ในคราวเดียวกัน จะได้รับความคุ้มครองอยู่ที่ 1,500 บาทต่อไร่ และจะได้รับความคุ้มครองจากภัยศัตรูพืชหรือโรคระบาด 750 บาทต่อไร่ 


เลขาธิการ คปภ. กล่าวว่า เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจแก่เกษตรกรชาวนาและเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานตามโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2563 คปภ. จึงได้จัดทำโครงการ “อบรมความรู้ประกันภัย Training for the Trainers” สำหรับการประกันภัยข้าวนาปีต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 โดยปีนี้จะมีการลงพื้นที่ให้ความรู้เกี่ยวกับประกันภัยข้าวนาปี 5 ครั้ง ใน 5 จังหวัด ได้แก่ เพชรบุรี ราชบุรี อุตรดิตถ์ กาฬสินธุ์ และ พัทลุง อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงมีความรุนแรงและต่อเนื่อง คปภ.จึงเตรียมความพร้อมในการให้ความรู้แบบคู่ขนานไปกับการลงพื้นที่ ด้วยการปรับวิธีการให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ดังกล่าว โดยจัดทำวีดิทัศน์การบรรยายความรู้จากวิทยากร 5 หน่วยงาน ประกอบด้วย สำนักงาน คปภ. สมาคมประกันวินาศภัยไทย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมส่งเสริมการเกษตร และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สำหรับถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่เกษตรกร เจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน นอกจากนี้ ได้ดำเนินการผลิตสื่อความรู้ในรูปแบบต่างๆ เพื่อเพิ่มช่องทางให้เกษตรกรชาวนาสามารถเข้าถึงได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น เช่น การจัดทำสื่อวีดิทัศน์ในรูปแบบกราฟฟิกเคลื่อนไหว (Motion graphic) การใช้บุคคลที่มีชื่อเสียงและมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของเกษตรกร (influencer) ในการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ความรู้ การจัดทำสื่อความรู้ในรูปแบบคลิปเสียง การจัดทำข้อมูลความรู้เพื่อเผยแพร่ผ่าน Application “กูรูประกันข้าว” โดยสามารถดาวน์โหลดผ่าน QR code รวมถึงการผลิตสื่อความรู้ในรูปแบบสื่อสิ่งพิมพ์ โดยจะได้มีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเผยแพร่สื่อความรู้ต่างๆ ผ่านช่องทางที่เข้าถึงเกษตรกรชาวนาให้มากที่สุด.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นายกฯ ถึงอุบลฯ แม่ทัพภาค 2 รอรับ ชวนรับดอกไม้ชาวบ้าน

อุบลราชธานี 20 มิ.ย.-นายกฯ ถึงอุบลราชธานี แม่ทัพภาค 2 รอรับ ชวนรับดอกไม้จากประชาชน ก่อนขึ้น ฮ.ไปฐานมรกต ให้กำลังใจทหารแนวหน้า ขำสื่อรุมถาม “ไมค์เขกหัวนายกฯ” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงกองบิน 21 จ.อุบลราชธานี โดยมี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 รอรับ และเดินทางต่อไปที่สนามกีฬานานาชาติ อบต.โดมประดิษฐ์ มีว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี นายเกรียง กัลป์ตินันท์ อดีต รมว.มหาดไทย และ สส.พรรคเพื่อไทย มารอต้อนรับ น.ส.แพทองธาร ได้มอบสิ่งของให้แก่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และกล่าวทักทายอย่างเป็นกันเอง โดยชาวบ้านหลายคนนำดอกกุหลาบ และผ้าขาวม้า มามอบให้เป็นกำลังใจแก่นายกฯ ในระหว่างที่ประชาชนมอบดอกไม้ให้ นายกฯ ชวนแม่ทัพภาคที่ 2 มารับดอกไม้และถ่ายภาพร่วมกัน ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงการพูดคุยกับแม่ทัพภาคที่ 2 ได้เคลียร์ใจแล้วหรือไม่ […]

