โฆษก ศบค.เผยตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ 38 ราย

ทำเนียบฯ 7 เม.ย.- โฆษก ศบค.เผยรัฐบาลน้อมนำกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาปฏิบัติ เผยตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ 38 ราย ระบุตัวเลขลดลงอย่างชัดเจน ตั้งแต่ประกาศเคอร์ฟิว และเป็นความร่วมมือของทุกคนและทุกหน่วยงาน พร้อมให้ความช่วยเหลือคนไทยที่ติดค้างสนามบินอย่างเต็มที่


นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 ว่า เพื่อความเป็นสิริมงคล ขอน้อมนำกระแสพระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ในการพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท กราบบังคมทูลรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พร้อมทั้งพระราชทานพระบรมราโชบาย อุปกรณ์ทางการแพทย์ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2563 ความว่า

“มีอะไรที่จะมีส่วนช่วยเหลือ ที่จะแก้ปัญหาก็ยินดี เพราะว่าก็เป็นปัญหาของชาติ ซึ่งเรื่องโรคระบาดนี่ก็ไม่ใช่ความผิดของใคร แล้วสิ่งที่เกิดขึ้น ก็คือเรามีหน้าที่ที่จะดูแลแก้ไขให้ดีที่สุด อย่างที่เคยพูดไว้ว่า ถ้าเกิดมีความเข้าใจในปัญหา มีความเข้าใจ ไม่ใช่หมายความว่ายอมรับตามบุญตามกรรม แต่มีความเข้าใจในสถานการณ์ มีความเข้าใจในปัญหา และก็มีความรู้เกี่ยวกับโรค ก็คือเข้าใจในปัญหานั่นเอง อันแรกก็เป็นอย่างนี้


อันที่สองก็คือจากข้อที่หนึ่ง ก็คือการมีการบริหารจัดการ มีแผนเผชิญเหตุ มีระบบในการปฏิบัติ แก้ไขให้ถูกจุด รู้ปัญหา แก้ไขให้ถูกจุดโดยมีการบริหารจัดการ แล้วก็ในเวลาเดียวกันก็ต้องให้ประชาชนได้เข้าใจถึงวิธีปฏิบัติที่ถูกต้อง และเหตุผลที่จะต้องปฏิบัติ เพราะว่าการมีระบบ หรือแผนในการปฏิบัติตามแผนที่ได้วางไว้ตามความเป็นจริง ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง แก้ถูกจุด ก็จะลดปัญหาลงไป จะแก้ได้ในที่สุด ก็เชื่อแน่ว่าจะต้องแก้ไขและก็เอาชนะอันนี้ได้ เพราะว่าประเทศของเรานี่ก็นับว่าทำได้ดี ประเทศของเรานี่น่าภูมิใจว่าทำได้ดี และก็ทุกคนก็ร่วมใจกัน ก็ดีกว่าที่อื่นอีกหลายที่ แต่บางทีก็ต้องเน้นเรื่องการทำงานมีระบบด้วยความเข้าใจ และการมีระเบียบวินัยในการแก้ไขปัญหา โดยมีเป้าหมายว่าเราจะต้องต่อสู้ให้โรคนี้สงบลงไปได้ในที่สุด เพราะว่าโรคมาได้ โรคก็ไปได้ โรคจะไม่ไปถ้าเราไม่แก้ไขปัญหา เราไม่แก้ไขให้ถูกจุด หรือเราไม่มีความขันติ อดทนที่จะแก้ไข บางทีก็ต้องสละในความสุขส่วนตัวบ้าง หรือเสียสละในการกล้าที่จะสร้างนิสัย หรือสร้างวินัยในตัวเอง ที่จะแก้ไขเพื่อตัวเอง เพื่อส่วนรวม อันนี้เราก็ขอเป็นกำลังใจให้”

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า วันนี้ (7 เม.ย.) ไทยมีรายงานผู้ป่วยใหม่ 38 ราย รวมผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 2,258 ราย รักษาหาย 824 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย รวม 27 รายโดยผู้เสียชีวิตล่าสุด เป็นชายไทย อายุ 54 ปี ไม่มีโรคประจำตัว เคยไปร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์หลายที่และไปสถานบันเทิงย่านทองหล่อ เริ่มป่วยเมื่อวันที่ 13 มีนาคมโดยมีอาการเหนื่อยและเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชน จากนั้น 14 มีนาคม มีอาการเหนื่อยมากขึ้น ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ จากนั้นตรวจพบติดเชื้อโควิด-19  และพบมีอาการปอดอักเสบอย่างรุนแรง เสียชีวิตด้วยอาการระบบทางเดินหายใจล้มเหลว เมื่อวันที่ 6 เมษายน

โฆษก ศบค. กล่าวว่า จากตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ 38 ราย พบว่า  อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครมากที่สุด และกลุ่มใหญ่ คือผู้สัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 17 ราย เป็นกลุ่มเสี่ยงที่ทำงานในสถานที่แออัด 7 ราย กลุ่มคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ และไปสถานที่ชุมชน 3 ราย และเป็นบุคลากรทางการแพทย์ 3 ราย 


นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า จำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงอย่างชัดเจน ตั้งแต่มีการประกาศเคอร์ฟิววันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา ตั้งแต่เวลา 22.00 น.- 04.00 น. ซึ่งถือเป็นแนวโน้มที่ดีที่ทุกคนอยู่บ้านทำให้การแพร่กระจายเชื้อนั้นลดลง แต่ทั้งนี้ก็ยังต้องลดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ โดยเฉพาะให้ทุกคนในบ้านรักษาระยะห่างระหว่างกัน 1-2 เมตร  

สำหรับมาตรการเคอร์ฟิวส่วนใหญ่ประชาชนให้ความร่วมมือดี แต่ยังมีผู้ฝ่าฝืนอยู่ โดยพบว่าในวันที่ 7 เมษายน มีประชาชนออกนอกเคหสถาน 1,217 ราย รวมกลุ่มชุมนุมและมั่วสุมจำนวน 76 ราย รวมทั้งสิ้น 1,293 ราย ซึ่งต้องขอร้องประชาชนว่ามาตรการต่าง ๆ จะมีความเข้มข้นขึ้นหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับตัวเลขดังกล่าว ซึ่งหากตัวเลขไม่เพิ่มขึ้น ก็จะไม่มีมาตรการอะไรเพิ่มเติม

ส่วนมาตรการดูแลคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ หลังมีประกาศขยายเวลาห้ามบินเข้าไทยไปจนถึงวันที่ 18 เม.ย. นั้น โฆษก ศบค. กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศ จะเร่งช่วยเหลือคนไทยที่ติดค้างอยู่ที่สนามบิน ซึ่งเท่าที่มีการรายงานว่า พบมีคนไทยติดค้างสนามบินที่ญี่ปุ่น 15 คน เกาหลีใต้ 60 คน เนเธอร์แลนด์  1 คน สหราชอาณาจักร 1 คน กาต้าร์ 14 คน ซึ่งแนวทางการช่วยเหลือนั้น ในวันที่ 7 เมษายน เวลา 20.30 น. จะมีเครื่องบินจากฝรั่งเศส มารับคนฝรั่งเศส ที่จ.ภูเก็ต ซึ่งจะมีคนไทย 14 คน ได้รับการประสานงานเดินทางมาพร้อมเที่ยวบินดังกล่าว  กลุ่มที่ 2 วันที่ 7 เมษายน เวลา 21.45 น.คนไทยที่ตกค้าง 60 คนจะเดินทางกลับจากสหรัฐอเมริกา ลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ  และวันที่ 8 เมษายน เวลา 15.30 น.จะมีคนไทยตกค้างเดินทางกลับมาจากญี่ปุ่น จำนวน 22 คนที่สนามบินสุวรรณภูมิ ยืนยันว่ากระทรวงการต่างประเทศจะดูแลเป็นอย่างดี 

เมื่อถามว่าสาเหตุที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อน้อยลงเป็นเพราะการตรวจลดลงหรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ตัวเลขสะสมการตรวจเชื้อโควิด-19 มีถึง 71,860 ราย และความสามารถในการตรวจหาเชื้อที่กรุงเทพ -ปริมณฑล สามารถตรวจได้ได้วันละ 1 หมื่นรายและต่างจังหวัดอีก 1 หมื่นราย รวมเป็น 2 หมื่นรายต่อวัน  ซึ่งการตรวจไม่ได้ใช้เพียงน้ำยาในการตรวจแต่ต้องใช้บุคลากรและอุปกรณ์สำหรับการป้องกันของทีมแพทย์พยาบาลด้วย ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องเตรียมให้มีความพร้อมในโอกาสต่อไป ทั้งชุด PPE และเครื่องช่วยหายใจ รวมถึงเตียงรับรองผู้ติดเชื้อด้วย 

