กรุงเทพฯ 8 เม.ย. – บล.โกลเบล็กชี้ภาครัฐอัดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 3 เฟส ส่งผลดีเชิงบวกต่อเศรษฐกิจไทย มอง SET Index เคลื่อนไหวช่วงสั้นในกรอบ 1,160 – 1,250 จุด แนะกลยุทธ์การลงทุน จับตา 20 หุ้นเป้าหมายในกองทุน SSFX พร้อมจับตาผลการประชุมโอเปกและตัวเลขสำคัญที่จะมีผลต่อเศรษฐกิจของสหรัฐและจีน
นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินภาพรวมประเทศเริ่มส่งสัญญาณเชิงบวก หลังคณะรัฐมนตรีอัดมาตรการเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19 ทั้ง 3 เฟส พร้อมโยกงบปี 2563 เติมงบกลาง รวมวงเงินประมาณ 2.7 – 3 ล้านล้านบาท และให้อำนาจธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดำเนินโครงการช่วยเหลือผู้ประกอบการและดูแลเสถียรภาพภาคการเงิน วงเงินรวม 90,000 ล้านบาท ด้านกระทรวงการคลังเริ่มทยอยจ่ายเงินเยียวยา 5,000 บาท ให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ขณะที่กระทรวงพาณิชย์มีรายงานเงินเฟ้อเดือนมีนาคม 2563 หดตัว 0.54% ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานขยายตัว 0.54% ซึ่งปัจจัยดังกล่าว บล.โกลเบล็กประเมินกรอบดัชนีเคลื่อนไหวในช่วงสั้นที่ระดับ 1,160 – 1,250 จุด
ส่วนปัจจัยที่ยังต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมโอเปกพลัส เพื่อหารือการปรับลดกำลังการผลิตครั้งใหม่วันที่ 9 เมษายน และผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐที่ได้มีการประชุมเมื่อวันที่ 17-18 มีนาคมที่ผ่านมา รายงานสตอกน้ำมันรายสัปดาห์ ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนมีนาคม ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเมษายน และสตอกสินค้าคงคลังภาคการค้าส่งเดือนกุมภาพันธ์ของสหรัฐ ซึ่งจะรู้ผลวันที่ 9 เมษายนนี้ รวมทั้งดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิตของจีนเดือนมีนาคม ซึ่งจะเปิดเผยวันที่ 10 เมษายนนี้ หากตัวเลขของทั้ง 2 ประเทศออกมาเชิงบวกก็จะส่งผลดีต่อดัชนีให้ฟื้นตัวได้
สำหรับปัจจัยลบที่คาดว่าจะมีผลต่อการลงทุนระยะสั้น อาทิ การปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันดิบ WTI , การเลื่อนการประชุมโอเปกพลัสจากเดิม 6 เมษายน ไปเป็น 9 เมษายนนี้ รวมทั้งตัวเลขการส่งออกของไทยที่สภาผู้ส่งออกปรับลดคาดการส่งออกปีนี้ติดลบ 8% และประเมินว่ามีโอกาสหดตัวถึงสองหลัก และมาตรการ lockdown ทั่วโลกและประเทศไทยกระทบระบบโลจิสติกส์
บล.โกลเบล็ก มองกลยุทธ์การลงทุนช่วงนี้ให้อ้างอิงกับหุ้นที่เป็นเป้าหมายของกองทุนรวมเพื่อการออมกองพิเศษ หรือ SSFX โดยแนะนำ 20 หุ้นเป้าหมาย SSFX ประกอบด้วย BJC, DTAC, SCC, TOA, ADVANC, BPP, SGP, JAS, RATCH, IRPC, STA, TRUE, CPALL, INTUCH, GULF, CPF, SPALI, TASCO, TTW และ GPSC
ส่วนราคาทองคำสัปดาห์นี้ คาดว่าจะผันผวนต่อ โดยได้รับแรงหนุนหลักจากกองทุน SPDR ที่กลับเข้ามาซื้อทองคำกว่า 19.9 ตัน และการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของธนาคารกลางสหรัฐ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐทั้งยอดผู้ขอรับสวัสดิการ ยอดจ้างงาน และอัตราว่างงานอ่อนแอ เป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำเพิ่มเติม โดยมองกรอบราคาทองคำสัปดาห์นี้ 1,630 – 1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ 25,260 – 26,450 บาทต่อบาททองคำ.- สำนักข่าวไทย