พรรคเสนอชื่อนายกฯ ได้ ต้องมี สส. 25 คน

รัฐสภา 20 มิ.ย.-เลขาธิการสภาฯ แจงพรรคเสนอชื่อนายกฯ ได้ ต้องมี สส. 25 คน แม้จะมีชื่อในบัญชี ก็ไม่เป็นผล ว่าที่ร้องตรีอาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หากต้องมีการเลือกนายกฯ ใหม่ ว่า บุคคลที่สามารถได้รับการเสนอชื่อจะต้องเป็นบุคคลที่มีรายชื่อในบัญชีที่เสนอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง โดยพรรคที่สามารถเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกฯได้ จะต้องมี สส.จำนวน 5% ของสส. 500 คน คือมี สส. 25 คน ตามมาตรา 159 วรรค 1 ซึ่งในขณะนี้มี สส.ในสภาฯ จำนวน 495 คน 5% คือ 24.75 ซึ่งพรรคพลังประชารัฐขณะนี้มี สส.เหลือไม่ถึง 20 คน จึงไม่สามารถเสนอบุคคลในบัญชีรายชื่อคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกฯ ได้ ตามมาตรา 159 […]

ทหารเรือเกษียณเลือดร้อน ยิงข้างห้องดับ 1 เจ็บ 1

ชุมพร 20 มิ.ย. – ทหารเรือเกษียณเลือดร้อน ฉุนข้างห้องติดเครื่องรถกระบะจอดแช่นาน เกิดมีปากเสียง คว้าปืนยิงสามีเข้าที่คอบาดเจ็บ ส่วนภรรยาโดนยิงเข้าเบ้าตาเสียชีวิต ตำรวจ สภ.เมืองชุมพร เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุยิงกัน บริเวณห้องเช่า ริมถนนซอยสุขาภิบาล 17 – วัดเขาปุก ต.วังไผ่ อ.เมือง จ.ชุมพร ที่เกิดเหตุเป็นห้องแถวเช่าติดกัน 4 ห้อง บริเวณหน้าห้องซ้ายสุด มีรถกระบะสีดำจอดอยู่ พร้อมกองเลือด ส่วนผู้บาดเจ็บ ทราบชื่อ น.ส.จิราวรรณ อายุ 54 ปี ถูกยิงเข้าที่ตาข้างขวา อาการสาหัส หน่วยกู้ชีพนำส่งโรงพยาบาล ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา นอกจากนั้นยังมีผู้บาดเจ็บอีก 1 คน คือ นายสุรพจน์ อายุ 53 ปี ถูกยิงเข้าที่ไหปลาร้า ใกล้ลำคอด้านขวา แต่กระสุนถากไป ได้รับบาดเจ็บไม่มาก นายสุรพจน์ ให้ข้อมูลว่า คนก่อเหตุยิงเป็นเพื่อนบ้านห้องเช่าใกล้กัน ชอบตะโกนต่อว่าตนว่าติดเครื่องยนต์จอดแช่ไว้นาน ทำให้รำคาญ ซึ่งตนก็บอกไปว่า รถยนต์ตนต้องติดเครื่องวอร์มแช่ไว้ก่อนทุกครั้ง […]

