กรุงเทพฯ 3 เม.ย.- ผบ.ตร. ขานรับนโยบายรัฐบาล กำชับการปฏิบัติตำรวจทั่วประเทศ ตลอดจนเน้นย้ำการปราบปรามมิจฉาชีพ ฉวยโอกาสซ้ำเติมประชาชน
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. กล่าวถึงตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร เนื่องจากมีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด 19 ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค. 63 ถึงวันที่ 30 เม.ย. 63 และออกข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 1) ซึ่งกำหนดข้อห้ามแก่ประชาชนและข้อปฏิบัติแก่ส่วนราชการ เพื่อให้สามารถแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินให้ยุติลงได้โดยเร็วและป้องกันมิให้เกิดเหตุรุแรงมากขึ้น และข้อกำหนดฯ (ฉบับที่ 2)เพื่อให้มีมาตรการต่างๆ เพิ่มขึ้นตามความจำเป็น โดยห้ามบุคคลใดทั่วราชอาณาจักรออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 22.00 – 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.63 เป็นตันไปจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง นั้น
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้มีหนังสือกำชับการปฏิบัติในช่วงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยให้ ผู้บังคับบัญชาระดับ บช. และ บก. เรียกประชุมหน่วยตำรวจในพื้นที่ เช่น บช.ก.(ทล. , ป.) , ทท. , ส. , ปส. และ ตชด. เป็นต้น เพื่อร่วมบูรณาการวางแผนและพิจารณาจัดกำลังพล อุปกรณ์เครื่องมือ เครื่องใช้และยานพาหนะ ออกตรวจตรา ตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ในเขตพื้นที่รับผิดชอบร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร ฝ่ายปกครอง และภาคีเครือข่าย
โดยให้มั่นออกตรวจตราการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยร่วมปฏิบัติอย่างจริงจัง เพื่อให้คำแนะนำและให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่หน่วยอื่นที่ร่วมปฏิบัติ ทั้งนี้ ให้จัดเตรียมแผนป้องกันปราบปรามอาชญากรรมเหตุประทุษร้ายต่อทรัพย์อย่างจริงจังและต่อเนื่อง
พร้อมเพิ่มความเข้มในการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่ฝ่าฝืนข้อกำหนดซึ่งออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก. การบริหาราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548, ความผิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อพ.ศ.2558 , พ.ร.บ. ว่าด้วยราคาสินค้และบริการ พ.ศ.2542 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ การบิดเบือนข้อมูล การหลอกลวง การกักตุนสินค้า การขายสินค้าเกินราคา หรือสินค้าไม่ได้มาตรฐานเพื่อไม่ให้เป็นการซ้ำเติมประชาชน โดยให้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและหน่วยร่วมปฏิบัติอย่างใกล้ชิด ตลอดจนให้ สายตรวจรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ฝ่ายสืบสวน ฝ่ายจราจร ออกตรวจพื้นที่รับผิดชอบอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสร้างความเชื่อมั่น สร้างการรับรู้โดยให้คำแนะนำเรื่องสุขอนามัยตามที่รัฐบาลได้วางแนวทางไว้ และให้มีมาตรการเชิงรุก ประชาสัมพันธ์โดยใช้เครื่องขยายเสียงให้ประชาชนปฏิบัติตัว รวมถึง ให้ความรู้และคำแนะนำแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา ให้ใช้หน้ากากอนามัยตามที่ได้รับจัดสรรจากรัฐบาล Face Shield ล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ การรักษาระยะห่างไม่น้อยกว่า 1 เมตร (Social Distancing) และ นำคลิปวิดีโอที่ ตร. จัดทำรูปแบบการปฏิบัติงานมาปรับใช้ ตามแนวทางป้องกันการแพร่ระบาดของโรค และไม่ฝ่าฝืนข้อกำหนด ประกาศ หรือคำสั่ง ตลอดจน ประสานและหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดอย่างใกล้ชิด .-สำนักข่าวไทย