ไล่จับขายหน้ากากและแอลกอฮอล์เพิ่มรายวัน

นนทบุรี 10 เม.ย. – พาณิชย์จับกุมผู้กระทำผิดขายหน้ากากอนามัยและแอลกอฮอล์โก่งราคาเพิ่มอีก 9 ราย ทำให้ยอดการจับกุมเพิ่มเป็น 285 ราย


นายสุพพัต  อ่องแสงคุณ โฆษกกระทรวงพาณิชย์และศูนย์ปฏิบัติการด้านการควบคุมสินค้า (ศปส) ฝ่ายสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ เปิดเผยถึงผลการปฏิบัติการกรณีสินค้าอุปโภคบริโภคและเวชภัณฑ์ของกระทรวงพาณิชย์ ว่า วันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจับกุมผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดกรณีหน้ากากอนามัยและแอลกอฮอล์ เพิ่มอีก 9 ราย แบ่งเป็น กรุงเทพฯ 4 ราย โดยเป็นการล่อซื้อและจับกุม ผู้จำหน่ายหน้ากากอนามัยผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์ พบจำหน่ายหน้ากากอนามัยกล่องละ   50 ชิ้น ในราคากล่องละ 665 บาท (เฉลี่ยชิ้นละ 13.30 บาท) รวม 1,750 ชิ้น และร้านขายยา 1 ราย จำหน่ายหน้ากากอนามัยบรรจุ 10 ชิ้น/แพค ในราคา 200 บาท (เฉลี่ยชิ้นละ 20 บาท) ทั้งสองรายกระทำความผิดจำหน่ายหน้ากากอนามัยแพงเกินราคาสมควร ตามมาตรา 29  และยังจับกุมผู้จำหน่ายแอลกอฮอล์ ได้ 1 ราย ข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคา ตามมาตรา 28  นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นสถานที่ผลิตอีก 1 ราย พบของกลางเป็นหน้ากากอนามัยแบบธรรมดา (สีเขียว) จำนวน 300 ชิ้น หน้ากากอนามัยแบบคาร์บอน จำนวน 44,350 ชิ้น พร้อมกันนี้ยังได้เข้าตรวจค้นโกดังจัดเก็บหน้ากากอนามัยบริเวณใกล้เคียงพบหน้ากากอนามัยอีก จำนวน 215,000 ชิ้น ได้ทำการยึดของกลางและแจ้งข้อหาป็นผู้ผลิตไม่แจ้งต้นทุน ราคาซื้อราคาจำหน่าย ปริมาณการผลิตต่อ กกร. ตามมาตรา 25 (5) 

นอกจากนี้ ในส่วนของต่างจังหวัดจับกุมเพิ่ม 5 ราย ได้แก่ นครราชสีมา 1 ราย เป็นร้านค้าออนไลน์ บนเฟซบุ๊ก เจ้าหน้าที่ทำการการล่อซื้อและจับกุม พบจำหน่ายหน้ากากอนามัยในราคา กล่องละ 850 บาท ชลบุรี 1 ราย เป็นร้านค้าทั่วไปจำหน่ายหน้ากาอนามัยขนิดกรอง 4 ชั้น ในราคา กล่องละ 790 บาท (เฉลี่ยชิ้นละ 15.8 บาท) ทั้ง 2 รายกระทำความผิดข้อหาจำหน่ายหน้ากากอนามัยแพงเกินราคาสมควร ตามมาตรา 29  กาฬสินธุ์ 1 ราย เป็นร้านค้าทั่วไปพบจำหน่ายหน้ากากอนามัยโดย ไม่ปิดป้ายแสดงราคาตามมาตรา 28  สมุทรสงคราม 1 ราย กระทำความผิดจำหน่ายหน้ากากอนามัย ในราคา 120 บาท/แพค (เฉลี่ยชิ้นละ 12 บาท) แจ้งข้อหาจำหน่ายเกินราคาควบคุม ตามมาตรา 25 และเพชรบูรณ์  1 ราย จำหน่ายหน้ากากอนามัยในราคากล่องละ 760 บาท (เฉลี่ยชิ้นละ 15.20 บาท) ทำให้สถิติการจับกุมผู้กระทำความผิดกรณีหน้ากากอนามัย เจลล้างมือและแอลกอฮอล์ มีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 285 ราย แยกเป็นกรุงเทพฯ 140 ราย และ ต่างจังหวัด 145 ราย สำหรับการจับกุมกรณีผู้จำหน่ายไข่ไก่แพงเกินจริงทั่วประเทศ ณ วันที่ 9 เม.ย. 2563 ไม่พบผู้กระทำความผิด


