ทำเนียบฯ 12 เม.ย.-นายแพทย์ทวีศิลป์ แถลงข่าว ศบค. แนะช่วงเทศกาลสงกรานต์ งดเล่นน้ำทุกกรณีเพราะเป็นแหล่งแพร่เชื้อ และงดขอพรพ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่ ขอสร้างระยะห่าง 1-2 เมตร แนะใช้วิธีสรงน้ำพระแทน ระบุพบมีผู้ป่วยใหม่ 33 ราย รวมติดเชื้อสะสม 2,551 กระจายอยู่ใน 68 จังหวัด รักษาหาย 83 ราย หายสะสม 1,218 มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 3 ราย รวมเสียชีวิตสะสม 38 ราย และยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 1,295 คน
นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดในวันอาทิตย์ที่ 12เมษายน 2563 ว่าในช่วงนี้เป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ ก็ขอให้ทุกคนอยู่ที่บ้าน ขณะที่สถานการณ์การติดเชื้อประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 47 ของโลก วันนี้พบมีผู้ป่วยใหม่ 33 ราย รวมติดเชื้อสะสม 2,551 กระจายอยู่ใน 68 จังหวัด รักษาหาย 83 ราย หายสะสม 1,218 มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 3 ราย รวมเสียชีวิตสะสม 38 ราย และยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 1,295 คน
โฆษก ศบค. กล่าวว่า จากตัวเลขผู้ป่วยใหม่ 33 รายนี้มีความรู้สึกดีใจที่ตัวเลขลดลง และพอใจที่มีตัวเลขที่ดีในช่วงปีใหม่ไทยนี้ด้วย แต่สถานการณ์ทั่วโลกยังคงไม่น่าสบายใจ เพราะมีตัวเลขที่สูงขึ้นอยู่ อย่างต่อเนื่อง โดยความเสี่ยงปัจจัยเสี่ยงของผู้ติดเชื้อจำนวน 33 คน วิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ติดเชื้อ พบว่า กลุ่มแรก15 คนเกี่ยวข้องกับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในสถานบันเทิง และ 7 รายเชื่อมโยงกับการรักษาผู้ป่วย กลุ่มของบุคลากรทางการแพทย์ และการใช้ชีวิตส่วนตัวในแต่ละวัน ที่มีการสัมผัสกัน จึงต้องหาวิธีการในการป้องกันคนที่เป็นกลุ่มของบุคลากรทางการแพทย์ในอนาคต และที่น่ากังวลคือผู้ที่มีอาการในสถานที่กักตัวที่มีตัวเลขเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ที่ไปประกอบศาสนกิจมา ที่ยังมีการกระจายกันอยู่ในแต่ละจังหวัดที่เป็นการสะสม
“สำหรับผู้เสียชีวิต 3 ราย รายแรกเป็นผู้ป่วยชายไทย อายุ 74 ปี ไปสถานที่ชุมชนตลาดนัดและมีการรวมกลุ่มกันของบุคคลในบ้าน ซึ่งได้มีอาการป่วย ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. ส่วนรายที่ 2 เป็นหญิงไทยอายุ 65 ปี เป็นโรคอ้วน ไปเยี่ยมญาติที่ชุมพร และมีอาการไข้จากนั้น 5 วัน โดย 11-31 มี.ค. มีอาการไข้ เพลียเหนื่อยหอบตามมาก่อนจะไปตรวจมีอาการหนักขึ้นพบว่าติดโควิด-19 และอาการแย่ลงจนเสียชีวิต ซึ่งถือว่ามาช้าไป จึงทำให้รักษาไม่ทัน ส่วนรายที่ 3 เป็นชายไทยอายุ 44 ปี รับส่งต่อจากโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม แต่แรกได้ทำการรักษาโดยใช้ยาหลายชนิดและก็พยายามที่จะดูแลทั้งระบบของร่างกาย และพบอวัยวะภายในล้มเหลว ต้องล้างไตหลายครั้ง แต่อาการไม่ดีขึ้น และเสียชีวิตวันนี้ (วันที่ 12 เม.ย. ) เมื่อ 7 โมงเช้าที่ผ่านมา จึงขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวที่เสียชีวิตทั้ง 3 ราย” นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าว
นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับ 9 จังหวัด ที่ยังไม่มีรายงานการรับรักษาผู้ป่วยโควิด-19 คือ จังหวัดกำแพงเพชร ,ชัยนาท ,ตราด,น่าน ,บึงกาฬ ,พิจิตร ,ระนอง ,สิงห์บุรี ,อ่างทอง โดยจังหวัดที่เป็นสถานที่กักกันตัว หรือ state quarantine จะมีตัวเลขที่สูงขึ้น ซึ่งไม่ได้อยู่ที่การดูแลดีหรือไม่ดีจังหวัดนั้น ๆ แต่เป็นหน้าที่ที่ต้องดูแลคนไทยอย่างดีที่สุด ส่วนการเปิดประเทศหรือเปิดน่านฟ้าไทยเมื่อใดนั้น จะต้องประเมินจากสถานการณ์ของประเทศเพื่อนบ้านและสถานการณ์โลกด้วย
โฆษก ศบค. กล่าวว่า เมื่อดูสถิติผู้ติดเชื้อเป็นรายสัปดาห์จะพบว่าในสัปดาห์ที่ 15 มีผู้ติดเชื้อเพิ่มรวม 383 ราย ซึ่งลดลงจากเมื่อสัปดาห์ที่14 ที่มียอดผู้ป่วยใหม่ 724 ราย เกือบครึ่งหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ แต่อย่าประมาทเพราะในประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศ มาเลเซียมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นสูง 184 ราย ฟิลิปปินส์ 233 ราย ขณะที่สิงคโปร์ 191 ราย ส่วนอินโดนีเซียที่มีคนไทยไปร่วมกิจกรรมและกลับมา มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ถึง 330 ราย ดังนั้นคนไทยที่เดินทางกลับมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงจะต้องเข้าสู่ระบบประกันตัวและติดตามอาการอย่างใกล้ชิด
นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับตัวเลขผู้ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกนอกเคหสถาน และฝ่าฝืนเคอร์ฟิวมี 926 ราย ซึ่งส่วนใหญ่มีสาเหตุจากการดื่มสุราจนกลับบ้านไม่ทัน ถูกดำเนินคดี 752 ราย ตักเตือน 174 คน ขณะที่ผู้ที่ฝ่าฝืน มีการชุมนุม มั่วสุม ลดน้อยลง มีการจับกุมมั่วสุม 58 รายและถูกดำเนินคดีทุกคน ทั้งนี้เมื่อคืนที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีได้ไปตรวจด่านความมั่นคง ในช่วงเวลาเคอร์ฟิว เพื่อติดตามการทำงานและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ ซึ่งการรายงานให้ทราบนี้เป็นหน้าที่ของตน เพราะทุกคนล้วนมีหน้าที่ของตัวเอง
เมื่อถามว่าตัวเลขผู้ป่วยที่สนามมวยลดน้อยลง หรือมาจากการทำงานของเจ้าหน้าที่ นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่า หลังจากที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินมาแล้ว 9 วัน ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน เป็นเพราะมาตรการที่เข้มงวดและการให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องโรคนี้มากขึ้น ใน 9 วันที่ผ่านมา มีมาตรการที่ดีเข้มข้นและมีโครงสร้างสาธารณสุข การอนามัย ความมั่นคง สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เกิดขึ้นอย่างเป็นกระบวนการและประชาชนให้ความร่วมมือ
เมื่อถามถึงการงดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ เหตุใดไม่ประกาศพร้อมกันทั่วประเทศ โฆษก ศบค. กล่าวว่า ล่าสุดตอนนี้ประกาศ 73 จังหวัดแล้ว ที่ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ ซึ่งจังหวัดที่เหลือตอนนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ศบค.และ มท. ที่จะหามาตรการรองรับด้วย ทั้งนี้ขอความร่วมมือประชาชน งดดื่มแอลกอฮอล์ให้ลดน้อยลง เพื่อลดปัญหาอุบัติเหตุให้ลดน้อยลงด้วย
เมื่อถามถึงมาตรการห่างผู้สูงอายุ 1-2 เมตร และการรดน้ำดำหัว รวมถึงการสาดน้ำในบ้านทำได้หรือไม่ นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่า ห้ามทำ เพราะการฉีดน้ำ สาดน้ำ เป็นแหล่งพาหะของเชื้อโรค จะฟุ้งกระจายออกไป เจ้าหน้าที่ไม่สามารถจับได้ทั้งหมด แต่ต้องขอความร่วมมือทุกคนให้ปฎิบัติอย่างเคร่งครัด รวมทั้งหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอลล์ด้วย
“ในช่วง 7 วันอันตราย เทศกาลสงกรานต์ 2563 นี้ หากจะต้องเดินทางกลับภูมิลำเนา กลุ่มอายุ 20-29 ปี , 30-39 ปี , 40-49 ปี จะต้องห่างกับผู้สูงอายุอย่างน้อย 2 เมตรทุกวัน และงดการรดน้ำอวยพรโดยเด็ดขาดเพราะหากเป็นพาหะนำเชื้อไปส่งต่อให้กับญาติผู้ใหญ่ได้ รวมถึงห้ามกิจกรรมรดน้ำ-เล่นน้ำทุกกรณี แม้จะอยู่ภายในบ้าน เพราะจะนำพาเชื้อโรคไปสู่อีกคนก็ได้ ซึ่งในกรณีนี้อาจนำพาเชื้อโรคไปไกลกว่าระยะ 2 เมตร ทั้งนี้ในช่วงเทศกาลนี้จึงขอให้ใช้วิธีสรงน้ำพระแทน” นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าว
นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวทิ้งท้ายว่า นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เสียชีวิตเป็นหมื่น ป่วยเป็นแสน หลายประเทศให้ความร่วมมือ มีความสามัคคี อยาางประเทศจีนที่ก้าวข้ามและไปช่วยประเทศอื่นต่อไป ซึ่งเป็นมิตรภาพที่ดี ตอนนี้ทั่วโลกรวมพลังกัน โดยเฉพาะประเทศไทยที่มีความร่วมมือและเห็นความเข้มแข็มของแต่ละจังหวัด และฝากในมิติของครอบครัวที่จะต้องมีความเข้มแข็งมากกว่านี้ในการรักษาระยะห่างทางสังคม แต่ความผูกพันที่ดีทางสังคม หรือทางจิตใจที่ดี ก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ทุกคนสู้กับโควิด-19 และก้าวผ่านสถานการณ์นี้ไปได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 12.30 น. คาดว่าติดตามและสั่งการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบติดตามรับมือต่อสถานการณ์โควิด-19 และชมการแถลงข่าวของ ศบค.เสร็จสิ้นแล้ว จึงเดินทางกลับ.-สำนักข่าวไทย