โฆษก ศบค.เผยตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ 38 ราย

ทำเนียบฯ 7 เม.ย.- โฆษก ศบค.เผยรัฐบาลน้อมนำกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาปฏิบัติ เผยตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ 38 ราย ระบุตัวเลขลดลงอย่างชัดเจน ตั้งแต่ประกาศเคอร์ฟิว และเป็นความร่วมมือของทุกคนและทุกหน่วยงาน พร้อมให้ความช่วยเหลือคนไทยที่ติดค้างสนามบินอย่างเต็มที่


นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 ว่า เพื่อความเป็นสิริมงคล ขอน้อมนำกระแสพระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ในการพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท กราบบังคมทูลรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พร้อมทั้งพระราชทานพระบรมราโชบาย อุปกรณ์ทางการแพทย์ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2563 ความว่า

“มีอะไรที่จะมีส่วนช่วยเหลือ ที่จะแก้ปัญหาก็ยินดี เพราะว่าก็เป็นปัญหาของชาติ ซึ่งเรื่องโรคระบาดนี่ก็ไม่ใช่ความผิดของใคร แล้วสิ่งที่เกิดขึ้น ก็คือเรามีหน้าที่ที่จะดูแลแก้ไขให้ดีที่สุด อย่างที่เคยพูดไว้ว่า ถ้าเกิดมีความเข้าใจในปัญหา มีความเข้าใจ ไม่ใช่หมายความว่ายอมรับตามบุญตามกรรม แต่มีความเข้าใจในสถานการณ์ มีความเข้าใจในปัญหา และก็มีความรู้เกี่ยวกับโรค ก็คือเข้าใจในปัญหานั่นเอง อันแรกก็เป็นอย่างนี้


อันที่สองก็คือจากข้อที่หนึ่ง ก็คือการมีการบริหารจัดการ มีแผนเผชิญเหตุ มีระบบในการปฏิบัติ แก้ไขให้ถูกจุด รู้ปัญหา แก้ไขให้ถูกจุดโดยมีการบริหารจัดการ แล้วก็ในเวลาเดียวกันก็ต้องให้ประชาชนได้เข้าใจถึงวิธีปฏิบัติที่ถูกต้อง และเหตุผลที่จะต้องปฏิบัติ เพราะว่าการมีระบบ หรือแผนในการปฏิบัติตามแผนที่ได้วางไว้ตามความเป็นจริง ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง แก้ถูกจุด ก็จะลดปัญหาลงไป จะแก้ได้ในที่สุด ก็เชื่อแน่ว่าจะต้องแก้ไขและก็เอาชนะอันนี้ได้ เพราะว่าประเทศของเรานี่ก็นับว่าทำได้ดี ประเทศของเรานี่น่าภูมิใจว่าทำได้ดี และก็ทุกคนก็ร่วมใจกัน ก็ดีกว่าที่อื่นอีกหลายที่ แต่บางทีก็ต้องเน้นเรื่องการทำงานมีระบบด้วยความเข้าใจ และการมีระเบียบวินัยในการแก้ไขปัญหา โดยมีเป้าหมายว่าเราจะต้องต่อสู้ให้โรคนี้สงบลงไปได้ในที่สุด เพราะว่าโรคมาได้ โรคก็ไปได้ โรคจะไม่ไปถ้าเราไม่แก้ไขปัญหา เราไม่แก้ไขให้ถูกจุด หรือเราไม่มีความขันติ อดทนที่จะแก้ไข บางทีก็ต้องสละในความสุขส่วนตัวบ้าง หรือเสียสละในการกล้าที่จะสร้างนิสัย หรือสร้างวินัยในตัวเอง ที่จะแก้ไขเพื่อตัวเอง เพื่อส่วนรวม อันนี้เราก็ขอเป็นกำลังใจให้”

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า วันนี้ (7 เม.ย.) ไทยมีรายงานผู้ป่วยใหม่ 38 ราย รวมผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 2,258 ราย รักษาหาย 824 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย รวม 27 รายโดยผู้เสียชีวิตล่าสุด เป็นชายไทย อายุ 54 ปี ไม่มีโรคประจำตัว เคยไปร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์หลายที่และไปสถานบันเทิงย่านทองหล่อ เริ่มป่วยเมื่อวันที่ 13 มีนาคมโดยมีอาการเหนื่อยและเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชน จากนั้น 14 มีนาคม มีอาการเหนื่อยมากขึ้น ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ จากนั้นตรวจพบติดเชื้อโควิด-19  และพบมีอาการปอดอักเสบอย่างรุนแรง เสียชีวิตด้วยอาการระบบทางเดินหายใจล้มเหลว เมื่อวันที่ 6 เมษายน