ทั้งนี้ โทษที่ผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ข้อหาขายเกินราคาควบคุม มาตรา 25 (1) มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ข้อหาไม่แจ้งต้นทุนราคาซื้อ ราคาจำหน่าย ปริมาณการผลิต ปริมาณคงเหลือ ตามมาตรา 25 (5) มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับไม่เกินวันละ 2,000 บาท ตลอดเวลาที่ฝ่าฝืน หรือจนกว่าจะแจ้ง  มาตรา 28 ข้อหาไม่ปิดป้ายแสดงราคาขาย มีอัตราโทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท และมาตรา 29     ข้อหาขายแพงเกินสมควรมีอัตราโทษจำคุก ไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ยังคงเดินหน้าตรวจสอบและจับกุมผู้จำหน่ายหน้ากากอนามัย เจลล้างมือและแอลกอฮอล์ ที่กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการอย่างต่อเนื่อง เพราะถือเป็นสินค้าที่มีความจำเป็นในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19  โดยการตรวจสอบและจับกุม ยังรวมถึงสินค้าที่ไม่ได้เป็นสินค้าควบคุม แต่หากพบว่ามีการขายแพง มีการกักตุนสินค้า หรือมีการเอารัดเอาเปรียบประชาชน ก็จะดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด หากผู้บริโภคพบเห็นการกักตุนหรือค้ากำไรเกินควร ร้องเรียนได้ทันที ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 และในต่างจังหวัดร้องเรียนได้ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัด หรือศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด จะมีการเข้าไปตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำความผิดทันที.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“โรม” ตั้งกระทู้ถามปมคุณสมบัติ ปธ.กสทช.

“โรม” ตั้งกระทู้ถาม ปม คุณสมบัติ ปธ.กสทช. ปูดคนรัฐบาลมีความสัมพันธ์กับ กสทช. เรื่องจึงไม่ขยับ ด้าน “ประเสริฐ” ปัดดองเรื่อง ขณะนี้ยื่นศาลรธน.ตีความแล้ว รอคำวินิจฉัย ยืนยันรัฐบาลแยกแยะเรื่องส่วนตัวจากการทำงาน ยึดประโยชน์ประชาชน

“อนุทิน” สั่งยกระดับเข้มงวดเข้าออกจุดผ่านแดนไทย

“อนุทิน” สั่งยกระดับความเข้มงวดในการเข้าออกจุดผ่านแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ป้องกัน ปราบปราม ยาเสพติด อาชญากรรมทุกประเภท ภายใต้ปฏิบัติการ “Seal Stop Safe” ตามนโยบายนายกรัฐมนตรี

จับเว็บพนัน

ทลายเครือข่ายเว็บพนัน 2 จุด กลางกรุง มีนักแสดงตัวประกอบเอี่ยวด้วย

ตำรวจไซเบอร์ ทลายเครือข่ายเว็บพนัน 2 จุด กลางกรุง พบเงินหมุนเวียนเดือนละ 100 ล้าน มีนักแสดงตัวประกอบร่วมขบวนการ

เปิดใจผู้รอดชีวิตจากรถบัสมรณะ 18 ศพ

โศกนาฏกรรมรถบัสมรณะ 18 ศพ สร้างความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ให้กับชาว อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ วันนี้ทีมข่าวสำนักข่าวได้สัมภาษณ์เปิดใจผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ราวกับปาฏิหาริย์

ข่าวแนะนำ

ชายแดนไทย-เมียนมา ยังระอุ ปะทะเดือดใกล้จุดแตกหัก

ทหารกะเหรี่ยงใช้โดรนทิ้งระเบิดโจมตีฐานทหารเมียนมา ตรงข้าม อ.ท่าสองยาง จ.ตาก ห่างจากแนวชายแดนประมาณ 800 เมตร โรงเรียนในฝั่งไทย ซึ่งอยู่ติดแนวปะทะ หยุดการเรียนการสอน 1 วัน ขณะที่มีชาวเมียนมาหนีภัยสู้รบเข้าไทยกว่า 400 คน

ทร.จับเรือประมงเมียนมารุกล้ำน่านน้ำไทย

ศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือระนอง จับกุมเรือประมงสัญชาติเมียนมา พร้อมลูกเรือและกัปตันเรือ 6 คน ขณะรุกล้ำน่านน้ำไทย บริเวณน่านน้ำเกาะช้าง จ.ระนอง ก่อนควบคุมเรือลำดังกล่าวมาตรวจสอบที่ท่าเรือน้ำลึกระนอง

ทุจริตยาโรงพยาบาล

แจ้งความเอาผิดขบวนการทุจริตยา รพ.ทหารผ่านศึก

ผอ.องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ลุยเอง ยื่นหลักฐานให้ตำรวจ ปปป. เอาผิดขบวนการทุจริตยา รพ.ทหารผ่านศึก ระบุทำกันมานานเกือบ 10 ปี พบทั้งข้าราชการ-อดีตข้าราชการ เอี่ยวประมาณ 20 คน

รู้เบาะแสคนร้ายชิงทอง 102 บาท คาดเป็นคนในพื้นที่

ตำรวจรู้เบาะแสคนร้ายบุกเดี่ยวชิงทอง 102 บาท ภายในห้างดังกลางเมืองแม่สอด คาดยังหลบอยู่ในพื้นที่ สั่งคุมเข้มแนวชายแดน ป้องกันคนร้ายหลบหนี พร้อมยกระดับมาตรการดูแลร้านทอง-ห้างสรรพสินค้า ป้องกันเหตุซ้ำรอย