เปิดผลสำรวจคนจนเมือง เข้าไม่ถึงมาตรการเยียวยาจากภาครัฐ

กทม.13เม.ย.-นักวิชาการ 6 มาหวิทยาลัย เผย ผลสำรวจ  คนจนเมือง เข้าไม่ถึงมาตรการเยียวยาจากรัฐบาล ผลกระทบจากการปิดเมืองในสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 แนะรัฐควร ให้ความช่วยเหลือคนจนทุกกลุ่มที่เดือดร้อน  การใช้ระบบเอไอ คัดกรอง ทำให้คนเดือนร้อนตัวจริง ไม่ได้รับการช่วยเหลือทันเวลา  


กลุ่มนักวิชาการและนักวิจัย จาก 6 มหาวิทยาลัย ประกอบด้วย  ศ.ดร.อรรถจักร์ สัตยานุรักษ์  คณะมนุษยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รศ.ดร.ประภาส ปิ่นตบแต่ง คณะรัฐศาสนตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รศ.สมชาย ปรีชาศิลปกุล คณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่  ผศ.ดร.บุญเลิศ วิเศษปรีชา คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รศ.ดร.ณฐพงศ์ จิตรนิรัตน์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยทักษิณ ผศ.ดร.ธนิต โตอดิเทพย์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรภา และผศ.ดร.ธนพฤกษ์ ชามะรัตน์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยของนแก่น  ร่วมแถลงผลการสำรวจ “ผลกระทบด้านเศรษฐกิจของโควิด-19 ต่อคนจนเมือง” ผ่านทาง Facebook Live เพจFB.คนจนเมืองในภาวะวิกฤติโควิด-19 


ศ.ดร.อรรถจักร์  กล่าวว่า หลังคณะนักวิชาการและนักวิจัย ได้ร่วมกันจัดทำผลสำรวจของคนจนเมืองที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการที่เข้มงวดของรัฐบาลเพื่อจำกัดการแพร่ระบาดของโรค  โดยการประกาศปิด ห้างสรรพสินค้า สถานที่ต่างๆ รวมถึง คำขวัญ อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ โดยให้ทำงานจากที่บ้าน เพื่อต้องการทราบสถานการณ์ของคนจนเมืองในสถานการณ์วิกฤติโควิด-19 ว่า สามารถเข้าถึงมาตรการของรัฐหรือไม่ นำเสนอต่อรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  โดยได้รับความร่วมมือจากเครือข่ายองค์กรคนจนเมือง เช่น สลัม4ภาค ในพื้นที่คลองเตยและพื้นที่อื่นๆกระจายใน 18 จังหวัดทั่วประเทศ เช่น กรุงเทพมหานคร  ปริมณฑล ขอนแก่น ชลบุรี เชียงใหม่ สงขลา ใช้เวลาสำรวจ4วัน  ระหว่างวันที่9-12เมษายน 2563 จากแบบสอบถามจำนวน 507 ชุด นอกจากนำเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบการดำเนินการว่ารัฐควรดำเนินการอย่างไรต่อไปในสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น


ผศ.ดร.บุญเลิศ  กล่าวว่า  การทำงานวิจัยครั้งนี้ เน้นการกระจายสำรวจลงไปในชุมชนแออัด อายุโดยเฉลี่ยของผู้ตอบคำถามอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 50 ปี แบ่งเป็นกลุ่มอาชีพ รับจ้างรายเดือน ไม่มีประกันสังคม  รับจ้างรายวัน  ค้าขาย อาชีพอิสระ ครอบคลุมถึงกลุ่มช่า วินมิไซค์ คนขับแท็กซี่  พบว่า คนจนเมืองรายได้หายไปเกือบร้อยละ50  ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต และ ร้อยละ26 พบว่าไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าที่อยู่อาศัย และร้อยละ80 ไม่สามารถทำงานอยู่ที่บ้านได้ ตามมาตรการรณรงค์ของรัฐบาล ให้ ทำงานที่บ้าน (work from home)  รวมถึงไม่สามารถเข้าถึงความช่วยเหลือจากรัฐบาล นโยบาย เยียวยาเงิน 5,000 บาท ถึงร้อยละ 45 เนื่องจากไม่ทราบวิธีลงทะเบียน และร้อยละ80 ลงทะเบียนไม่สำเร็จ สะท้อนว่ามาตรการเยียวยาของรัฐออกมาไม่ทันการณ์  ยกตัวอย่าง ไปสัมภาษณ์ แม่ค้าขายน้ำรถเข็น ในชุมชนแออัดไม่ไกลจากสถานีรถไฟหัวลำโพง ได้รับผลกระทบจากการหยุดเดินรถไฟ ไม่สามารถขายของได้ ไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าห้อง มีรายได้รายวัน  เข้าไม่ถึงความช่วยเหลือ รวมถึงโครงการพักชำระหนี้ คนจนถึงร้อยละ 30 ไม่สามารถเข้าถึงประโยชน์ในโครงการนี้ได้ เนื่องจากต้องหลักประกัน  สถานการณ์แบบนี้จะทำให้มีคนไร้บ้านมากขึ้น  และมีคนจนหน้าใหม่เพิ่มขึ้น รวมถึงมีคนจนที่จนลงกว่าเดิมเพิ่มขึ้น  