โฆษก ศบค. กล่าวว่า จากตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ 38 ราย พบว่า  อยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครมากที่สุด และกลุ่มใหญ่ คือผู้สัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 17 ราย เป็นกลุ่มเสี่ยงที่ทำงานในสถานที่แออัด 7 ราย กลุ่มคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ และไปสถานที่ชุมชน 3 ราย และเป็นบุคลากรทางการแพทย์ 3 ราย 


นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า จำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงอย่างชัดเจน ตั้งแต่มีการประกาศเคอร์ฟิววันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา ตั้งแต่เวลา 22.00 น.- 04.00 น. ซึ่งถือเป็นแนวโน้มที่ดีที่ทุกคนอยู่บ้านทำให้การแพร่กระจายเชื้อนั้นลดลง แต่ทั้งนี้ก็ยังต้องลดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ โดยเฉพาะให้ทุกคนในบ้านรักษาระยะห่างระหว่างกัน 1-2 เมตร  

สำหรับมาตรการเคอร์ฟิวส่วนใหญ่ประชาชนให้ความร่วมมือดี แต่ยังมีผู้ฝ่าฝืนอยู่ โดยพบว่าในวันที่ 7 เมษายน มีประชาชนออกนอกเคหสถาน 1,217 ราย รวมกลุ่มชุมนุมและมั่วสุมจำนวน 76 ราย รวมทั้งสิ้น 1,293 ราย ซึ่งต้องขอร้องประชาชนว่ามาตรการต่าง ๆ จะมีความเข้มข้นขึ้นหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับตัวเลขดังกล่าว ซึ่งหากตัวเลขไม่เพิ่มขึ้น ก็จะไม่มีมาตรการอะไรเพิ่มเติม

ส่วนมาตรการดูแลคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ หลังมีประกาศขยายเวลาห้ามบินเข้าไทยไปจนถึงวันที่ 18 เม.ย. นั้น โฆษก ศบค. กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศ จะเร่งช่วยเหลือคนไทยที่ติดค้างอยู่ที่สนามบิน ซึ่งเท่าที่มีการรายงานว่า พบมีคนไทยติดค้างสนามบินที่ญี่ปุ่น 15 คน เกาหลีใต้ 60 คน เนเธอร์แลนด์  1 คน สหราชอาณาจักร 1 คน กาต้าร์ 14 คน ซึ่งแนวทางการช่วยเหลือนั้น ในวันที่ 7 เมษายน เวลา 20.30 น. จะมีเครื่องบินจากฝรั่งเศส มารับคนฝรั่งเศส ที่จ.ภูเก็ต ซึ่งจะมีคนไทย 14 คน ได้รับการประสานงานเดินทางมาพร้อมเที่ยวบินดังกล่าว  กลุ่มที่ 2 วันที่ 7 เมษายน เวลา 21.45 น.คนไทยที่ตกค้าง 60 คนจะเดินทางกลับจากสหรัฐอเมริกา ลงที่สนามบินสุวรรณภูมิ  และวันที่ 8 เมษายน เวลา 15.30 น.จะมีคนไทยตกค้างเดินทางกลับมาจากญี่ปุ่น จำนวน 22 คนที่สนามบินสุวรรณภูมิ ยืนยันว่ากระทรวงการต่างประเทศจะดูแลเป็นอย่างดี 

เมื่อถามว่าสาเหตุที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อน้อยลงเป็นเพราะการตรวจลดลงหรือไม่ นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ตัวเลขสะสมการตรวจเชื้อโควิด-19 มีถึง 71,860 ราย และความสามารถในการตรวจหาเชื้อที่กรุงเทพ -ปริมณฑล สามารถตรวจได้ได้วันละ 1 หมื่นรายและต่างจังหวัดอีก 1 หมื่นราย รวมเป็น 2 หมื่นรายต่อวัน  ซึ่งการตรวจไม่ได้ใช้เพียงน้ำยาในการตรวจแต่ต้องใช้บุคลากรและอุปกรณ์สำหรับการป้องกันของทีมแพทย์พยาบาลด้วย ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องเตรียมให้มีความพร้อมในโอกาสต่อไป ทั้งชุด PPE และเครื่องช่วยหายใจ รวมถึงเตียงรับรองผู้ติดเชื้อด้วย 

“หลังจากนี้จะพยายามเพิ่มประสิทธิภาพให้เพิ่มขึ้นอีกในอนาคตตั้งเป้าวันละ 1 แสนราย รวมถึงเตรียมความพร้อมด้านอุปกรณ์ บุคลากร และเตียงผู้ป่วย ให้เพียงพอที่จะรองรับผู้ป่วยติดเชื้อ” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

