โฆษก ศบค.เผยตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ 38 ราย

ทำเนียบฯ 7 เม.ย.- โฆษก ศบค.เผยรัฐบาลน้อมนำกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาปฏิบัติ เผยตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ 38 ราย ระบุตัวเลขลดลงอย่างชัดเจน ตั้งแต่ประกาศเคอร์ฟิว และเป็นความร่วมมือของทุกคนและทุกหน่วยงาน พร้อมให้ความช่วยเหลือคนไทยที่ติดค้างสนามบินอย่างเต็มที่


นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 ว่า เพื่อความเป็นสิริมงคล ขอน้อมนำกระแสพระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ในการพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท กราบบังคมทูลรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พร้อมทั้งพระราชทานพระบรมราโชบาย อุปกรณ์ทางการแพทย์ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2563 ความว่า

“มีอะไรที่จะมีส่วนช่วยเหลือ ที่จะแก้ปัญหาก็ยินดี เพราะว่าก็เป็นปัญหาของชาติ ซึ่งเรื่องโรคระบาดนี่ก็ไม่ใช่ความผิดของใคร แล้วสิ่งที่เกิดขึ้น ก็คือเรามีหน้าที่ที่จะดูแลแก้ไขให้ดีที่สุด อย่างที่เคยพูดไว้ว่า ถ้าเกิดมีความเข้าใจในปัญหา มีความเข้าใจ ไม่ใช่หมายความว่ายอมรับตามบุญตามกรรม แต่มีความเข้าใจในสถานการณ์ มีความเข้าใจในปัญหา และก็มีความรู้เกี่ยวกับโรค ก็คือเข้าใจในปัญหานั่นเอง อันแรกก็เป็นอย่างนี้


อันที่สองก็คือจากข้อที่หนึ่ง ก็คือการมีการบริหารจัดการ มีแผนเผชิญเหตุ มีระบบในการปฏิบัติ แก้ไขให้ถูกจุด รู้ปัญหา แก้ไขให้ถูกจุดโดยมีการบริหารจัดการ แล้วก็ในเวลาเดียวกันก็ต้องให้ประชาชนได้เข้าใจถึงวิธีปฏิบัติที่ถูกต้อง และเหตุผลที่จะต้องปฏิบัติ เพราะว่าการมีระบบ หรือแผนในการปฏิบัติตามแผนที่ได้วางไว้ตามความเป็นจริง ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง แก้ถูกจุด ก็จะลดปัญหาลงไป จะแก้ได้ในที่สุด ก็เชื่อแน่ว่าจะต้องแก้ไขและก็เอาชนะอันนี้ได้ เพราะว่าประเทศของเรานี่ก็นับว่าทำได้ดี ประเทศของเรานี่น่าภูมิใจว่าทำได้ดี และก็ทุกคนก็ร่วมใจกัน ก็ดีกว่าที่อื่นอีกหลายที่ แต่บางทีก็ต้องเน้นเรื่องการทำงานมีระบบด้วยความเข้าใจ และการมีระเบียบวินัยในการแก้ไขปัญหา โดยมีเป้าหมายว่าเราจะต้องต่อสู้ให้โรคนี้สงบลงไปได้ในที่สุด เพราะว่าโรคมาได้ โรคก็ไปได้ โรคจะไม่ไปถ้าเราไม่แก้ไขปัญหา เราไม่แก้ไขให้ถูกจุด หรือเราไม่มีความขันติ อดทนที่จะแก้ไข บางทีก็ต้องสละในความสุขส่วนตัวบ้าง หรือเสียสละในการกล้าที่จะสร้างนิสัย หรือสร้างวินัยในตัวเอง ที่จะแก้ไขเพื่อตัวเอง เพื่อส่วนรวม อันนี้เราก็ขอเป็นกำลังใจให้”

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า วันนี้ (7 เม.ย.) ไทยมีรายงานผู้ป่วยใหม่ 38 ราย รวมผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 2,258 ราย รักษาหาย 824 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย รวม 27 รายโดยผู้เสียชีวิตล่าสุด เป็นชายไทย อายุ 54 ปี ไม่มีโรคประจำตัว เคยไปร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์หลายที่และไปสถานบันเทิงย่านทองหล่อ เริ่มป่วยเมื่อวันที่ 13 มีนาคมโดยมีอาการเหนื่อยและเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชน จากนั้น 14 มีนาคม มีอาการเหนื่อยมากขึ้น ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ จากนั้นตรวจพบติดเชื้อโควิด-19  และพบมีอาการปอดอักเสบอย่างรุนแรง เสียชีวิตด้วยอาการระบบทางเดินหายใจล้มเหลว เมื่อวันที่ 6 เมษายน

โฆษก ศบค. กล่าวว่า จากตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ 38 ราย พบว่า  อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครมากที่สุด และกลุ่มใหญ่ คือผู้สัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 17 ราย เป็นกลุ่มเสี่ยงที่ทำงานในสถานที่แออัด 7 ราย กลุ่มคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ และไปสถานที่ชุมชน 3 ราย และเป็นบุคลากรทางการแพทย์ 3 ราย 


นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า จำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงอย่างชัดเจน ตั้งแต่มีการประกาศเคอร์ฟิววันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา ตั้งแต่เวลา 22.00 น.- 04.00 น. ซึ่งถือเป็นแนวโน้มที่ดีที่ทุกคนอยู่บ้านทำให้การแพร่กระจายเชื้อนั้นลดลง แต่ทั้งนี้ก็ยังต้องลดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ โดยเฉพาะให้ทุกคนในบ้านรักษาระยะห่างระหว่างกัน 1-2 เมตร  

สำหรับมาตรการเคอร์ฟิวส่วนใหญ่ประชาชนให้ความร่วมมือดี แต่ยังมีผู้ฝ่าฝืนอยู่ โดยพบว่าในวันที่ 7 เมษายน มีประชาชนออกนอกเคหสถาน 1,217 ราย รวมกลุ่มชุมนุมและมั่วสุมจำนวน 76 ราย รวมทั้งสิ้น 1,293 ราย ซึ่งต้องขอร้องประชาชนว่ามาตรการต่าง ๆ จะมีความเข้มข้นขึ้นหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับตัวเลขดังกล่าว ซึ่งหากตัวเลขไม่เพิ่มขึ้น ก็จะไม่มีมาตรการอะไรเพิ่มเติม

ส่วนมาตรการดูแลคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ หลังมีประกาศขยายเวลาห้ามบินเข้าไทยไปจนถึงวันที่ 18 เม.ย. นั้น โฆษก ศบค. กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศ จะเร่งช่วยเหลือคนไทยที่ติดค้างอยู่ที่สนามบิน ซึ่งเท่าที่มีการรายงานว่า พบมีคนไทยติดค้างสนามบินที่ญี่ปุ่น 15 คน เกาหลีใต้ 60 คน เนเธอร์แลนด์  1 คน สหราชอาณาจักร 1 คน กาต้าร์ 14 คน ซึ่งแนวทางการช่วยเหลือนั้น ในวันที่ 7 เมษายน เวลา 20.30 น. จะมีเครื่องบินจากฝรั่งเศส มารับคนฝรั่งเศส ที่จ.ภูเก็ต ซึ่งจะมีคนไทย 14 คน ได้รับการประสานงานเดินทางมาพร้อมเที่ยวบินดังกล่าว  กลุ่มที่ 2 วันที่ 7 เมษายน เวลา 21.45 น.คนไทยที่ตกค้าง 60 คนจะเดินทางกลับจากสหรัฐอเมริกา ลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ  และวันที่ 8 เมษายน เวลา 15.30 น.จะมีคนไทยตกค้างเดินทางกลับมาจากญี่ปุ่น จำนวน 22 คนที่สนามบินสุวรรณภูมิ ยืนยันว่ากระทรวงการต่างประเทศจะดูแลเป็นอย่างดี 

เมื่อถามว่าสาเหตุที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อน้อยลงเป็นเพราะการตรวจลดลงหรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ตัวเลขสะสมการตรวจเชื้อโควิด-19 มีถึง 71,860 ราย และความสามารถในการตรวจหาเชื้อที่กรุงเทพ -ปริมณฑล สามารถตรวจได้ได้วันละ 1 หมื่นรายและต่างจังหวัดอีก 1 หมื่นราย รวมเป็น 2 หมื่นรายต่อวัน  ซึ่งการตรวจไม่ได้ใช้เพียงน้ำยาในการตรวจแต่ต้องใช้บุคลากรและอุปกรณ์สำหรับการป้องกันของทีมแพทย์พยาบาลด้วย ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องเตรียมให้มีความพร้อมในโอกาสต่อไป ทั้งชุด PPE และเครื่องช่วยหายใจ รวมถึงเตียงรับรองผู้ติดเชื้อด้วย 

“หลังจากนี้จะพยายามเพิ่มประสิทธิภาพให้เพิ่มขึ้นอีกในอนาคตตั้งเป้าวันละ 1 แสนราย รวมถึงเตรียมความพร้อมด้านอุปกรณ์ บุคลากร และเตียงผู้ป่วย ให้เพียงพอที่จะรองรับผู้ป่วยติดเชื้อ” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

ส่วนตัวเลขผู้ติดเชื้อ 38 รายที่ดีขึ้น นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่า เนื่องจากเป็นความร่วมมือของทุกภาคส่วน ไม่ใช่แค่จากมาตรการใดมาตรการหนึ่ง แต่มาจากการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และการเคอร์ฟิว จำกัดช่วงเวลาในการพบเจอกัน การควบคุมภายในประเทศและการให้ความร่วมมือของประชาชนเป็นอย่างดี คนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงมีสถานที่รองรับชัดเจน แต่อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่าเราจะไม่หยุดดำเนินการเพียงเท่านี้ เพราะเมื่อดำเนินการมาดีแล้วก็จะตรึงให้สถานการณ์ดีขึ้นต่อ ๆ ไป ซึ่งต้องได้รับความร่วมมือจากทุกคน

เมื่อถามถึงความกังวลในการกักตัวที่สัตหีบ สามารถแยกห้องได้หรือไม่ เนื่องจากมีการจัดให้พักห้องละ 3 คน นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า การดำเนินการเป็นไปด้วยความเหมาะสม เพราะต้องคำนึงในหลาย ๆ ด้าน ขอให้มีความอดทนเรื่องความสะดวกสบายสักระยะหนึ่ง เพราะเจ้าหน้าที่พยายามที่จะดูแลทุกคนทั้งที่พัก ที่นอน อาหารการกิน และสุขลักษณะอย่างดีที่สุด ซึ่งขอให้ยอมรับในข้อจำกัดนี้ด้วยเพราะถือว่าเราเป็นประเทศที่ดูแลพลเมืองได้ดีประเทศหนึ่ง

“ยอมรับว่า ขณะนี้มีผู้ต้องการเข้าไปอยู่ภายในศูนย์เป็นจำนวนมาก ทำให้สถานที่ไม่พอที่จะจัดให้พัก ห้องละ 1 คนได้ และขณะนี้ห้องพักภายในศูนย์สัตหีบเต็มแล้ว จึงขอให้ทุกคนอดทน ขณะนี้มีคนไทยเดินทางกลับเข้าประมาณ  วันละ 100-200 คน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังหาพื้นที่รองรับคนไทยเหล่านั้นด้วยเช่นกัน” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

เมื่อถามว่ากรณีที่มีคนไทย ในประเทศอินโดนีเซีย กว่า 20 คน ไม่สามารถเดินทางออกกลับพร้อมกับเที่ยวบินเมื่อวานนี้ (6 เม.ย.)ได้ โฆษก สบค. กล่าวว่า เนื่องจากมีบุคคลที่ตรวจร่างกายไม่ผ่าน เพราะมีอาการป่วย ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของผู้ร่วมเดินทาง รวมถึงศูนย์ประกันตัวภายในประเทศจึงไม่สามารถนำตัวออกจากประเทศต้นทางได้ ต้องรักษาตัวให้หายก่อนจึงจะสามารถนำตัวกลับได้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ออกหมายจับ 5 คนแก๊ง “เสือปุ่น” ปล้นเงินสด 3.4 ล้าน

กทม. 1 ก.ค.-ออกหมายจับ 5 คนแก๊ง “เสือปุ่น” ปล้นเงินสด 3.4 ล้านตุ๋นแลกคริปโตฯ ชุดสืบปูพรมล่า จากกรณีกลุ่มคนร้าย 7 คน ก่อเหตุปล้นทรัพย์ เงินสด 3.4 ล้านบาท โดยใช้อาวุธมีดจี้ ข่มขู่ผู้เสียหาย 3 คน ที่มาซื้อเงินคริปโตเคอร์เรนซี่ สกุลเวิน USDT จำนวน 100,000 ดอลล่า ภายในลานจอดรถศูนย์การค้าชื่อดังย่านลาดพร้าว แขวงและเขตจตุจักร กทม. เมื่อช่วงเวลา 19.30 น. ของวานนี้ (30 มิ.ย.) ภายหลัง พล.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. และ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. นำชุดสืบสวนเร่งรัดติดตามตัว จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 ราย คือ นายเฌอพัชญ์ หรือหนาว อายุ 25 ปี […]

“ทักษิณ” พร้อมลูกสาว เดินทางออกจากศาลอาญา หลังสืบพยานนัดแรก

1 ก.ค. – บรรยากาศที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ภายหลังนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าสืบพยานโจทก์นัดแรกในคดีหมายเลขดำ อ.1860/2567 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายทักษิณ เป็นจำเลยในความผิด ฐานดูหมิ่นสถาบันฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ เมื่อเวลา 12.10 น. นายทักษิณ พร้อมด้วย น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ หรือเอม ได้เดินทางกลับโดยใช้ประตูด้านข้างของศาลอาญา ก่อนขึ้นรถออกไป โดยเลี้ยวออกไปทางประตูของศาลแพ่ง และเลี้ยวออกถนนพหลโยธินโดยทันที โดยมีกลุ่มมวลชนสวมเสื้อสีแดงยืนคอยให้กำลังใจอยู่บริเวณริมฟุตบาธบริเวณประตูทางออกอยู่จำนวนหนึ่ง ทั้งนี้มีนางเพญ พินิจอักษร ชาวจังหวัดศรีสะเกษ ถือรูปนายทักษิณ โดยมีการเขียนข้อความในภาพว่าขอส่งกำลังใจให้นายกฯในดวงใจ พร้อมถือพวงมาลัยดอกมะลิพวงใหญ่ และมีกลุ่มมวลชนสวมเสื้อสีแดงกลุ่ม 50 เขตแดน กทม. มาให้กำลังใจด้วยเช่นเดียวกัน จากนั้น นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัว นายทักษิณ ได้เดินมาทำความเข้าใจกับสื่อมวลชนหลังจากที่ศาลอาญาได้มีการพักการสืบพยาน ว่า ขอให้สื่อมวลชนใช้วิจารณญาณว่าจะอยู่หรือไม่อยู่ เพราะศาลใช้การพิจารณาลับ ทั้งนี้ไม่สามารถพูดอะไรในกระบวนการได้ จะพูดได้แค่มีพยานกี่ปาก […]

ธปท.เผย “คุณสู้ เราช่วย” เฟส 2 มีลูกหนี้เข้าเกณฑ์ 1.8 ล้านราย

กรุงเทพฯ 1 ก.ค. – ธปท.เผย “คุณสู้ เราช่วย” เฟส 2 เพิ่ม “จ่าย ตัด ต้น” พร้อมขยายขอบเขต 2 มาตรการเดิม “จ่ายตรง คงทรัพย์” และ “จ่าย ปิด จบ” มีลูกหนี้เข้าเกณฑ์ 1.8 ล้านราย ยอดนี้ประมาณ 3.1 แสนล้านบาท นางสาวสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผย ว่า ภายใต้เศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูง ยังมีลูกหนี้กลุ่มเปราะบางจำนวนมากที่มีปัญหาในการชำระหนี้ และพบว่าลูกหนี้ยังให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการอย่างต่อเนื่อง แต่บางส่วนไม่สามารถเข้าร่วมได้เนื่องจากคุณสมบัติไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด กระทรวงการคลัง สศช. ธปท. ธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินเฉพาะกิจ รวมถึงผู้ประกอบธุรกิจ non-bank ที่เป็นบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ เห็นควรขยายระยะเวลาลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคุณสู้เราช่วยเฟส 1 (เดิมสิ้นสุด 30 มิ.ย.68) และให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติม ภายใต้โครงการ […]

“บิ๊กเต่า” เร่งสอบบัญชีวัดดัง พบเส้นเงินไหลเข้าสีกาคนสนิทหลายครั้ง

กรุงเทพฯ 1 ก.ค. – “บิ๊กเต่า” เร่งสอบ 5 บัญชี เงินวัดตรีฯ-ทิดอาชว์ พบมีเส้นเงินไหลเข้าสีกาคนสนิทหลักหมื่นถึงหลักแสนบาทหลายครั้ง ส่วนคลิปลับแชทหลุดเป็นหน้าที่สำนักพุทธฯ ตรวจสอบ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เรียกประชุมตำรวจ บก.ปปป. และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. เพื่อติดตามความคืบหน้าการตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายของวัดตรีทศเทพวรวิหาร หลังพบพิรุธพระเทพวชิรปาโมกข์ (อาชว์ อาชฺชวปเสฏฺโฐ) หรือ “เจ้าคุณอาชว์” ได้ลาสิกขาหรือสึก ที่ จ.หนองคาย อย่างกะทันหัน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า จากการเข้าตรวจสอบบัญชีรายรับรายจ่ายที่วัดตรีทศเทพเมื่อวานนี้ ยังไม่เป็นที่น่าพอใจ ทางวัดให้เอกสารทางบัญชีมาบางส่วน พระหลายรูปกังวลหวาดกลัวจึงไม่ค่อยให้ความร่วมมือเท่าที่ควร แต่ตำรวจได้ประสานรักษาการเจ้าอาวาสวัด เพื่อให้แต่งตั้งไวยาวัจกรใหม่ ซึ่งเชื่อว่าหลังจากนี้จะได้รับความร่วมมือมากขึ้น โดยตำรวจได้ประสานขอรายการเดินบัญชีธนาคารของวัด 5 บัญชี เป็นบัญชีที่เกี่ยวกับเงินกฐิน ค่าเช่าที่จอดรถ ฌาปนกิจศพ ค่าน้ำค่าไฟ และภาพวาดโบราณ และบัญชีที่ต้องสงสัยอีกจำนวนหนึ่ง มาตรวจสอบทั้งหมด รวมถึงบัญชีส่วนตัวของทิดอาชว์ เบื้องต้นตำรวจมีข้อมูลน่าเชื่อได้ว่า ตำแหน่งเจ้าอาวาสไม่ได้มีเงินเยอะ แต่ตำรวจเห็นหลักฐานการโอนเงินบางส่วนไปยังสีกาหญิงหลายรายการ ยอดเงินตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักแสนบาท ซึ่งอาจเป็นเงินของวัด หรืออาจใช้ให้คนอื่นไปโอน […]

ข่าวแนะนำ

“โชต้า” แข้งลิเวอร์พูล ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต

สเปน 3 ก.ค. – “ดิโอโก้ โชต้า” กองหน้าสโมสรลิเวอร์พูล และทีมชาติโปรตุเกส เสียชีวิตแล้ว หลังประสบอุบัติเหตุระหว่างการพักผ่อนที่ประเทศสเปนกับน้องชาย “มาร์ก้า” สื่อชื่อดังของสเปน รายงานข่าวว่า ดิโอโก้ โชต้า กองหน้าสโมสรลิเวอร์พูล วัย 28 ปี เสียชีวิตแล้ว หลังประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ที่จังหวัดซาโมรา ทางตะวันตกของประเทศสเปน ระหว่างการเดินทางไปพักผ่อนกับ อังเดร น้องชาย เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นบริเวณกิโลเมตรที่ 65 ของทางหลวงสาย เอ-52 ใกล้เขตซานาเบรีย โดยโชต้าอยู่ในรถคันดังกล่าวพร้อมกับอังเดร น้องชายวัย 26 ปี ซึ่งเป็นนักฟุตบอลอาชีพเช่นกัน และเล่นให้กับสโมสรเปนาฟีแอล ในลีกโปรตุเกส รถยนต์ที่ทั้งสองโดยสาร ประสบเหตุหลุดออกจากถนนและเกิดเพลิงลุกไหม้อย่างรุนแรง มีพยานในที่เกิดเหตุโทรแจ้งหน่วยฉุกเฉินหมายเลข 112 ระบุว่า รถถูกไฟคลอกทั้งคัน ดิเอโก้ โชต้า ย้ายจากวูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส มาร่วมทัพลิเวอร์พูลในปี 2020 ด้วยค่าตัวราว 44.7 ล้านยูโร ราว 1,700 […]

สั่งปิดประชุมสภาฯ หลัง สส. เสนอนับองค์ประชุม

รัฐสภา 3 ก.ค. – การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันแรก ประเดิมด้วยกระทู้สดเรื่องปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา และขณะนี้ประธานสั่งปิดประชุมแล้ว หลัง สส. เสนอนับองค์ประชุม การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันนี้ประเดิมด้วยการพิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา เรื่องปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ของนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชนชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยมี พล.อ.ณัฐพล นาคพานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาการ รมว.กลาโหม เป็นผู้ชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังมีกรณีคลิปเสียงของนายกรัฐมนตรีคุยกับสมเด็จฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา โดยระบุว่าขณะนี้มีสัญญาณดี กัมพูชายอมคุยด้วยแล้ว ทางฝ่ายระดับสูงของกัมพูชาเริ่มมีการคุยว่า เชิญไปประชุมทวิภาคี จีบีซี หารือ 2 ประเด็น ถอนกำลังพล-ลดเข้มงวดมาตรการชายแดน แต่ด้วยสถานการณ์ทางด้านโซเชียลฯ ทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชาทำให้การพูดคุยในเรื่องเงื่อนไขเราก็ยังไม่เป็นที่ตกลงกัน ขอเรียนว่า มีสัญญาณบวกและวัตถุประสงค์ที่รัฐบาลยังคงมาตรการในการควบคุมด่านอยู่ มีไว้เพื่อสร้างแรงกดดันที่ต้องใช้อย่างเหมาะสม ยืนยันกองทัพทำตาม นโยบายของรัฐบาล ทั้งนี้หลังการถามกระทู้ ที่ประชุมเตรียมพิจารณารายงานของกองทุนสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ นายอัคร ทองใจสด สส.เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ ได้เสนอที่ประชุมให้นับองค์ประชุม เพื่อตรวจสอบจำนวน สส.ภายในห้องประชุม ซึ่งขณะนี้มี […]

ครม. มอบ “ภูมิธรรม” รักษาการนายกฯ เบอร์หนึ่ง

ทำเนียบ 3 ก.ค.-ครม. มอบ “ภูมิธรรม” รักษาการนายกฯ เบอร์หนึ่ง มีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับนายกฯ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ เรื่องการมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในกรณีที่นายกรัฐมนตรีไม่อาจปฏิบัติราชการได้ โดยมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ตามลำดับดังนี้1.นายภูมิธรรม เวชยชัย2.นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ3.นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค4.นายพิชัย ชุณหวชิร5.นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ทั้งนี้ ในการรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ผู้รักษาราชการแทนของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี จะมีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับนายกรัฐมนตรี และมีอำนาจหน้าที่ในการเป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการ หรือองค์กรใด ส่วนในกรณีที่ผู้รักษาราชการแทนตาม 2-5 จะสั่งการใดอันเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลและการอนุมัติเงินงบฯ อันอยู่ในอำนาจของนายกรัฐมนตรี ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ กองอาลักษณ์ฯ เห็นว่า การเสนอ ครม. พิจารณาการมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีดังกล่าว เป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายและเป็นอำนาจของ ครม. ตามความในมาตรา 41 แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ดังนั้น จึงเห็นควรเสนอ ครม. ต่อไป […]

เจ้าอาวาสวัดม่วง ยันบริสุทธิ์ใจ ยินดีให้ตรวจสอบ

กรุงเทพฯ 3 ก.ค. – เจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ ลงพื้นที่วัดม่วง ตรวจสอบกรณีเงินสด 10 ล้าน และทองคำ 300 บาท หายไป เจ้าอาวาสวัด เผยบริสุทธิ์ใจ ยอมเสียเงินดีกว่าเสียชื่อเสียง ยืนยันแยกบัญชีส่วนตัวกับบัญชีวัด โดยบัญชีวัดจะมีคณะกรรมการและไวยาวัจกรดูแล ส่วนเงินที่หายไป เป็นเงินส่วนตัวที่จะนำไปใช้ทำบุญวันเกิด ช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จากสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ เดินเข้ามาภายในวัดม่วง ซอยเพชรเกษม 63 ถนนเพชรเกษม แขวงหลักสอง เขตบางแค กรุงเทพฯ โดยปฏิเสธให้ข้อมูล เบื้องต้นตอบเพียงว่าเดินทางมาตรวจสอบข้อมูลการเงินของวัด หลังปรากฏข่าวออกไป เจ้าอาวาสวัดม่วง บอกว่าเงินที่หายไปเป็นปัจจัยที่เบิกมา เพื่อเตรียมนำมาทำบุญวันเกิด โดยจะนำเงินส่วนนี้ไปแจกให้กับเด็กนักเรียน และนำไปนิมนต์พระมาทำบุญ รวมถึงจะนำบางส่วนไปใช้ในการก่อสร้างเจดีย์ โดยวันที่ไปเบิกเงินที่ธนาคารไปกับคนสนิท 2 คน และเบิกเงินจำนวน 10 ล้านบาท หลังจากนั้นเดินทางกลับ และนำปัจจัยใส่กระเป๋าวางไว้ใต้โต๊ะในกุฏิ เนื่องจากภายในเซฟมีการเก็บเงินของวัดไว้ จึงไม่ต้องการนำไปรวม ตนเองเองรู้ที่เก็บเงินเพียงคนเดียว ยืนยันมีการแยกบัญชีเงินส่วนตัวและเงินของวัด ในส่วนของวัดจะมีกรรมการและไวยาวัจกรดูแล แต่เงินของตัวเองซึ่งเก็บมากว่า 40 ปี มีอยู่ประมาณ […]