เลย 5 เม.ย.- แรงงานชาว สปป.ลาว ตกค้าง จ.เลย เกือบ 100 คน วอนทางการ สปป.ลาว เปิดด่านอยากกลับภูมิลำเนา ด้านอำเภอท่าลี่บูรณาการช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม ย้ำทุกคนต้องเข้าระบบคัดกรองเฝ้าระวังอาการ 14 วัน ป้องกันโควิด-19
นายกฤติชฎา บุญล้อมรัตน์ รักษาราชการนายอำเภอท่าลี่ จ.เลย พร้อมเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลท่าลี่ ให้การช่วยเหลือตามหลักสิทธิมนุษยชนกับแรงงาน สปป.ลาว 78 ราย เข้ามาพักบริเวณของวัดลาดปู่ทรงธรรม หรือวัดพระธาตุสัจจะ ต.ท่าลี่ โดยจัดระบบการเข้าพักตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขในการป้องกันโควิด-19 ซึ่งแรงงานทั้งหมดจะแยกเข้าพักที่อาคารศูนย์โอท็อป หน้าวัด และศาลาวัด ทางอำเภอได้บูรณาการทุกภาคส่วนจัดหาอาหาร น้ำ ทั้ง 3 มื้อ รวมถึงเครื่องใช้ที่จำเป็น และมีเจ้าหน้าที่ดูแลตลอด 24 ชม. เนื่องจากแรงงานเหล่านี้ทำงานอยู่ใน กทม.และอีกหลายจังหวัด แต่ไม่สามารถเดินทางกลับประเทศได้ทัน
นายกฤติชฎา กล่าวว่า แรงงาน สปป.ลาว ต้องกักตัวควบคุมโรคตามกระบวนการของสาธารณสุขเป็นเวลา 14 วัน โดยมีใบกักตัวตามคำสั่งของคณะกรรมการพนักงานควบคุมโรค เมื่อครบกำหนดแล้วต้องดูว่า สปป.ลาว มีนโยบายเปิดประเทศหรือไม่ ถ้าเปิดก็สามารถข้ามไปได้ ถ้ายังไม่เปิดหรือมีนายจ้างมารับไปทำงาน แรงงานเหล่านี้ก็กลับไปทำงานได้ แต่ถ้ายังไม่มีหรือมีวัตถุประสงค์กลับประเทศ ฝ่ายไทยก็จะให้การช่วยเหลือดูแลไปจนกว่ารัฐบาลของแรงงานเหล่านี้จะเปิดด่าน โดยอำเภอท่าลี่ได้รับความอนุเคราะห์จากเจ้าอาวาสวัดลาดปู่ทรงธรรมให้ใช้พื้นที่กักตัวไว้ก่อน 14 วัน ซึ่งปัจจุบันมีแรงงานลาวพักอยู่ในศาลาวัด 49 ราย และบริเวณหน้าวัดเป็นศูนย์โอท็อปอีก 29 ราย รวมเป็น 78 ราย
ด้านแรงงานหญิง สปป.ลาว หนึ่งในผู้ตกค้าง กล่าวว่า เป็นชาวบ้านสีบุญเรือง แขวงไซยะบุรี เดินทางมากับเพื่อน 7 คน ไปทำงานที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จะเดินทางกลับภูมิลำเนาแขวงไซยะบุรี ช่วงที่เดินทางมีข่าวว่า สปป.ลาว จะปิดด่านวันที่ 4 เมษายน ตนจึงเดินทางมาวันที่ 3 เม.ย. ทราบว่าด่านปิดแล้วข้ามไปไม่ได้ จะกลับไปทำงานที่พระนครศรีอยุธยาก็ไม่ได้ เพราะปิดทำการชั่วคราว จึงต้องรอจนกว่าด่านจะเปิด และได้รับการช่วยเหลือดูแลจากหน่วยงานของไทยเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม อยากให้รัฐบาล สปป.ลาว ผ่อนปรนให้ประชาชนได้กลับบ้านเร็ว ๆ ในเวลานี้.-สำนักข่าวไทย