ส่วนตัวเลขผู้ติดเชื้อ 38 รายที่ดีขึ้น นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่า เนื่องจากเป็นความร่วมมือของทุกภาคส่วน ไม่ใช่แค่จากมาตรการใดมาตรการหนึ่ง แต่มาจากการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และการเคอร์ฟิว จำกัดช่วงเวลาในการพบเจอกัน การควบคุมภายในประเทศและการให้ความร่วมมือของประชาชนเป็นอย่างดี คนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงมีสถานที่รองรับชัดเจน แต่อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่าเราจะไม่หยุดดำเนินการเพียงเท่านี้ เพราะเมื่อดำเนินการมาดีแล้วก็จะตรึงให้สถานการณ์ดีขึ้นต่อ ๆ ไป ซึ่งต้องได้รับความร่วมมือจากทุกคน

เมื่อถามถึงความกังวลในการกักตัวที่สัตหีบ สามารถแยกห้องได้หรือไม่ เนื่องจากมีการจัดให้พักห้องละ 3 คน นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า การดำเนินการเป็นไปด้วยความเหมาะสม เพราะต้องคำนึงในหลาย ๆ ด้าน ขอให้มีความอดทนเรื่องความสะดวกสบายสักระยะหนึ่ง เพราะเจ้าหน้าที่พยายามที่จะดูแลทุกคนทั้งที่พัก ที่นอน อาหารการกิน และสุขลักษณะอย่างดีที่สุด ซึ่งขอให้ยอมรับในข้อจำกัดนี้ด้วยเพราะถือว่าเราเป็นประเทศที่ดูแลพลเมืองได้ดีประเทศหนึ่ง

“ยอมรับว่า ขณะนี้มีผู้ต้องการเข้าไปอยู่ภายในศูนย์เป็นจำนวนมาก ทำให้สถานที่ไม่พอที่จะจัดให้พัก ห้องละ 1 คนได้ และขณะนี้ห้องพักภายในศูนย์สัตหีบเต็มแล้ว จึงขอให้ทุกคนอดทน ขณะนี้มีคนไทยเดินทางกลับเข้าประมาณ  วันละ 100-200 คน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังหาพื้นที่รองรับคนไทยเหล่านั้นด้วยเช่นกัน” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

เมื่อถามว่ากรณีที่มีคนไทย ในประเทศอินโดนีเซีย กว่า 20 คน ไม่สามารถเดินทางออกกลับพร้อมกับเที่ยวบินเมื่อวานนี้ (6 เม.ย.)ได้ โฆษก สบค. กล่าวว่า เนื่องจากมีบุคคลที่ตรวจร่างกายไม่ผ่าน เพราะมีอาการป่วย ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยของผู้ร่วมเดินทาง รวมถึงศูนย์ประกันตัวภายในประเทศจึงไม่สามารถนำตัวออกจากประเทศต้นทางได้ ต้องรักษาตัวให้หายก่อนจึงจะสามารถนำตัวกลับได้.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มือมีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” ขอโทษ อ้างป้องกันตัว

กรุงเทพฯ 3 ส.ค. – มือมีดทำร้าย “เป๊ก ผลิตโชค” ยืนยันไม่ได้ตั้งใจเอามีดฟัน อ้างไม่ใช่คู่กรณี แต่เห็นคนทะเลาะกัน เลยเข้าไปห้าม แต่ “เป๊ก” ปรี่เข้าหา จึงชักมีดพกขึ้นมาป้องกันตัว อยากขอโทษ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วง 01.30 น. พนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก รับแจ้งเหตุมีคนถูกมีดฟันบาดเจ็บในปั๊มน้ำมันซอยรามคำแหง 76 เขตบางกะปิ เมื่อเข้าไปตรวจสอบพร้อมกับสายตรวจและอาสากู้ภัย พบคนเจ็บคือ เป๊ก-ผลิตโชค อายนบุตร อายุ 40 ปี ดารานักร้องชื่อดัง ถูกมีดฟันใต้คางเป็นแผลฉกรรจ์ ทำให้ต้องเร่งปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนพาตัวส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้ก่อเหตุคือ นายชุติเทพ อายุ 21 ปี ไม่ได้หนีไปไหน ยืนรอมอบตัวกับตำรวจ พร้อมอาวุธมีดยาว 20 เซนติเมตร ที่ใช้ฟันเป๊ก ผลิตโชค ตำรวจจึงคุมตัวไปสอบปากคำที่โรงพัก เบื้องต้นนายชุติเทพ ให้การอ้างขับรถไปรับแฟนออกจากที่ทำงานเพื่อกลับบ้าน แต่ขณะแวะปั๊มน้ำมันจุดเกิดเหตุ เห็นมีคนกำลังทะเลาะกัน คล้ายมีอาการมึนเมา อยู่ท้ายรถกระบะ ตนเองจึงเข้าไปช่วยเคลียร์ […]