รศ.สมชาย  กล่าวว่า เสนอ 5  ข้อสำคัญที่รัฐต้องดำเนินการ 

1. รัฐต้องปรับนโยบายด้านการช่วยเหลือเยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 โดยต้องเปลี่ยนหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือกับผู้เดือดร้อนทุกกลุ่มเปลี่ยนจากนโยบายสังคมสงเคราะห์เป็นรัฐสวัสดิการ กระจายเงินช่วยเหลือกว้างขวางมากขึ้น ไม่ตั้งเกณฑ์คัดเลือกคนเข้า แต่เป็นการกระจายแจกเงิน และใช้เกณฑ์ในการคัดออก กรณีจ่ายเงินเยียวยา 5,000บาท การใช้ระบบเอไอ ในการคัดกรอง พบว่าบางกรณี  อาชีพวินมอไซต์ แต่ไปเรียน กศน. ระบบเอไอไปจับว่า เป็นนักเรียนนักศึกษา จึงไม่ได้รับเงินเยียวยา 

2.การตั้งงบประมาณ 4 แสนล้านบาท ในการฟื้นฟูเยียวยา หากใช้กลไก คณะกรรมการชุมชน นอกเหนือจากหน่วยงานรัฐ เข้ามาช่วยเพื่อกระจายความช่วยเหลือสู่ผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างมีประสิทธิภาพ 

3.กองทุนประกันสังคม เงินของผู้ใช้แรงงานต้องกลับคืนสู่ผู้ใช้แรงงาน ทันความต้องการเมื่อได้รับความเดือดร้อน 

4.การปิดเมือง  อยากเสนอว่าปิดเมืองไม่ใช่ปิดตาย แต่ต้องทำมาหากินได้ โดยการผ่อนปรนพื้นที่สาธารณะ เน้นความรับผิดชอบต่อสังคมร่วมกันในการป้องกัน

5.ปรับเบี้ยยังชีพให้ผู้สูงอายุมากขึ้น เพราะผู้สูงอายุคืออีกกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาด 

รศ.ดร.ประภาส  กล่าวว่า นโยบายการทำงานที่บ้าน ในทุกกลุ่มอาชีพเป็นเรื่องที่ยากลำบาก จึงอยากเรียกร้องให้เข้าใจบริบทของชุมชนเมือง พื้นบานของคนในสังคม ต้องมีการคืนพื้นที่สาธารณะ แต่ต้องมีการจัดการให้ดี  ไม่ใช่การปิดทั้งหมด ที่สำคัญคือการคืนพื้นที่ทำมาหากินให้คนในสังคม พบว่ากลุ่มอาชีพรับจ้างรายวัน  เฉลี่ยแล้วกลุ่มนี้มีรายได้ประมาณ 4-5พันต่อเดือน ขณะนี้แทบไม่เหลือรายได้เลย  .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ

กทม. 23 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ เฝ้าระวัง “พายุดีเปรสชัน” มีแนวโน้มทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน กระทบไทย 24-27 ส.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสมที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน และเวียดนามตอนบน สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ในช่วงวันที่ 25–26 ส.ค. 68 ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 24–27 ส.ค. 68 -สำนักข่าวไทย

โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊ก ขรก.มหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน

ทำเนียบ 23 ส.ค.- โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊กข้าราชการมหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน ด้าน “เชษฐา” เป็นอธิบดี ปภ. ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 6 ราย ดังนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2568 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 22 ส.ค.2568 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี -สำนักข่าวไทย

จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองโกงเงินอุดหนุน ก่อนหนีกบดานลาว

22 ส.ค. – ตำรวจภูธรภาค 1 จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง โกงเงินอุดหนุน 17.6 ล้านบาท หนีกบดานลาว ก่อนจนมุมถูกจับกุมได้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1), พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท, ตม.จว.หนองคาย, กกต.จว.หนองคาย ร่วมกันจับกุม นายพีระวิทย์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2562 นายพีระวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง รับเงินอุดหนุนพรรคการเมือง เพื่อพัฒนาพรรคการเมือง จำนวนประมาณ 17.6 ล้านบาท โดยไม่มีการทำหลักฐานการเบิกจ่าย ทำให้ กกต. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายพีระวิทย์ และเหรัญญิกพรรค ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระพุทธบาท โดยเลื่อนการเข้าให้ปากคำและแสดงหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน และต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองได้หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกหมายจับในข้อหา […]

“ธีรรัตน์” สั่งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บาย 24 ชม. รับพายุคาจิกิ

กทม. 22 ส.ค.- “ธีรรัตน์” สั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บายรับมือผลกระทบ “พายุคาจิกิ” ตลอด 24 ชั่วโมง ย้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนรับรู้และเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาวะอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับผลกระทบพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ซึ่งพบว่าพื้นที่บางส่วนมีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังซ้ำซาก ระหว่างวันที่ 24 – 28 สิงหาคม 2568 ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ 45 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร นางสาวธีรรัตน์ ได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด 45 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต รวมถึงกรุงเทพมหานคร กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่หากพบว่ามีความเสี่ยง ในส่วนพื้นที่ชายฝั่ง ให้สั่งห้ามนักท่องเที่ยวเล่นน้ำและห้ามเดินเรือทุกชนิดหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง “ให้ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

ทีมทนายวัดพระบาทน้ำพุแจงปม “หลวงพ่ออลงกต” สวมบัตร ปชช. คนตาย

ลพบุรี 24 ส.ค. – วัดพระบาทน้ำพุ ตั้งโต๊ะแถลง ยืนยันเลขบัตรประชาชนของ “หลวงพ่ออลงกต” ไม่ซ้ำกับ “อลงกต พลมุข” ปัดตอบปมเลขบัตรประชาชนผู้เสียชีวิต ผูกพร้อมเพย์บัญชีมูลนิธิฯ ขอไปตรวจสอบก่อน ส่วนทางคดี จับตาสัปดาห์หน้า จะมีผู้ถูกดำเนินคดีมากกว่า 1 คน วันนี้ ที่วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี นายศุภชัย สิงคาลวานิช หัวหน้าทีมทนายความของวัดพระบาทน้ำพุ พร้อมตัวแทนมูลนิธิต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัดพระบาทน้ำพุ ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ เป็นครั้งแรก โดยบอกว่าวันนี้ หลวงพ่ออลงกตไม่ได้หลีกเลี่ยงที่จะมาให้สัมภาษณ์ แต่ครั้งนี้มีข้อมูลมาก มีปัญหาเรื่องข้อกฎหมายและปัญหาที่ซับซ้อนหลายอย่าง หากตอบไปอาจกระทบต่อคดี และยืนยันว่า หลวงพ่อมีเจตนาบริสุทธิ์ในการช่วยเหลือผู้ป่วย เด็กกำพร้า ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส กลุ่มเปราะบางในสังคม ซึ่งขณะนี้สังคมเข้าใจผิดในหลายเรื่อง เพราะเกิดการชี้นำของหลายเพจ กลุ่มผู้มีอิทธิพลในบางสื่อ นำเรื่องมาปะติดปะต่อจนสร้างความเสียหาย ส่วนประเด็นที่กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องที่หลวงพ่ออลงกต สวมชื่อและเลขบัตรประชาชน “อลงกล พลมุข” ข้าราชการที่เสียชีวิตไปแล้วนั้น ทีมทนาย เปิดเผยว่า หลวงพ่ออลงกต มีบัตรประชาชนของท่านเอง และนามสกุลของท่าน […]

