เปิดมาตรการเข้มจังหวัดรอดโควิด-19

ภูมิภาค 1 เม.ย. – เปิดมาตรการคุมเข้ม จ.ลำปาง อ่างทอง และสมุทรสงคราม ควบคุมป้องกันโรคอย่างไร ถึงยังไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19


จ.สมุทรสงคราม เป็น 1 ใน 14 จังหวัด ที่ยังไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ตอนนี้กักตัวเฝ้าระวังผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยง 16 ราย ชาวบ้านในพื้นที่อีก 24 ราย รวมเป็น 40 ราย ในจำนวนนี้ครบกำหนดแล้ว 19 ราย ส่วน 21 รายที่เหลือยังไม่พบมีอาการไข้ 


ทางจังหวัดมีมาตรการตั้งจุดตรวจคัดกรอง 3 จุดสำคัญ ได้แก่ ใต้สะพานต่างระดับทางเข้าเมืองสมุทรสงคราม สถานีรถไฟสายแม่กลอง และสถานีขนส่งจังหวัดสมุทรสงคราม ประชาสัมพันธ์ป้องกันการติดเชื้อบนถนนสายหลักเข้าเขตจังหวัดสมุทรสงครามทั้ง 4 มุมเมือง ผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างจังหวัดต้องเข้าแจ้งให้ผู้นำชุมชนทราบ เข้าสู่ขั้นตอนเฝ้าสังเกตอาการ 14 วัน ให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ที่เดินทางไปกลับทุกวันทั้ง 904 คน จัดเหลื่อมเวลาการทำงานเพื่อลดความแออัด 


ล่าสุดทางจังหวัดยังออกคำสั่งปิดสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาด 36 ข้อ ได้แก่ ปิดห้างสรรพสินค้า ยกเว้นส่วนที่เป็นซูเปอร์มาร์เก็ต แผนกขายยา ขายอาหาร และสินค้าเบ็ดเตล็ดที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต บริการธนาคารและตู้เอทีเอ็ม ศูนย์บริการโทรศัพท์มือถือ 

ปิดตลาด ยกเว้นส่วนที่จำหน่ายอาหารสด อาหารแห้ง อาหารปรุงสำเร็จ อาหารสัตว์ เวชภัณฑ์ และสินค้าเบ็ดเตล็ดที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต

ปิดร้านอาหาร ร้านกาแฟ และร้านเครื่องดื่มทุกแห่ง ให้เปิดได้เฉพาะการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม โดยให้ซื้อกลับไปบริโภค ยกเว้นที่เปิดในโรงพยาบาล หรือในโรงแรมที่ให้บริการเฉพาะผู้ที่พักอาศัยเท่านั้น 

ปิดสถานที่จำหน่ายสินค้าเครื่องอุปโภคบริโภค เช่น ร้านค้า ร้านสะดวกซื้อ ตลาด หรือสถานที่อื่นใดที่คล้ายคลึงกัน ระหว่างเวลา 21.00-03.00 น. ของวันถัดไป ยกเว้นที่เปิดให้บริการในโรงพยาบาล และสั่งปิดสถานที่ที่จำหน่ายสุรา หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด 

นายชรัส บุญณสะ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม ย้ำยังไม่มีแนวคิดปิดจังหวัด เพราะจะทำให้ประชาชนลำบากเร็วกว่าสถานการณ์ที่ควรจะเป็น ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนอยู่บ้าน เพื่อหยุดเชื้อ และปฏิบัติตามตามมาตรการอย่างเคร่งครัด 

ลำปางเข้ม สั่งห้ามข้าราชการ-จนท.ออกนอกพื้นที่

สถานการณ์ที่ จ.ลำปาง ยังไม่มีผู้ติดเชื้อ พบเพียงผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค 38 คน มีผู้ที่กลับมาจากพื้นที่เขตติดโรคอันตรายพื้นที่ที่มีการระบาดอย่างต่อเนื่อง และผู้สัมผัสสะสมรวม 6,374 ราย กักตัวอยู่บ้าน 14 วัน จำนวน 5,433 ราย และมีผู้พ้นระยะกักตัวแล้ว 941 ราย 

นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง มีการวางแผนยกระดับสถานการณ์แบ่งเป็นระดับ 1, 2, 3, 4 หรือเป็นสี คือ สีเขียว สีเหลือง สีส้ม สีแดง หากพบคนติดเชื้อในพื้นที่ หรือผู้ที่เป็นโรคเข้ามา จะยกระดับขึ้นมาเป็นสีเหลือง และออกประกาศไม่ให้ข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ออกนอกพื้นที่ หากเกิดกรณีฉุกเฉินจะมีเจ้าหน้าที่ทำงาน ที่ผ่านมามีผู้ป่วยเข้าข่ายสงสัยวันเดียว 6 ราย และหากมีผู้ป่วยถึง 5 เคส ก็จะต้องยกระดับเป็นสีส้ม และหากมีผู้ป่วยเสียชีวิตก็ต้องยกระดับเป็นสีแดง ผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าฯ แบ่งงานเป็นทีม A ทีม B หากผู้ว่าฯ ติด รองผู้ว่าฯ ก็จะได้ทำงานต่อได้   

อีกทั้งยังมีการยกระดับและเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังเข้มข้ม โดยมีประชุมเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างสม่ำเสมอ ตั้งจุดคัดกรองหลักทางเข้า-ออกเมืองลำปางทั้ง 4 จุด เร่งจัดหาอุปกรณ์ป้องกันและควบคุมโรคให้บุคลากรทางการแพทย์ ให้โรงพยาบาลวางแผนมาตรการรองรับผู้ที่ป่วยโควิด-19 ที่อาจจะมีมากขึ้นในอนาคต เตรียมเปิดโรงพยาบาลสนาม เบื้องต้นอาจใช้อาคารศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (ศูนย์ OTOP) ของ อบจ.ลำปาง และ อ.เกาะคา หรืออาจปรับระบบบริการใน รพ.ชุมชน รองรับผู้ป่วยด้วย จัดซื้อเครื่องช่วยหายใจเพิ่มอีก 30 เครื่อง จากเดิมที่มีอยู่ 40 เครื่อง

โรงพยาบาลลำปาง ปรับปรุงอาคารเมตตา ซึ่งอยู่ห่างจากอาคารที่ใช้ในการรักษาผู้ป่วยทั่วไป เป็นสถานที่ตรวจรักษาผู้ป่วยโควิด-19 รองรับผู้ป่วยได้ราว 60 ราย จัดทำห้อง Nagative pressureเพิ่ม รวมเป็น 12 ห้อง รองรับผู้ป่วยอาการหนัก      

ล่าสุดขอความร่วมมือข้าราชการ และเจ้าหน้าที่งดหรือชะลอการเดินทางข้ามเขตพื้นที่จังหวัดเป็นเวลา 1 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ถึงวันที่ 30 เมษายน

ตั้งเพจ facebook ชื่อ “ศูนย์ข้อมูล Covid-19 จังหวัดลำปาง” ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลำปางใช้สื่อสารข้อมูลที่ถูกต้องให้แก่ประชาชน ป้องกันความสับสนในพื้นที่ โดยสำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดลำปางเป็นผู้ประสานงาน

อ่างทองสแกนกลุ่มเสี่ยงทุกพื้นที่ ป้องกันโควิด-19

จ.อ่างทอง ก็เป็น 1 ใน 4 จังหวัดภาคกลาง ที่จนถึงขณะนี้ยังไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เนื่องจากมาตราการในการคัดกรองผู้เดินทางผ่านเข้าออกจังหวัดอย่างเข้มข้น สแกนกลุ่มเสี่ยงทุกพื้นที่ ประชาชนต่างให้ความร่วมมือในการคัดกรอง การร่วมมือของเอกชนในการจัดซื้อรถพ่นยาฆ่าเชื้อโรคโดยไม่รองบประมาณจากภาครัฐ และการร่วมมือของแม่ค้าพ่อค้าในจังหวัดที่ตื่นตัวในการร่วมกันป้องกัน มาตรการการไม่ขายของให้กับผู้ไม่ใส่หน้ากาอนามัย การใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมในทุกพื้นที่ อีกทั้งยังสื่อสารสร้างความเข้าใจกับประชาชนอย่างถูกต้องผ่านช่องท่างต่างๆ เช่น โซเชียลมีเดีย หอกระจายข่าวหมู่บ้าน และแอปพลิเคชันไลน์ “อ่างทองสู้ โควิค-19” รวมถึงมีการลงทะเบียนผู้เข้าออกในพื้นที่ เพื่อติดตามคัดกรองบุคคลได้อย่างทั่วถึง

สำหรับจังหวัดอ่างทอง ยังไม่พบผู้ป่วยโควิค-19 มีผู้เข้าเกณฑ์เฝ้าระวังและเข้าข่าย 19 ราย ตรวจแล้วไม่พบเชื้อไวรัส กลุ่มเฝ้าระวัง 14 วัน จำนวน 120 ราย ครบกำหนดแล้ว 70 ราย เหลือที่ยังต้องระวังอีก 50 ราย. – สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ

กทม. 23 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ เฝ้าระวัง “พายุดีเปรสชัน” มีแนวโน้มทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน กระทบไทย 24-27 ส.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสมที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน และเวียดนามตอนบน สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ในช่วงวันที่ 25–26 ส.ค. 68 ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 24–27 ส.ค. 68 -สำนักข่าวไทย

โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊ก ขรก.มหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน

ทำเนียบ 23 ส.ค.- โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊กข้าราชการมหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน ด้าน “เชษฐา” เป็นอธิบดี ปภ. ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 6 ราย ดังนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2568 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 22 ส.ค.2568 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี -สำนักข่าวไทย

จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองโกงเงินอุดหนุน ก่อนหนีกบดานลาว

22 ส.ค. – ตำรวจภูธรภาค 1 จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง โกงเงินอุดหนุน 17.6 ล้านบาท หนีกบดานลาว ก่อนจนมุมถูกจับกุมได้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1), พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท, ตม.จว.หนองคาย, กกต.จว.หนองคาย ร่วมกันจับกุม นายพีระวิทย์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2562 นายพีระวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง รับเงินอุดหนุนพรรคการเมือง เพื่อพัฒนาพรรคการเมือง จำนวนประมาณ 17.6 ล้านบาท โดยไม่มีการทำหลักฐานการเบิกจ่าย ทำให้ กกต. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายพีระวิทย์ และเหรัญญิกพรรค ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระพุทธบาท โดยเลื่อนการเข้าให้ปากคำและแสดงหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน และต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองได้หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกหมายจับในข้อหา […]

“ธีรรัตน์” สั่งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บาย 24 ชม. รับพายุคาจิกิ

กทม. 22 ส.ค.- “ธีรรัตน์” สั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บายรับมือผลกระทบ “พายุคาจิกิ” ตลอด 24 ชั่วโมง ย้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนรับรู้และเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาวะอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับผลกระทบพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ซึ่งพบว่าพื้นที่บางส่วนมีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังซ้ำซาก ระหว่างวันที่ 24 – 28 สิงหาคม 2568 ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ 45 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร นางสาวธีรรัตน์ ได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด 45 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต รวมถึงกรุงเทพมหานคร กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่หากพบว่ามีความเสี่ยง ในส่วนพื้นที่ชายฝั่ง ให้สั่งห้ามนักท่องเที่ยวเล่นน้ำและห้ามเดินเรือทุกชนิดหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง “ให้ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

ทีมทนายวัดพระบาทน้ำพุแจงปม “หลวงพ่ออลงกต” สวมบัตร ปชช. คนตาย

ลพบุรี 24 ส.ค. – วัดพระบาทน้ำพุ ตั้งโต๊ะแถลง ยืนยันเลขบัตรประชาชนของ “หลวงพ่ออลงกต” ไม่ซ้ำกับ “อลงกต พลมุข” ปัดตอบปมเลขบัตรประชาชนผู้เสียชีวิต ผูกพร้อมเพย์บัญชีมูลนิธิฯ ขอไปตรวจสอบก่อน ส่วนทางคดี จับตาสัปดาห์หน้า จะมีผู้ถูกดำเนินคดีมากกว่า 1 คน วันนี้ ที่วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี นายศุภชัย สิงคาลวานิช หัวหน้าทีมทนายความของวัดพระบาทน้ำพุ พร้อมตัวแทนมูลนิธิต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัดพระบาทน้ำพุ ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ เป็นครั้งแรก โดยบอกว่าวันนี้ หลวงพ่ออลงกตไม่ได้หลีกเลี่ยงที่จะมาให้สัมภาษณ์ แต่ครั้งนี้มีข้อมูลมาก มีปัญหาเรื่องข้อกฎหมายและปัญหาที่ซับซ้อนหลายอย่าง หากตอบไปอาจกระทบต่อคดี และยืนยันว่า หลวงพ่อมีเจตนาบริสุทธิ์ในการช่วยเหลือผู้ป่วย เด็กกำพร้า ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส กลุ่มเปราะบางในสังคม ซึ่งขณะนี้สังคมเข้าใจผิดในหลายเรื่อง เพราะเกิดการชี้นำของหลายเพจ กลุ่มผู้มีอิทธิพลในบางสื่อ นำเรื่องมาปะติดปะต่อจนสร้างความเสียหาย ส่วนประเด็นที่กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องที่หลวงพ่ออลงกต สวมชื่อและเลขบัตรประชาชน “อลงกล พลมุข” ข้าราชการที่เสียชีวิตไปแล้วนั้น ทีมทนาย เปิดเผยว่า หลวงพ่ออลงกต มีบัตรประชาชนของท่านเอง และนามสกุลของท่าน […]