ทบ.แจงไม่มีคำสั่งอพยพชาวสุรินทร์ ปัดข่าวลือเตรียมโจมตีกัมพูชา

กองทัพบก 3 ส.ค. – โฆษกกองทัพบก แจงไม่มีคำสั่งอพยพชาวสุรินทร์ ปัดข่าวลือเตรียมโจมตีกัมพูชา กองทัพบก ออกมาปฏิเสธข่าวลือที่แพร่สะพัดบนโซเชียลมีเดีย หลังมีการอ้างว่า “สมเด็จฮุนเซน” อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา แชร์โพสต์ของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ระบุว่า กองทัพบกไทยสั่งอพยพชาวจังหวัดสุรินทร์ภายในคืนนี้ เพื่อเตรียมเปิดฉากโจมตีกัมพูชา ก่อนการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ยืนยันว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง ปัจจุบันในพื้นที่ไม่ได้มีการสั่งอพยพด่วนชาวสุรินทร์อย่างที่ระบุไว้ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด ที่ผ่านมา การนำเสนอข้อมูลของโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ไม่มีความน่าเชื่อถือเพียงพอ ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากแหล่งข่าวทางการ และไม่หลงเชื่อหรือแชร์ข้อมูลเท็จที่อาจสร้างความตื่นตระหนกในสังคม ทั้งนี้ กองทัพบกยังคงเคารพข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด แต่ก็ได้เตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดคิดจากการกระทำของฝ่ายกัมพูชาที่มีแนวโน้มละเมิดข้อตกลงหยุดยิงบ่อยครั้ง รวมถึงพบว่ามีการเพิ่มเติมกำลังพลและยุทโธปกรณ์เข้ามาในพื้นที่. – สำนักข่าวไทย

พระราชทานเพลิงศพ 7 ผู้วายชนม์ เหตุปะทะไทย-กัมพูชา

3 ส.ค. – พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานเพลิงศพผู้วายชนม์ 7 ราย จากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา วันนี้ ครอบครัวและญาติทำพิธีฌาปนกิจผู้เสียชีวิต 7 ราย จากเหตุกัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ท่ามกลางบรรยากาศโศกเศร้า เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานพิธี เชิญกล่องเพลิงพระราชทาน ผ้าไตรพระราชทาน และช่อดอกไม้จันทน์พระราชทาน มายังศาลาพุทธคุณ วัดมหาพุทธาราม พระอารามหลวง ต.เมืองเหนือ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ เพื่อประกอบพิธีพระราชทานเพลิงศพผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จากนั้นมีการอ่านหมายรับสั่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานเพลิงศพผู้วายชนม์ 7 ราย ได้แก่ นางสาวรุ่งรัศ, เด็กหญิงทักษพร, เด็กชายพงศภัค, เด็กชายกิตติศักดิ์, นางสาวสาวิตรี, นางอรุณรัตน์ และนายสมศรี โดยมี 5 ราย เสียชีวิตจากเหตุกัมพูชายิงจรวด BM-21 ใส่ร้านสะดวกซื้อ ภายในปั๊มน้ำมัน อ.กันทรลักษ์ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ส่วนอีก […]

คนร้ายยิง M16 ถล่มกำนัน ต.นาวง ดับคากระบะ

ตรัง 3 ส.ค. – ตำรวจ สภ.ห้วยยอด พร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ตรวจสอบรถกระบะกำนัน ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง หลังถูกคนร้ายใช้อาวุธปืน M16 ยิงถล่ม เสียชีวิตหน้าบ้านพัก เบื้องต้นตำรวจตั้งปมขัดแย้งส่วนตัว มุ่งเอาชีวิตเป็นหลัก คืบหน้าเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืน M16 ยิงถล่มรถกระบะนายบัณฑิต กำนันตำบลนาวง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เสียชีวิตหน้าบ้านพักเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ล่าสุด ตำรวจ สภ.ห้วยยอด ประสานพิสูจน์หลักฐาน พร้อมชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดศรีตรัง เข้าตรวจสอบรถกระบะของผู้เสียชีวิต พบถูกกระสุนปืน M16 ยิงใส่รถรวม 15 นัด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตั้งประเด็นขัดแย้งส่วนตัว มุ่งเอาชีวิตเป็นหลัก เนื่องจากสภาพศพกระสุนปืนเข้าที่อวัยวะสำคัญ ทั้งศีรษะและลำตัวฝั่งขวาหลายนัด แต่ยังไม่ตัดประเด็นอื่นๆ ที่อาจเกี่ยวข้องทิ้ง ทั้ง รื่องพิพาทผลประโยชน์สวนปาล์มน้ำมันในพื้นที่วังวิเศษ หรือความเชื่อมโยงกับคดีลอบสังหาร “ทนายเหว่า” ซึ่งอยู่ระหว่างสืบสวนเชิงลึก และอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐาน เพื่อออกหมายจับ ผู้เกี่ยวข้องต่อไป.-สำนักข่าวไทย