“หลังจากนี้จะพยายามเพิ่มประสิทธิภาพให้เพิ่มขึ้นอีกในอนาคตตั้งเป้าวันละ 1 แสนราย รวมถึงเตรียมความพร้อมด้านอุปกรณ์ บุคลากร และเตียงผู้ป่วย ให้เพียงพอที่จะรองรับผู้ป่วยติดเชื้อ” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

ส่วนตัวเลขผู้ติดเชื้อ 38 รายที่ดีขึ้น นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่า เนื่องจากเป็นความร่วมมือของทุกภาคส่วน ไม่ใช่แค่จากมาตรการใดมาตรการหนึ่ง แต่มาจากการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และการเคอร์ฟิว จำกัดช่วงเวลาในการพบเจอกัน การควบคุมภายในประเทศและการให้ความร่วมมือของประชาชนเป็นอย่างดี คนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงมีสถานที่รองรับชัดเจน แต่อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่าเราจะไม่หยุดดำเนินการเพียงเท่านี้ เพราะเมื่อดำเนินการมาดีแล้วก็จะตรึงให้สถานการณ์ดีขึ้นต่อ ๆ ไป ซึ่งต้องได้รับความร่วมมือจากทุกคน

เมื่อถามถึงความกังวลในการกักตัวที่สัตหีบ สามารถแยกห้องได้หรือไม่ เนื่องจากมีการจัดให้พักห้องละ 3 คน นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า การดำเนินการเป็นไปด้วยความเหมาะสม เพราะต้องคำนึงในหลาย ๆ ด้าน ขอให้มีความอดทนเรื่องความสะดวกสบายสักระยะหนึ่ง เพราะเจ้าหน้าที่พยายามที่จะดูแลทุกคนทั้งที่พัก ที่นอน อาหารการกิน และสุขลักษณะอย่างดีที่สุด ซึ่งขอให้ยอมรับในข้อจำกัดนี้ด้วยเพราะถือว่าเราเป็นประเทศที่ดูแลพลเมืองได้ดีประเทศหนึ่ง

“ยอมรับว่า ขณะนี้มีผู้ต้องการเข้าไปอยู่ภายในศูนย์เป็นจำนวนมาก ทำให้สถานที่ไม่พอที่จะจัดให้พัก ห้องละ 1 คนได้ และขณะนี้ห้องพักภายในศูนย์สัตหีบเต็มแล้ว จึงขอให้ทุกคนอดทน ขณะนี้มีคนไทยเดินทางกลับเข้าประมาณ  วันละ 100-200 คน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังหาพื้นที่รองรับคนไทยเหล่านั้นด้วยเช่นกัน” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

เมื่อถามว่ากรณีที่มีคนไทย ในประเทศอินโดนีเซีย กว่า 20 คน ไม่สามารถเดินทางออกกลับพร้อมกับเที่ยวบินเมื่อวานนี้ (6 เม.ย.)ได้ โฆษก สบค. กล่าวว่า เนื่องจากมีบุคคลที่ตรวจร่างกายไม่ผ่าน เพราะมีอาการป่วย ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของผู้ร่วมเดินทาง รวมถึงศูนย์ประกันตัวภายในประเทศจึงไม่สามารถนำตัวออกจากประเทศต้นทางได้ ต้องรักษาตัวให้หายก่อนจึงจะสามารถนำตัวกลับได้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ฆ่าตัดนิ้วชิงทรัพย์

เร่งล่าฆาตกรโหดตัดนิ้วชิงทรัพย์หญิงวัย 67 ทิ้งศพกลางสวนปาล์ม

ตำรวจเร่งล่าฆาตกรโหดฆ่าตัดนิ้วหญิงวัย 67 ปี ชิงทรัพย์ ก่อนทิ้งศพกลางสวนปาล์ม อ.วังจันทร์ จ.ระยอง ชาวบ้านเผยพบรถเก๋งต้องสงสัยสีขาววิ่งเข้าไปในจุดพบศพ

จับนายก อบต.นาบัว

คอมมานโดบุกจับนายก อบต.นาบัว-พวก รวม 16 คน

คอมมานโดกองปราบฯ บุกจับฟ้าผ่า! นายก อบต.นาบัว อ.นครไทย ประธาน “ธนาคารหมู่บ้าน” พร้อมพวก รวม 16 คน ฐานร่วมกันฉ้อโกงและร่วมกันกู้ยืมเงิน มูลค่าความเสียหายนับร้อยล้านบาท

