จับโจรอ้างเป็นหมอตรวจโควิด-19 ฉกทรัพย์ผู้สูงอายุ

กาฬสินธุ์ 10 เม.ย. – ตำรวจกาฬสินธุ์จับกุมคนร้ายอ้างเป็นหมอตรวจโควิด-19 ฟรีถึงบ้าน ก่อนใช้อุบายหลอกขโมยทรัพย์สินเหยื่อที่เป็นผู้สูงอายุ


กรณีคนร้ายอ้างตัวเป็นหมอและเจ้าหน้าที่ ใช้อุบายหลอกเหยื่อที่เป็นผู้สูงอายุมาตรวจและฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อโควิด-19 ฟรีถึงบ้าน ก่อนอาศัยจังหวะเผลอขโมยทรัพย์สินไป ซึ่งหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่เร่งติดตามตัว ล่าสุดเมื่อเวลา 18.00 น. วานนี้ (9 เมย.) พล.ต.ต.สมนึก มิควาฬ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เชียงใหม่ จ.ร้อยเอ็ด คุมตัวนายวันละชน สิงทอง อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43 บ้านสวนพานลุย หมู่ 3 ต.เชียงใหม่ อ.โพธิ์ชัย จ.ร้อยเอ็ด ผู้ต้องหาก่อเหตุหลอกผู้สูงอายุ อ้างเป็นหมอและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขมาตรวจโควิด-19 ฟรีถึงบ้าน ก่อนขโมยทรัพย์สินของนางทร บุญรอด อายุ 71 ปี ชาวบ้านโพนชัย ต.โพนงาม และนางสุนทร สุริยะก้านตรง อายุ 75 ปี ชาวบ้านบึงไฮ ต.หลักเมือง อ.กมลไสย จ.กาฬสินธุ์ หลังจากถูกเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตามจับกุมตัวได้ที่บ้านพัก พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน สร้อยคอทองคำ 4 เส้น เงินสด นาฬิกา หมวกกันน็อก ถุงมือ กระเป๋าสะพาย และทรัพย์สินที่ขโมยมาอีกจำนวนหนึ่ง โดยมีผู้เสียหายเข้ามายืนยันด้วย


พล.ต.ต.สมนึก มิควาฬ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า สำหรับพฤติกรรมของผู้ต้องหา ซึ่งมีอาชีพเป็นนายหน้าหาซื้อไม้บ้านเก่า เป็นชาว จ.ร้อยเอ็ด อ้างว่าช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หาซื้อไม้ไม่ได้และไม่มีเงิน โดยวันเกิดเหตุ 7 เมษายน ประมาณ 13.00 น. ได้ขี่รถจักรยานยนต์มาใช้อุบายหลอกนางสุนทร ซึ่งอยู่บ้านคนเดียว เตือนว่าไม่สวมหน้ากากอนามัย และให้ไปสวมหน้ากาก เพราะจะมีเจ้าหน้าที่มาตรวจ และขโมยเงินสดของคุณยายไป จำนวน 800 บาท 


จากนั้นได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปยังบ้านของนางสมัย มุสิกา อายุ 77 ปี ในพื้นที่ ต.โพนงาม หลอกว่าจะมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขมาตรวจ และฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อโควิด-19 ให้ไปอาบน้ำ แต่คนร้ายไม่ได้ทรัพย์สินไป จึงหันมายังบ้านของนางทร ซึ่งอยู่ข้างกัน และใช้อุบายเดียวกัน คือ ให้ไปอาบน้ำ แล้วขโมยทรัพย์สิน สร้อยทองหนัก 1 บาท เงินสด 20,000 บาท ซึ่งหลังเกิดเหตุได้ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่เร่งติดตามตัวคนร้าย กระทั่งทราบว่า ผู้ก่อเหตุเป็นชาว จ.ร้อยเอ็ด จึงนำกำลังเข้าจับกุมตัวได้ พร้อมของกลางดังกล่าว ทั้งนี้ อยากฝากเตือนประชาชนให้ระมัดระวังกลุ่มมิจฉาชีพที่อาศัยช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เข้ามาหลอกลวงในรูปแบบต่างๆ ซึ่งหากพบบุคคลเหล่านี้ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที

เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้ก่อเหตุลักทรัพย์ที่บ้านบึงไฮและบ้านโพนชัยจริง ขณะที่ตำรวจคาดว่า คนร้ายรายนี้น่าจะก่อเหตุในพื้นที่ใกล้เคียงอีกหลายแห่ง ซึ่งหากประชาชนถูกคนร้ายรายนี้ก่อเหตุ ให้เข้ามาแจ้งความเพิ่มเติมได้. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง