โฆษก ศบค.เผยตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ 38 ราย

ทำเนียบฯ 7 เม.ย.- โฆษก ศบค.เผยรัฐบาลน้อมนำกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาปฏิบัติ เผยตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ 38 ราย ระบุตัวเลขลดลงอย่างชัดเจน ตั้งแต่ประกาศเคอร์ฟิว และเป็นความร่วมมือของทุกคนและทุกหน่วยงาน พร้อมให้ความช่วยเหลือคนไทยที่ติดค้างสนามบินอย่างเต็มที่


นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 ว่า เพื่อความเป็นสิริมงคล ขอน้อมนำกระแสพระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ในการพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท กราบบังคมทูลรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พร้อมทั้งพระราชทานพระบรมราโชบาย อุปกรณ์ทางการแพทย์ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2563 ความว่า

“มีอะไรที่จะมีส่วนช่วยเหลือ ที่จะแก้ปัญหาก็ยินดี เพราะว่าก็เป็นปัญหาของชาติ ซึ่งเรื่องโรคระบาดนี่ก็ไม่ใช่ความผิดของใคร แล้วสิ่งที่เกิดขึ้น ก็คือเรามีหน้าที่ที่จะดูแลแก้ไขให้ดีที่สุด อย่างที่เคยพูดไว้ว่า ถ้าเกิดมีความเข้าใจในปัญหา มีความเข้าใจ ไม่ใช่หมายความว่ายอมรับตามบุญตามกรรม แต่มีความเข้าใจในสถานการณ์ มีความเข้าใจในปัญหา และก็มีความรู้เกี่ยวกับโรค ก็คือเข้าใจในปัญหานั่นเอง อันแรกก็เป็นอย่างนี้


อันที่สองก็คือจากข้อที่หนึ่ง ก็คือการมีการบริหารจัดการ มีแผนเผชิญเหตุ มีระบบในการปฏิบัติ แก้ไขให้ถูกจุด รู้ปัญหา แก้ไขให้ถูกจุดโดยมีการบริหารจัดการ แล้วก็ในเวลาเดียวกันก็ต้องให้ประชาชนได้เข้าใจถึงวิธีปฏิบัติที่ถูกต้อง และเหตุผลที่จะต้องปฏิบัติ เพราะว่าการมีระบบ หรือแผนในการปฏิบัติตามแผนที่ได้วางไว้ตามความเป็นจริง ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง แก้ถูกจุด ก็จะลดปัญหาลงไป จะแก้ได้ในที่สุด ก็เชื่อแน่ว่าจะต้องแก้ไขและก็เอาชนะอันนี้ได้ เพราะว่าประเทศของเรานี่ก็นับว่าทำได้ดี ประเทศของเรานี่น่าภูมิใจว่าทำได้ดี และก็ทุกคนก็ร่วมใจกัน ก็ดีกว่าที่อื่นอีกหลายที่ แต่บางทีก็ต้องเน้นเรื่องการทำงานมีระบบด้วยความเข้าใจ และการมีระเบียบวินัยในการแก้ไขปัญหา โดยมีเป้าหมายว่าเราจะต้องต่อสู้ให้โรคนี้สงบลงไปได้ในที่สุด เพราะว่าโรคมาได้ โรคก็ไปได้ โรคจะไม่ไปถ้าเราไม่แก้ไขปัญหา เราไม่แก้ไขให้ถูกจุด หรือเราไม่มีความขันติ อดทนที่จะแก้ไข บางทีก็ต้องสละในความสุขส่วนตัวบ้าง หรือเสียสละในการกล้าที่จะสร้างนิสัย หรือสร้างวินัยในตัวเอง ที่จะแก้ไขเพื่อตัวเอง เพื่อส่วนรวม อันนี้เราก็ขอเป็นกำลังใจให้”

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า วันนี้ (7 เม.ย.) ไทยมีรายงานผู้ป่วยใหม่ 38 ราย รวมผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 2,258 ราย รักษาหาย 824 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย รวม 27 รายโดยผู้เสียชีวิตล่าสุด เป็นชายไทย อายุ 54 ปี ไม่มีโรคประจำตัว เคยไปร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์หลายที่และไปสถานบันเทิงย่านทองหล่อ เริ่มป่วยเมื่อวันที่ 13 มีนาคมโดยมีอาการเหนื่อยและเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชน จากนั้น 14 มีนาคม มีอาการเหนื่อยมากขึ้น ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ จากนั้นตรวจพบติดเชื้อโควิด-19  และพบมีอาการปอดอักเสบอย่างรุนแรง เสียชีวิตด้วยอาการระบบทางเดินหายใจล้มเหลว เมื่อวันที่ 6 เมษายน

โฆษก ศบค. กล่าวว่า จากตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ 38 ราย พบว่า  อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครมากที่สุด และกลุ่มใหญ่ คือผู้สัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 17 ราย เป็นกลุ่มเสี่ยงที่ทำงานในสถานที่แออัด 7 ราย กลุ่มคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ และไปสถานที่ชุมชน 3 ราย และเป็นบุคลากรทางการแพทย์ 3 ราย 


นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า จำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงอย่างชัดเจน ตั้งแต่มีการประกาศเคอร์ฟิววันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา ตั้งแต่เวลา 22.00 น.- 04.00 น. ซึ่งถือเป็นแนวโน้มที่ดีที่ทุกคนอยู่บ้านทำให้การแพร่กระจายเชื้อนั้นลดลง แต่ทั้งนี้ก็ยังต้องลดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ โดยเฉพาะให้ทุกคนในบ้านรักษาระยะห่างระหว่างกัน 1-2 เมตร  

สำหรับมาตรการเคอร์ฟิวส่วนใหญ่ประชาชนให้ความร่วมมือดี แต่ยังมีผู้ฝ่าฝืนอยู่ โดยพบว่าในวันที่ 7 เมษายน มีประชาชนออกนอกเคหสถาน 1,217 ราย รวมกลุ่มชุมนุมและมั่วสุมจำนวน 76 ราย รวมทั้งสิ้น 1,293 ราย ซึ่งต้องขอร้องประชาชนว่ามาตรการต่าง ๆ จะมีความเข้มข้นขึ้นหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับตัวเลขดังกล่าว ซึ่งหากตัวเลขไม่เพิ่มขึ้น ก็จะไม่มีมาตรการอะไรเพิ่มเติม

ส่วนมาตรการดูแลคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ หลังมีประกาศขยายเวลาห้ามบินเข้าไทยไปจนถึงวันที่ 18 เม.ย. นั้น โฆษก ศบค. กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศ จะเร่งช่วยเหลือคนไทยที่ติดค้างอยู่ที่สนามบิน ซึ่งเท่าที่มีการรายงานว่า พบมีคนไทยติดค้างสนามบินที่ญี่ปุ่น 15 คน เกาหลีใต้ 60 คน เนเธอร์แลนด์  1 คน สหราชอาณาจักร 1 คน กาต้าร์ 14 คน ซึ่งแนวทางการช่วยเหลือนั้น ในวันที่ 7 เมษายน เวลา 20.30 น. จะมีเครื่องบินจากฝรั่งเศส มารับคนฝรั่งเศส ที่จ.ภูเก็ต ซึ่งจะมีคนไทย 14 คน ได้รับการประสานงานเดินทางมาพร้อมเที่ยวบินดังกล่าว  กลุ่มที่ 2 วันที่ 7 เมษายน เวลา 21.45 น.คนไทยที่ตกค้าง 60 คนจะเดินทางกลับจากสหรัฐอเมริกา ลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ  และวันที่ 8 เมษายน เวลา 15.30 น.จะมีคนไทยตกค้างเดินทางกลับมาจากญี่ปุ่น จำนวน 22 คนที่สนามบินสุวรรณภูมิ ยืนยันว่ากระทรวงการต่างประเทศจะดูแลเป็นอย่างดี 