สกัดจับขบวนการค้ามนุษย์ ลอบขนคนไทยไปเขมร

สระแก้ว 24 ส.ค. – ทหารพรานลาดตระเวนชายแดนไทย-กัมพูชา บ้านกุดหิน ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว สกัดจับคนไทย 10 คน ขณะลักลอบเข้ากัมพูชา เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นขณะเจ้าหน้าที่กำลังลาดตระเวนตามแนวชาย เพื่อสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายที่จะแอบลักลอบขนข้ามแดน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัย 2 คัน ประกอบด้วย รถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว (ไม่ทราบทะเบียน) และ รถยนต์เก๋ง สีดำ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ซึ่งทั้งขับผ่านเข้ามาในพื้นที่ล่อแหลม โดยรถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว ได้จอดให้คนเดินลงมาจากรถ และเดินเข้าป่าไป จำนวน 6 คน ประกอบด้วย คนนำพา 1 คน และผู้ลักลอบ 5 คน โดยทั้งหมดเป็นคนไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวไว้ได้ ส่วนรถยนต์เก๋งสีดำที่ขับตามมา เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ จึงขับหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่สามารถสกัดจับไว้ได้ (ห่างจากจุดแรกประมาณ 200 เมตร) จากการตรวจสอบภายในรถพบคนไทย 4 คน […]

พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใกล้ศูนย์เด็กเล็ก

อุบลราชธานี 24 ส.ค. – พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี อยู่ริมสระน้ำใกล้ศูนย์เด็กเล็ก เพียง 100 เมตร จากกรณีที่กัมพูชา ยิงจรวด BM–21 เข้าใส่ชุมชน บ้านเรือนประชาชน ในฝั่งไทย จนนำไปสู่การสูญเสียชีวิต และทรัพย์สิน ของประชาชนคนไทย เมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันผลกระทบจากจรวด BM–21 ต่อประชาชน คนไทย ยังคงมีอยู่ ภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกไว้ได้จากบ้านหลังหนึ่ง ในอำเภอน้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นกัมพูชาได้ยิงจรวด BM-21 เข้ามาตกในเขตชุมชนฝั่งไทย โดยเหตุการณ์ครั้งนั้น มีจรวด BM-21 ตกมาทั้งหมด 11 ลูก 2 ใน 11 ลูก ตกใส่บ้านประชาชน จนบ้านพังเสียหายทั้งหมด 2 หลัง และมี 1 […]

“มาริษ” จ่อบินเจนีวา แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี

สวีเดน 24 ส.ค.-“มาริษ” เตรียมบินเจนีวาต่อ แจงประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคี-องค์การสิทธิมนุษยชน-กาชาด ย้ำไทยรักสันติ ทำตามกฎหมายระหว่างประเทศ ฟ้องเขมรใช้ทุ่นระเบิด-โจมตีพลเรือนไทย นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่าหลังการเยือนสวีเดนอย่างเป็นทางการแล้วจะเดินทางไปเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในวันที่ 26 ส.ค.นี้ โดยมีเป้าหมายหลัก 3 ประการคือ ไปชี้แจงให้กับประเทศกลุ่มสัญญาอนุภาคีให้เข้าใจสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ซึ่งกัมพูชาใช้ยุทธศาสตรฺของการใช้ วัตถุระเบิดสังหารบุคคน ที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และอนุสัญญาออตตาวาและในโอกาสนี้จะพบกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่สืทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการใช้ทุ่นระเบิดสังหาร การละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วยการโจมตีเป้าหมายพลเรือน ของกัมพูชา รวมทั้งการใช้โซเชียลมีเดีย ซึ่งเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (icrc )ก็ได้ออกมาพูดชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยอย่างมาก และไม่สนับสนุนให้มีการใช้สงครามข่าวสารในการต่อสู้ โดยใช้พลเรือนเป็นตัวกระทำให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างกัน ซึ่งในโอกาสนี้ตนจะได้พบปะกับประธาน crc พอดี ซึ่งเคยพบกันที่กรุงเทพมหานครแล้ว และทางประธานทราบว่าตนจะมาเจนีวาก็สามารถมาพูดคุยกันต่อได้ ซึ่งจะได้อธิบายทั้ง 2 ประการเหล่านี้เพราะ icrc เป็นองค์กรหลักที่ดูกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งทั้งสามองค์กรที่เราวางกลยุทธ์ จะเข้ามาพูดคุย ชี้แจงก็เพื่อยืนยัน ใน ท่าทีบทบาท ของประเทศไทยที่ชัดเจนว่าเราเป็นประเทศ ที่รักสันติ เราต้องการ แก้ไขปัญหาระหว่างกันอย่างสันติวิธี แต่ต้องมีความจริงใจ […]