นายกฯ รับคลิปเสียงจริง ซัด “ฮุนเซน” ปล่อยหวังรัฐบาล-กองทัพแตกแยก

ทำเนียบ 18 มิ.ย.- นายกฯ รับคลิปเสียงคุย “ฮุนเซน” เป็นของจริง แจงปมบอกแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นฝ่ายตรงข้าม เป็นเทคนิคการเจรจาต่อรองสร้างสันติภาพ หลัง “ฮุนเซน” โกรธ ชี้จุดประสงค์หวังสร้างคะแนนนิยมรัฐบาลกัมพูชาที่ไม่สนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รับไม่ไว้ใจ จากนี้ไม่ขอคุยส่วนตัว ปัดตอบสัมพันธ์ 2 ตระกูล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงด่วนกรณีมีคลิปเสียงสนทนาระหว่างที่พูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เผยแพร่ออกมาผ่านโซเชียลมีเดีย โดยยอมรับว่าเป็นคลิปจริง เป็นการคุยกันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งตนได้ทราบข้อมูลจากล่ามที่แปลว่า ทางสมเด็จฮุน เซน โกรธแม่ทัพภาคที่ 2 ที่มีการพูดกันก่อนหน้านั้น เมื่อได้คุยกัน ตนจึงบอกว่า แม่ทัพภาคที่ 2 พูดกันแบบนี้ ในเมื่อเราทั้งไทยและกัมพูชาเป็นฝั่งตรงข้ามกันอยู่แล้ว ในตอนนั้นก็ต้องพูดแบบนี้ อย่าไปคิดเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่พยายามจะทำความเข้าใจ เพราะทางฝั่งสมเด็จฮุน เซน โกรธเรื่องนี้ และเป็นเทคนิคในการพูดหลังไมค์หลังบ้านแบบส่วนตัว ซึ่งการคุยโทรศัพท์ก็ไม่ควรเอามาเปิดเผย เพราะเป็นเทคนิคในการเจรจาพูดคุยต่อรอง ส่วนตัวคิดว่า ตนทำเพราะมีจุดมุ่งหมายและมีประเด็นที่จะรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขของบ้านเมืองและรักษาอธิปไตยของไทยไว้ ให้ผลประโยชน์อยู่กับประเทศชาติและประชาชน ตนก็คุยด้วยความซอฟต์และความนุ่มนวล เพราะบางทีเวลาคุยกันส่วนตัวก็เรียกกันลุงหลาน […]

ข่าวแนะนำ

หาชมยาก เปิดสะพานกรุงเทพให้เรือผ่าน แห่งเดียวในไทย

กรุงเทพฯ 22 มิ.ย. – เป็นอีกครั้งที่สะพานกรุงเทพ ยกขึ้นเพื่อให้เรือผ่าน ปัจจุบันเป็นสะพานแห่งเดียวในไทยที่ยังคงใช้งานเปิด-ปิดได้ โดยเป็นสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่สำคัญตั้งแต่ในอดีต ปัจจุบันมีเรือที่ผ่านน้อยลง ทำให้การยกเปิดแต่ละครั้งได้รับความสนใจ เพราะเป็นภาพที่หาชมได้ไม่บ่อย.-สำนักข่าวไทย

“ฮุน มาเนต” ระงับนําเข้าน้ำมัน-ก๊าซจากไทย

กัมพูชา 22 มิ.ย. – “ฮุน มาเนต” นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ประกาศระงับนําเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง-ก๊าซทุกชนิดจากไทย เริ่มเที่ยงคืนนี้ มั่นใจบริษัทในกัมพูชาหาเชื้อเพลิงจากแหล่งอื่นให้ประชาชนได้เพียงพอ พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์เฟซบุ๊ก Hun Manet ระบุว่า บริษัทจัดจําหน่ายน้ำมันในประเทศกัมพูชามีความสามารถในการนําเข้าเชื้อเพลิงและก๊าซจากแหล่งอื่น เพียงพอที่จะตอบสนองความต้องการบริโภคภายในประเทศของประชาชน แม้จะเป็นเดือน แม้ตลอดไปก็ไม่ใช่ปัญหา เริ่มตั้งแต่เที่ยงคืนนี้ (22 มิ.ย.68) การนําเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซทั้งหมดจากประเทศไทยจะถูกหยุด.-สำนักข่าวไทย