เมื่อถามว่าสาเหตุที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อน้อยลงเป็นเพราะการตรวจลดลงหรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ตัวเลขสะสมการตรวจเชื้อโควิด-19 มีถึง 71,860 ราย และความสามารถในการตรวจหาเชื้อที่กรุงเทพ -ปริมณฑล สามารถตรวจได้ได้วันละ 1 หมื่นรายและต่างจังหวัดอีก 1 หมื่นราย รวมเป็น 2 หมื่นรายต่อวัน  ซึ่งการตรวจไม่ได้ใช้เพียงน้ำยาในการตรวจแต่ต้องใช้บุคลากรและอุปกรณ์สำหรับการป้องกันของทีมแพทย์พยาบาลด้วย ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องเตรียมให้มีความพร้อมในโอกาสต่อไป ทั้งชุด PPE และเครื่องช่วยหายใจ รวมถึงเตียงรับรองผู้ติดเชื้อด้วย 

“หลังจากนี้จะพยายามเพิ่มประสิทธิภาพให้เพิ่มขึ้นอีกในอนาคตตั้งเป้าวันละ 1 แสนราย รวมถึงเตรียมความพร้อมด้านอุปกรณ์ บุคลากร และเตียงผู้ป่วย ให้เพียงพอที่จะรองรับผู้ป่วยติดเชื้อ” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

ส่วนตัวเลขผู้ติดเชื้อ 38 รายที่ดีขึ้น นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่า เนื่องจากเป็นความร่วมมือของทุกภาคส่วน ไม่ใช่แค่จากมาตรการใดมาตรการหนึ่ง แต่มาจากการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และการเคอร์ฟิว จำกัดช่วงเวลาในการพบเจอกัน การควบคุมภายในประเทศและการให้ความร่วมมือของประชาชนเป็นอย่างดี คนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงมีสถานที่รองรับชัดเจน แต่อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่าเราจะไม่หยุดดำเนินการเพียงเท่านี้ เพราะเมื่อดำเนินการมาดีแล้วก็จะตรึงให้สถานการณ์ดีขึ้นต่อ ๆ ไป ซึ่งต้องได้รับความร่วมมือจากทุกคน

เมื่อถามถึงความกังวลในการกักตัวที่สัตหีบ สามารถแยกห้องได้หรือไม่ เนื่องจากมีการจัดให้พักห้องละ 3 คน นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า การดำเนินการเป็นไปด้วยความเหมาะสม เพราะต้องคำนึงในหลาย ๆ ด้าน ขอให้มีความอดทนเรื่องความสะดวกสบายสักระยะหนึ่ง เพราะเจ้าหน้าที่พยายามที่จะดูแลทุกคนทั้งที่พัก ที่นอน อาหารการกิน และสุขลักษณะอย่างดีที่สุด ซึ่งขอให้ยอมรับในข้อจำกัดนี้ด้วยเพราะถือว่าเราเป็นประเทศที่ดูแลพลเมืองได้ดีประเทศหนึ่ง

“ยอมรับว่า ขณะนี้มีผู้ต้องการเข้าไปอยู่ภายในศูนย์เป็นจำนวนมาก ทำให้สถานที่ไม่พอที่จะจัดให้พัก ห้องละ 1 คนได้ และขณะนี้ห้องพักภายในศูนย์สัตหีบเต็มแล้ว จึงขอให้ทุกคนอดทน ขณะนี้มีคนไทยเดินทางกลับเข้าประมาณ  วันละ 100-200 คน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังหาพื้นที่รองรับคนไทยเหล่านั้นด้วยเช่นกัน” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

เมื่อถามว่ากรณีที่มีคนไทย ในประเทศอินโดนีเซีย กว่า 20 คน ไม่สามารถเดินทางออกกลับพร้อมกับเที่ยวบินเมื่อวานนี้ (6 เม.ย.)ได้ โฆษก สบค. กล่าวว่า เนื่องจากมีบุคคลที่ตรวจร่างกายไม่ผ่าน เพราะมีอาการป่วย ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของผู้ร่วมเดินทาง รวมถึงศูนย์ประกันตัวภายในประเทศจึงไม่สามารถนำตัวออกจากประเทศต้นทางได้ ต้องรักษาตัวให้หายก่อนจึงจะสามารถนำตัวกลับได้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนเหนือ-อีสานตอนบน ฝนตกหนักบางพื้นที่

กรุงเทพฯ 27 ส.ค. – กรมอุตุฯ เตือนประชาชนโดยเฉพาะบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ ตาก สุโขทัย อุตรดิตถ์ ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนภาคกลาง รวมทั้ง กทม.-ปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ส่วนภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ ตาก สุโขทัย อุตรดิตถ์ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณภาคเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมกำลังค่อนข้างแรงบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบน […]

