กรุงเทพ ฯ 22 เม.ย. – ธนาคารกรุงแทพ แจ้งไตรมาสแรกกำไรลด 15 % ด้านกรุงไทยกำไรสุทธิ ร่วง 16.7 % ผลกระทบโควิด-19 ฉุดเศรษฐกิจ หั่นดอกเบี้ยเงินกู้ และ รายได้ค่าธรรมเนียมทรุด
ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่ากำไรสุทธิสำหรับไตรมาสแรกจำนวน 7,671 ล้านบาท ลดลง15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 9,028 ล้านบาท ท่ามกลางสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ โดยไตรมาส 1 ปี 2563 ธนาคารกรุงเทพมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น15.3% จากไตรมาส 4 ปี 2562 จากการเติบโตของสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ และการเปลี่ยนแปลงการรับรู้รายได้ดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อโดยใช้วิธีอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง ทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิของธนาคารอยู่ที่ 2.52 % ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิลดลง 22.4 % ส่วนใหญ่ลดลงจากรายได้ค่าธรรมเนียมจากการอำนวยสินเชื่อ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2563 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 2,115,950 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.7 % จากสิ้นปี 2562 จากการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่และสินเชื่อกิจการต่างประเทศ ซึ่งเป็นไปตามประมาณการที่คาดไว้ตั้งแต่ปลายปีก่อน
นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผย ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2563 ธนาคารมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคาร (งบการเงินก่อนสอบทาน) เท่ากับ 6,082 ล้านบาท ลดลง 16.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ลดลง แม้ว่าสินเชื่อเติบโต 1.9% จากสิ้นปี หรือ 4.7% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และมีการบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินที่ดี ประกอบกับการได้รับประโยชน์จากการปรับลดเงินสมทบกองทุนฟื้นฟู ซึ่งช่วยลดผลกระทบจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายถึง 4 ครั้ง และอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อทั้ง MLR MOR และ MRR เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับลูกค้าจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ประกอบกับการที่ไม่มีรายได้ดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อจากการได้รับเงินบางส่วนในการขายทอดตลาดทรัพย์สินหลักประกันจำนองจำนวน 3,899 ล้านบาทในไตรมาส 1 ของปีที่ผ่านมา โดย NIM อยู่ที่ระดับ 3.17%
ในไตรมาสนี้ ถึงแม้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม (NPLs Ratio-Gross) เท่ากับ 4.36% อยู่ในระดับใกล้เคียงกับสิ้นปี 2562 อย่างไรก็ตาม ธนาคารพิจารณาถึงปัจจัยต่างๆ อย่างรอบคอบ ในการประมาณการถึงภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงและมีความไม่แน่นอน ที่อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพสินเชื่อ จึงได้ตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจำนวน 8,524 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีอัตราส่วน Coverage Ratio ณ 31 มีนาคม 2563 ที่ 126.5% นอกจากนี้ ฐานะทางการเงินของธนาคารยังคงแข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 และอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพย์ถ่วงน้ำหนักตามความเสี่ยง (งบการเงินเฉพาะธนาคาร) เท่ากับ 14.39% และ 18.16% ตามลำดับ
นายเซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารมีกำไรสุทธิจำนวน 7,003 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.3% จากไตรมาส 4/2562 โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจากกำไรจากการดำเนินงานที่เพิ่มสูงขึ้น แม้ว่าจะมีการรับรู้ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นตามแนวโน้มการชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่ทวีความรุนแรงอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ภายใต้กรอบมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับที่ 9 (TFRS 9) ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563
แม้ว่าการแพร่ระบาดดังกล่าวจะส่งผลกระทบอย่างชัดเจนต่อภาคการท่องเที่ยวในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 อีกทั้งยังมีมาตรการปิดเมืองที่เริ่มส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม 2563 แต่เงินให้สินเชื่อยังคงเติบโต 2.9% ในไตรมาส 1/2563 โดยมีความต้องการเงินทุนหมุนเวียนของกลุ่มลูกค้าธุรกิจเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลัก.-สำนักข่าวไทย