New Zealanders march towards Wellington to protest Indigenous treaty bill

ชาวเมารีเต้นฮากาประท้วงร่าง กม.นิวซีแลนด์

เวลลิงตัน 15 พ.ย.- ผู้คนในหลายเมืองทั่วนิวซีแลนด์เข้าร่วมการเดินขบวนมุ่งหน้าไปยังกรุงเวลลิงตัน เพื่อประท้วงร่างกฎหมายลิดรอนสิทธิของชนพื้นเมือง โดยมีการเต้นฮากาที่เป็นวัฒนธรรมของชาวเมารีในระหว่างการประท้วงด้วย รัฐสภานิวซีแลนด์ผ่านความเห็นชอบในเบื้องต้นเมื่อวานนี้ เรื่องการตีความใหม่สนธิสัญญาอายุ 184 ปี ที่มกุฎราชกุมารอังกฤษกับหัวหน้าชาวเมารีมากกว่า 500 คนลงนามในปี พ.ศ.2383 กำหนดเรื่องการปกครองนิวซีแลนด์ร่วมกัน ซึ่งเป็นแนวทางในการออกกฎหมายและนโยบายของประเทศมาจนถึงปัจจุบัน ความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้เกิดการชุมนุมประท้วงตามเมืองต่าง ๆ ทั่วนิวซีแลนด์ โดยมีการจัดเดินขบวนเป็นเวลา 9 วันมุ่งไปยังกรุงเวลลิงตัน คาดว่าขบวนจะถึงเมืองหลวงในวันที่ 19 พฤศจิกายน ตำรวจแถลงวันนี้ว่า มีคนประมาณ 10,000 คน เข้าร่วมการเดินขบวนในเมืองโรโตรัว ห่างจากกรุงเวลลิงตันไปทางเหนือราว 450 กิโลเมตร ผู้ประท้วงแต่งกายในชุดชนพื้นเมือง มีการเต้นฮากาที่เป็นวัฒนธรรมของชาวเมารี โดยได้รับการต้อนรับจากคนจำนวนมากที่มาโบกธงเมารีและร่วมร้องเพลง.-814.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ตอนบนฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ จากนั้นอุณหภูมิจะลดลง

กรมอุตุฯ รายงานไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ในระยะแรก จากนั้นอุณหภูมิจะลดลง อากาศเย็นกับมีลมแรง อีสานอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาฯ ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล และตะวันออก อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาฯ ส่วนภาคใต้ฝนฟ้าคะนองกับฝนตกหนักบางแห่ง

กระทงใหญ่ยี่เป็ง

ชมความงามกระทงใหญ่ ชิงถ้วยพระราชทานฯ ยี่เป็งเชียงใหม่

ที่เชียงใหม่ยังมีประเพณียี่เป็ง หรือลอยกระทง โดยเฉพาะค่ำคืนนี้ ซึ่งเป็นจุดเด่นที่สุดของงานทุกปี นั่นคือขบวนแห่กระทงใหญ่ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ปีนี้มีเกือบ 30 ขบวน แต่ละขบวนล้วนตกแต่งได้อย่างสวยงาม

จับนายก อบต.นาบัว

คอมมานโดบุกจับนายก อบต.นาบัว-พวก รวม 16 คน

คอมมานโดกองปราบฯ บุกจับฟ้าผ่า! นายก อบต.นาบัว อ.นครไทย ประธาน “ธนาคารหมู่บ้าน” พร้อมพวก รวม 16 คน ฐานร่วมกันฉ้อโกงและร่วมกันกู้ยืมเงิน มูลค่าความเสียหายนับร้อยล้านบาท

ฆ่าตัดนิ้วชิงทรัพย์

เร่งล่าฆาตกรโหดตัดนิ้วชิงทรัพย์หญิงวัย 67 ทิ้งศพกลางสวนปาล์ม

ตำรวจเร่งล่าฆาตกรโหดฆ่าตัดนิ้วหญิงวัย 67 ปี ชิงทรัพย์ ก่อนทิ้งศพกลางสวนปาล์ม อ.วังจันทร์ จ.ระยอง ชาวบ้านเผยพบรถเก๋งต้องสงสัยสีขาววิ่งเข้าไปในจุดพบศพ