“มาริษ” เผยสวีเดนกังวลสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ยกหารือเวที UN พรุ่งนี้

สวีเดน 26 ส.ค.-“มาริษ” เผยสวีเดนกังวลสถานการณ์ไทย-กัมพูชา หลังกัมพูชาใช้โล่มนุษย์ยั่วยุในพื้นที่ต่อเนื่อง เตรียมยกเรื่องนี้หารือเวที UN ที่เจนีวา พรุ่งนี้ ยันยังไม่ส่งทูตกลับ จนกว่าเขมรแสดงให้เห็นว่าจริงใจ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวภายหลังการหารือทวิภาคีกับนางมารีอา มัลเมอร์ สเตเนอร์การ์ด (Maria Malmer Stenergard) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสวีเดน ถึงสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนไทย – กัมพูชา บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ที่มีการยั่วยุโดยใช้พลเรือนเป็นเครื่องมืออย่างต่อเนื่อง ว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นที่หน่วยงานในพื้นที่ต้องช่วยกันระมัดระวังไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน เพราะเมื่อมีพลเรือนเข้ามาเกี่ยวข้อง ในการทำงานของทางทหารก็จะยากลำบาก อาจจะนำไปสู่การสร้างความตึงเครียดมากยิ่งขึ้น ดังนั้นหน่วยงานที่เป็นพลเรือนในพื้นที่ก็จำเป็นจะต้องเข้ามาดูแลและแก้ไขสถานการณ์ตรงนี้ นายมาริษ กล่าวว่า ในการพบหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสวีเดน ตนได้อธิบายให้เข้าใจว่า เรื่องนี้เป็นสิ่งที่กัมพูชาพยายามใช้ ซึ่งขัดต่อความตกลงในกฎบัตรสหประชาชาติเป็นอย่างมาก เหมือนกับใช้ประชาชนและพลเรือนเป็นโล่มนุษย์ เพื่อที่จะทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีก ถือเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง ซึ่งประเทศสวีเดนก็เข้าใจ และพรุ่งนี้ (27 ส.ค.) ตนจะมีโอกาสได้ชี้แจงกับที่ประชุม UN ที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ตนจะยกประเด็นนี้ขึ้นแสดงความห่วงกังวลว่า การใช้วิธีเอาพลเรือนมาเป็นตัวกดดัน หรือมาสร้างความตึงเครียด หรือขยายความตึงเครียดบริเวณชายแดนมากยิ่งขึ้น เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ […]

พายุคาจิกิเริ่มแผลงฤทธิ์ถล่มหลายจังหวัดภาคเหนือ น่านยกระดับรับมือ

26 ส.ค. – พายุคาจิกิเริ่มแผลงฤทธิ์แล้ว หลายจังหวัดทางภาคเหนือมีฝนตกกระหน่ำลงมาอย่างหนัก จนมีน้ำท่วมหลายพื้นที่ และต้องจับตาไปที่จังหวัดน่าน ซึ่งพายุคาจิกิเคลื่อนตัวเข้าสู่พื้นที่และเริ่มส่งผลกระทบตั้งแต่ช่วงค่ำวันนี้ ทำให้จังหวัดน่านยกรระดับมาตรการป้องกันและเตรียมรับมือกับน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม.-สำนักข่าวไทย

Gripen ที่จัดซื้อใหม่ประสิทธิภาพดีกว่าลำเดิมที่มีอยู่

สวีเดน 26 ส.ค. – แม้รัฐบาลไทยและสวีเดนได้ลงนามความร่วมมือซื้อเครื่องบินขับไล่โจมตีกริพเพน E และ F ไปแล้ว แต่กว่าจะได้รับเครื่อง จะต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 4 ปี ระหว่างนี้จะมีการวางกรอบพัฒนาร่วมกัน แน่นอนว่ารุ่นใหม่สเปกใหม่ดีกว่ารุ่นเก่าที่เรามี แตกต่างอย่างไร ติดตามจากรายงาน.-สำนักข่าวไทย