กองกำลังบูรพาเข้มจุดตรวจ นำสุนัข K9 ร่วมลาดตระเวน

22 มิ.ย. – กองกำลังบูรพาเข้มจุดตรวจตลอดแนวชายแดนช่องทางธรรมชาติ อ.คลองหาด จ.สระแก้ว นำสุนัข K9 ร่วมลาดตระเวน ป้องกันการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวและแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ส่วนด่านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด บรรยากาศเงียบเหงา หลังชาวกัมพูชาปิดร้านขนของกลับประเทศ ที่ จ.สระแก้ว ตลอดแนวชายแดนช่องทางธรรมชาติ บริเวณจุดตรวจ ค.04 อ.คลองหาด มีเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคง กองกำลังบูรพา และกองร้อยทหารพราน พร้อมสุนัข K9 ยังคงเดินหน้าควบคุมพื้นที่อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวและขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อาจจะพากันทะลักเข้า-ออก หลังจากที่มีคำสั่งห้ามนักท่องเที่ยวและนักพนันข้ามไปยังประเทศกัมพูชา ซึ่งจุดนี้เป็นหนึ่งในพื้นที่เสี่ยงที่มีการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย โดยเจ้าหน้าที่เดินเท้าลาดตระเวนตลอดแนวชายแดนกว่า 100 กิโลเมตร เพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ บรรยากาศชายแดนหาดเล็กเงียบเหงาด้านบริเวณชายแดนด่านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด บรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงา หลังชาวกัมพูชาปิดร้านขนของกลับประเทศ มีเพียงรถบรรทุกสินค้าทั่วไปรอคิวผ่านแดนข้ามฝั่งไปประเทศกัมพูชา เจ้าของร้านค้าในพื้นที่ เล่าว่า บรรยากาศเงียบเหงามาก วันๆ แทบไม่มีคนซื้อของ ถ้าถามความรู้สึกว่าเดือดร้อนไหม บอกเลยว่ายอมเดือดร้อนดีกว่าเสียดินแดนซ้ำอีก ถ้าจะปิดด่านก็ปิดได้เลย เอาดินแดนไว้ก่อนดีกว่า ส่วนบริเวณด่านถาวรช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ นายประสิทธิ์ ดีจงเจริญ นายด่านศุลกากรช่องสะงำ […]

“แพทองธาร” โพสต์พรรคร่วมฯ มีมติหนุนรัฐบาล ร่วมสร้างเสถียรภาพการเมือง

โรงแรมโรสวูด 22 มิ.ย.- นายกฯ โพสต์พรรคร่วมรัฐบาลมีมติหนุนรัฐบาล ร่วมกันสร้างเสถียรภาพทางการเมือง ชี้ ความเป็นหนึ่งเดียว ช่วยก้าวผ่านสถานการณ์อ่อนไหว เดินหน้ารับมือภัยคุกคามและความมั่นคง ภายหลัง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เชิญพรรคร่วมรัฐบาล หารือ ปรับคณะรัฐมนตรี แทนตำแหน่งที่ว่าง 8 ตำแหน่ง หลังภูมิใจไทยถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล โดยใช้เวลาในการหารือประมาณ 1 ชั่วโมง ล่าสุด เมื่อเวลา 15.30 น. รถบรรดาหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลและเลขาธิการพรรคได้เดินทางออกจากโรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ ขณะที่ นายกรัฐมนตรีได้ ยังอยู่ภายในโรงแรม ก่อนที่ นายกรัฐมนตรี จะโพสต์ภาพถ่ายผ่านโซเชียลร่วมกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล พร้อมระบุข้อความว่า “ประเทศชาติต้องเดินไปข้างหน้า สามัคคีประเทศไทย รวมพลังผลักดันนโยบาย แก้ไขปัญหาเพื่อประชาชน ขอขอบคุณคณะกรรมการบริหารและสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลทุกท่าน ที่มีมติและประกาศแนวทางสนับสนุนรัฐบาล ร่วมกันสร้างเสถียรภาพทางการเมือง เพื่อรับมือต่อภัยคุกคามความมั่นคงของชาติจากภายนอก และขับเคลื่อนนโยบายแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน ในช่วงเวลาที่รัฐบาลกับกองทัพมีจุดยืนร่วมกัน ยืนยันหลักการประชาธิปไตย ปฏิบัติหน้าที่ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและรวมพลังสามัคคี ความเป็นหนึ่งเดียวของพรรคร่วมรัฐบาล จะเป็นหมุดหมายสำคัญในการผนึกกำลังกันของคนไทย ก้าวผ่านสถานการณ์อ่อนไหวนี้ด้วยความมั่นคง และประสบผลสำเร็จในการปกป้องอธิปไตย ธำรงไว้ซึ่งเกียรติยศศักดิ์ศรีของประเทศชาติและประชาชน ดิฉันเชื่อมั่นว่าไม่มีภัยคุกคามใดจะเหนือกว่าพลังสามัคคีของคนไทย […]