สกัดจับขบวนการค้ามนุษย์ ลอบขนคนไทยไปเขมร

สระแก้ว 24 ส.ค. – ทหารพรานลาดตระเวนชายแดนไทย-กัมพูชา บ้านกุดหิน ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว สกัดจับคนไทย 10 คน ขณะลักลอบเข้ากัมพูชา เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นขณะเจ้าหน้าที่กำลังลาดตระเวนตามแนวชาย เพื่อสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายที่จะแอบลักลอบขนข้ามแดน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัย 2 คัน ประกอบด้วย รถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว (ไม่ทราบทะเบียน) และ รถยนต์เก๋ง สีดำ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ซึ่งทั้งขับผ่านเข้ามาในพื้นที่ล่อแหลม โดยรถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว ได้จอดให้คนเดินลงมาจากรถ และเดินเข้าป่าไป จำนวน 6 คน ประกอบด้วย คนนำพา 1 คน และผู้ลักลอบ 5 คน โดยทั้งหมดเป็นคนไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวไว้ได้ ส่วนรถยนต์เก๋งสีดำที่ขับตามมา เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ จึงขับหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่สามารถสกัดจับไว้ได้ (ห่างจากจุดแรกประมาณ 200 เมตร) จากการตรวจสอบภายในรถพบคนไทย 4 คน […]

พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใกล้ศูนย์เด็กเล็ก

อุบลราชธานี 24 ส.ค. – พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี อยู่ริมสระน้ำใกล้ศูนย์เด็กเล็ก เพียง 100 เมตร จากกรณีที่กัมพูชา ยิงจรวด BM–21 เข้าใส่ชุมชน บ้านเรือนประชาชน ในฝั่งไทย จนนำไปสู่การสูญเสียชีวิต และทรัพย์สิน ของประชาชนคนไทย เมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันผลกระทบจากจรวด BM–21 ต่อประชาชน คนไทย ยังคงมีอยู่ ภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกไว้ได้จากบ้านหลังหนึ่ง ในอำเภอน้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นกัมพูชาได้ยิงจรวด BM-21 เข้ามาตกในเขตชุมชนฝั่งไทย โดยเหตุการณ์ครั้งนั้น มีจรวด BM-21 ตกมาทั้งหมด 11 ลูก 2 ใน 11 ลูก ตกใส่บ้านประชาชน จนบ้านพังเสียหายทั้งหมด 2 หลัง และมี 1 […]

“มาริษ” จ่อบินเจนีวา แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี

สวีเดน 24 ส.ค.-“มาริษ” เตรียมบินเจนีวาต่อ แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี-องค์การสิทธิมนุษยชน-กาชาด ย้ำไทยรักสันติ ทำตามกฎหมายระหว่างประเทศ ฟ้องเขมรใช้ทุ่นระเบิด-โจมตีพลเรือนไทย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่าหลังการเยือนสวีเดนอย่างเป็นทางการแล้วจะเดินทางไปเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในวันที่ 26 ส.ค.นี้ โดยมีเป้าหมายหลัก 3 ประการคือ ไปชี้แจงให้กับประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคีให้เข้าใจสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ซึ่งกัมพูชาใช้ยุทธศาสตรฺของการใช้ วัตถุระเบิดสังหารบุคคน ที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และอนุสัญญาออตตาวาและในโอกาสนี้จะพบกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่สืทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการใช้ทุ่นระเบิดสังหาร การละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วยการโจมตีเป้าหมายพลเรือน ของกัมพูชา รวมทั้งการใช้โซเชียลมีเดีย ซึ่งเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (icrc )ก็ได้ออกมาพูดชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยอย่างมาก และไม่สนับสนุนให้มีการใช้สงครามข่าวสารในการต่อสู้ โดยใช้พลเรือนเป็นตัวกระทำให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างกัน ซึ่งในโอกาสนี้ตนจะได้พบปะกับประธาน crc พอดี ซึ่งเคยพบกันที่กรุงเทพมหานครแล้ว และทางประธานทราบว่าตนจะมาเจนีวาก็สามารถมาพูดคุยกันต่อได้ ซึ่งจะได้อธิบายทั้ง 2 ประการเหล่านี้เพราะ icrc เป็นองค์กรหลักที่ดูกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งทั้งสามองค์กรที่เราวางกลยุทธ์ จะเข้ามาพูดคุย ชี้แจงก็เพื่อยืนยัน ใน ท่าทีบทบาท ของประเทศไทยที่ชัดเจนว่าเราเป็นประเทศ ที่รักสันติ เราต้องการ แก้ไขปัญหาระหว่างกันอย่างสันติวิธี แต่ต้องมีความจริงใจ […]