นนทบุรี 5 เม.ย.-สธ.เตรียมประชุมปรับแนวทางรักษาผู้ป่วยโควิด-19 พรุ่งนี้ แจงประเด็นญี่ปุ่นบริจาคยา เฉพาะการศึกษาวิจัย
นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า แนวทางการดูแล-รักษา ประชาชนที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 การรักษาผู้ติดเชื้อไวรัสในไทยนั้นมีการพยายามปรับเปลี่ยนวิธีการรักษาไปตามผลการศึกษาวิจัยจากทั่วโลก ซึ่งในรอบเดือนมีนาคมที่ผ่านมาได้เปลี่ยนแนวทางไปแล้ว 2 ครั้ง โดยพรุ่งนี้จะมีการประชุมกับผู้เชี่ยวชาญอีกครั้งเพื่อดูว่าแนวทางการรักษาและผลการรักษาในประเทศจะมีการปรับเปลี่ยนอย่างไร แนวโน้มคาดว่าจะปรับเพิ่มในเคสระดับกลางและรุนแรง สำหรับอาการของผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสของไทย ส่วนใหญ่จะเป็นอาการที่ไม่ค่อยรุนแรง คือ ร้อยละ 20 ไม่ค่อยแสดงอาการ , ร้อยละ 60 อาการไม่รุนแรง ซึ่งมีอาการเหมือนไข้หวัดปกติ , ร้อยละ 10 ปอดอักเสบไม่รุนแรง , ร้อยละ 3 ปอดอักเสบรุนแรง
อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ผู้ป่วยทั้ง 4 กลุ่ม แบ่งเป็น กลุ่มไม่ค่อยแสดงอาการ จะนำส่งรักษาในโรงพยาบาลเพื่อสังเกตอาการอย่างน้อย 7 วัน หากอาการดีขึ้น เอ็กซเรย์ปอดเป็นปกติ แพทย์จะส่งตัวไปพักต่อที่โรงแรมสนาม เพื่อประหยัดเตียงของโรงพยาบาล ซึ่งโรงพยาบาลสนามในกรุงเทพฯมี 3 แห่ง คือโรงแรมสังกัดกรมการแพทย์ดูแลอยู่เขตดินแดง มี 270 ห้อง , หอพักมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต 380 ห้อง และ โรงแรมย่านจุฬาฯมีประมาณ 40 ห้อง กลุ่มอาการไม่รุนแรง แพทย์จะมีการให้ยาต้านไวรัส ไม่ใช่ฟาวิพิราเวียร์ ระยะเวลาการรักษาที่โรงพยาบาล แล้วแต่อาการของแต่ละคน หากอาการดีขึ้นจะย้ายไปพักรักษาที่โรงพยาบาลสนาม 14 วัน หรืออาการดีขึ้นหายขาด หลังจากนั้นถึงจะให้กลับไปดูแลตัวเองที่บ้านให้ครบ 1 เดือน กลุ่มปอดอักเสบไม่รุนแรง แพทย์จะพิจารณาให้ยาต้านไวรัส แต่ยังไม่ให้ยาต้านไวรัสชนิดฟาวิพิราเวียร์ แต่หากอาการเริ่มไม่ดีขึ้นเข้าขั้นวิกฤติถึงจะพิจารณา ให้ยาต้านไวรัสชนิดฟาวิพิราเวียร์ ซึ่งผู้ป่วยกลุ่มนี้จะพักรักษาในโรงพยาบาลและจะไม่มีการย้ายไปรักษาที่โรงพยาบบาลสนาม และสุดท้ายกลุ่มอาการรุนแรงแพทย์จะพิจารณาให้ยาทุกตัว ตามอาการที่เกิดขึ้น และให้รักษาในโรงพยาบาลจนหายขาด จะไม่มีการย้ายไปรักษาที่โรงพยาบาลสนาม
ด้าน นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการ อย. เปิดเผยถึงการใช้ยาต้านไวรัสชนิดฟาวิพิราเวียร์บางวันใช้เยอะมากถึง 2,000 เม็ด โดยปัจจุบันการใช้ยาชนิดนี้ใน 5-10 วัน จะใช้ยา 70 เม็ดต่อผู้ป่วย 1 คน ดังนั้นแนวทางการรักษาตอนนี้ 1 เดือน ใช้ยา 50,000 – 60,000 เม็ด แต่ในวันพรุ่งนี้จะมีการประชุมกับคณะผู้เชี่ยวชาญ ว่าจะให้ยาชนิดนี้กับผู้ป่วยที่มีอาการปอดอักเสบไม่มากด้วยหรือไม่ เพื่อเป็นการพิจารณาใช้ยาชนิดรักษาในทางที่ง่ายขึ้น
ด้าน นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผอ.องค์การเภสัชกรรม กล่าวถึงการจัดหาและบริหารยาต้านไวรัสชนิดฟาวิพิราเวียร์ ตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ – 30 มีนาคม มีการนำเข้ายาจากต่างประเทศ ทั้งซื้อจากประเทศญี่ปุ่น และรับบริจาคจากประเทศจีน รวม 87,000 เม็ด ใช้รักษาผู้ป่วยไปแล้วกว่า 48,875 เม็ด คงเหลืออยู่ 38,126 เม็ด และในคลังกลาง 11,700 เม็ด มีเป้าหมายจัดหาเพิ่มอีก 350,000 เม็ด ซึ่งมีการสั่งซื้อจากจีน 100,000 เม็ด จะได้รับยาชนิดนี้ในวันที่ 6 เมษายนนี้ และสั่งจากญี่ปุ่นไปแล้วอีก 100,000 เม็ด คาดว่ายาจะเพียงพอใช้ในการรักษาได้
อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่าทางญี่ปุ่นจะบริจาคยาต้านไวรัสโควิด-19 เรื่องนี้ไม่ได้มีการให้บริจาค ยังต้องเป็นการจัดซื้อยา เนื่องจากเป็นยาหลักสำหรับรักษาที่ทั่วโลกต้องการและหากจะรอก็คงจะไม่ทันต่อการใช้รักษาผู้ป่วย ส่วนที่มีข่าวนั้นเป็นเรื่องที่ทางบริษัทญี่ปุ่นที่ผลิตยาตัวนี้จะมอบให้เฉพาะทำการศึกษาวิจัยเท่านั้น .-สำนักข่าวไทย