กทม.4 เม.ย.- แม่มืดแปดด้าน สาเหตุลูกสาวและเพื่อนกระโดดสะพานพระราม 8 ฆ่าตัวตาย
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บวรมงคล พร้อมแพทย์,เจ้าหน้าที่มูลนิธิ และตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบเหตุหญิงสาว 3 คน กระโดนสะพานพระราม 8 เสียชีวิต 2 คน ในพื้นที่เขตบางพลัด
พบผู้เสียชีวิตเป็นหญิงสาวอายุประมาณ 19 ปี ถูกคลุมด้วยผ้าขาวบริเวณโป๊ะเรือ 1 ศพ ส่วนอีก 1 ศพลอยน้ำถูกผูกด้วยเชือกมัดติดกับโป๊ะเรือ รอเจ้าหน้าที่มาเก็บพยานหลักฐานและเก็บกู้ ทราบชื่อภายหลังคือ น.ส.ภาวณา บุญธานี และน.ส.สุวัฒนา บุญธานี อายุ 19 ปี ทั้งสองเป็นน้าหลานกัน ส่วนผู้รอดชีวิตทราบชื่อว่านางสาวนิภาดา กุนอก อายุ 20 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งย่านถนนวิภาวดีรังสิต
ผู้รอดชีวิตเล่าว่า ตนและเพื่อนได้ร่วมกันวางแผนฆ่าตัวตายมา 2-3 ปีแล้ว กระทั่งวันนี้สบโอกาสจึงเดินทางจากที่พักย่านดินแดง มากระโดดสะพานฆ่าตัวตาย แต่ปรากฎว่าช่วงเช้ามีคนพลุกพล่าน จึงเดินเท้าไปยังสะพานพุทธ หวังฆ่าตัวตายที่นั่น แต่ปรากฎว่ามีคนพลุกพล่านเหมือนกัน จึงตัดสินใจเดินกลับมาที่สะพานพระราม 8 อีกครั้ง แล้วตัดสินใจกระโดดสะพาน ก่อนที่พลเมืองดีจะมาช่วยชีวิตไว้ได้ ส่วนเพื่อนอีกสองคนเสียชีวิต
เจ้าหน้าที่คาดสาเหตุ มาจากปัญหาชีวิตกับครอบครัว เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายผู้รอดชีวิต พบว่า มีอุณภูมิร่างกายสูงถึง 39 องศาเซลเซียส จึงนำตัวส่งโรงพยาบาลศิริราช เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
ด้านพลเมืองดี เล่าให้ฟังว่า มีคนตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ บริเวณโป๊ะเรือ จึงนำอุปกรณ์กู้ชีพกระโดดลงไปช่วยเหลือทันที โยสามารถช่วยชีวิตได้เพียง 1 ใน 3 และว่าที่ผ่านมาสะพานแห่งนี้มีผู้คิดสั้นมากระโดดฆ่าตัวตายอยู่บ่อยครั้ง และตนเคยช่วยชีวิตผู้ที่กระโดดสะพานมาเมื่อ 2 เดือนก่อน
ส่วนมารดาของผู้รอดชีวิตชีวิตซึ่งเป็นชาวจังหวัดชาวสุโขทัย บอกว่า ลูกและเพื่อนอีก 2 คน อาศัยอยู่ที่หอพัก แต่ช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 ตนได้บอกลูกสาวให้อยู่แต่ห้องพักเพื่อลดความเสี่ยง ขอยืนยันว่า ทางบ้านไม่มีปัญหาครอบครัว และลูกก็ไม่ได้เล่าปัญหาอะไรให้ฟัง กระทั่งต้นปีที่ผ่านมามีจิตแพทย์โทรศัพท์มาบอกว่าลูกสาวตนมาปรึกษา แต่เนื่องจากยังเด็ก ต้องมีผู้ปกครองมาด้วย และตนก็ได้โทรศัพท์หาลูกบ่อยครั้ง กระทั่งวานนี้(3 เม.ย.)ตนได้โทรศัพท์หาลูกสาวนับ 10 ครั้ง แต่ไม่รับสาย มาทราบอีกทีว่าลูกสาวมาก่อเหตุกระโดดสะพานเพื่อฆ่าตัวตาย โดยยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง หลังจากนี้จะนำตัวลูกสาวกลับไปเรียนที่บ้านเกิดเพื่อจะได้ใกล้ชิดกัน.-สำนักข่าวไทย