ศูนย์บริการโลหิตฯปรับเกณฑ์ออกหน่วยรับบริจาคโลหิตลดขาดแคลน

กทม.1 เม.ย.-ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ปรับตัวรับภาวะโลหิตขาดแคลนจากสถานการณ์โควิด-19 ออกหน่วยเคลื่อนที่รับบริจาคตามสถานที่ที่ต้องการนัดหมาย หากมีผู้บริจาคโลหิตขอมา 50 คน เป้าหมายต้องการโลหิตวันละ 2,500 ยูนิต ขณะที่ปัจจุบันระดมโลหิตได้เพียงวันละ 1,500 ยูนิต ขณะเดียวกันมี โครงการนำพลาสมาของผู้ป่วยโควิด-19ที่รักษาหายแล้ว มาใช้รักษาผู้ป่วยโควิด-19    ด้วยกัน


น.ส.ภาวิณี คุปตวินทุ รองผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เปิดเผยว่า หลังจากศูนย์บริการโลหิตได้มีการสื่อสารไปอย่างต่อเนื่องให้ประชาชนช่วยกันมาบริจาคโลหิตเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้มีประชาชนมาบริจาคเพิ่มขึ้นบ้าง สูงสุดคือวันละ 1,700 ยูนิต แต่ก็ยังไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้คือวันละ 2,500 ยูนิตหรือ 2,500ถุง ประกอบกับสถานการณ์ล่าสุดที่ให้หยุดอยู่บ้าน ส่งผลให้เกิดภาวะขาดแคลนโลหิต โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่ต้องการ รับเลือดเป็นประจำเช่น ผู้ป่วยโรคธัลสัสซีเมีย ซึ่งมีอยู่หลายหมื่นราย ซึ่งหากได้รับเลือดไม่เต็มที่ผู้ป่วยจะมีภาวะซีด อ่อนเพลียใช้ชีวิตตามปกติไม่ได้  และอาจเข้าสู่ภาวะวิกฤตเสียชีวิตได้ 


ทำให้ศูนย์บริการโลหิตได้ปรับแผนจากเดิมกำหนดให้หน่วยเคลื่อนที่  ที่ออกรับบริจาคโลหิตที่ต้องได้เลือดอย่างน้อย 100 ยูนิต ซึ่งหมายถึงต้องมีผู้บริจาค 100 คน ซึ่งสุ่มเสี่ยงกับภาวะต้องมีระยะห่างทางสังคม จึงปรับลดลงเหลือเพียง 50 ยูนิต ก็จะออกหน่วยเคลื่อนที่ไปรับบริจาคโลหิตได้ตามจุดที่ผู้บริจาคต้องการ เช่น หน่วยงานทั้งภาครัฐเอกชน หมู่บ้านหรือคอนโดมิเนียม ที่สามารถรวมคนได้ 50 คน 


ส่วนประเด็นการบริจาคโลหิตแล้วจะกระทบกับภูมิต้านทานของร่างกายหรือไม่นั้น  รอง ผอ.ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ กล่าวว่า การบริจาคโลหิต ไม่มี ผลกระทบใดใดกับภูมิต้านทานของร่างกาย เพราะแม้เม็ดเลือดขาวจะเป็นตัวสร้างภูมิต้านทานของร่างกาย แต่ร่างกายจะสร้างเม็ดเลือดขาวขึ้นใหม่ทุกวัน ดังนั้น การบริจาคโลหิตเป็นประจำ 3 เดือนต่อครั้งจะไม่ส่งผลกระทบใดใดกับภูมิต้านทานของร่างกายมนุษย์เลย 

รอง ผอ.ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ยังเปิดเผยว่าขณะนี้ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ มีโครงการเก็บพลาสมาของผู้ป่วยโควิด-19 ที่รักษาหายแล้ว  อย่างน้อย 1 เดือนขึ้นไปเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีเชื้อไวรัส อยู่ในร่างกายแล้ว โดยได้ประสานกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และกรมควบคุมโรค เพื่อติดต่อผู้ป่วยโควิด-19 ที่รักษาหายแล้วเชิญมาบริจาคเลือดเพื่อแยกพลาสมาเก็บไว้ เผื่อในอนาคตพลาสมาที่เก็บไว้นี้จะสามารถนำไปช่วยรักษาผู้ป่วยโควิด-19 รายอื่นๆได้ 

รองผอ.ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ กล่าวย้ำความมั่นใจว่าในการมาบริจาคโลหิตได้มีระบบจัดการ Social Distancing ให้ผู้บริจาคโลหิตทุกคนสวมหน้ากากอนามัยและระบบความสะอาดปลอดเชื้อต่างๆตามมาตรฐาน   ทุกประการ

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า มีผู้มีจิตศรัทธาเดินทางนำเฟซชีลด์ จำนวน 50 ชิ้นมาบริจาคให้ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทยเพื่อให้ส่งต่อ ไปยังแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ตามโรงพยาบาลที่กำลังรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ด้วย .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

ดีเอสไออนุมัติสืบสวนคดีแตงโม คาดตั้งชุดเริ่มสืบได้ 27 ม.ค.นี้

อธิบดีดีเอสไอ อนุมัติให้สืบสวนคดีแตงโม ว่ามีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ และมีบุคคลหรือเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ คาดเริ่มได้ 27 ม.ค.นี้

พ่อผู้ต้องหาชนไรเดอร์ กราบขอขมาครอบครัวผู้เสียชีวิต

พ่อผู้ต้องหาชนไรเดอร์ กราบขอขมาครอบครัวผู้เสียชีวิต เปิดใจกับสื่อ ลูกชายยังอยู่ในอาการช็อก เชื่อเสียใจและอยากมาขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต

นายกฯ สวมกระโปรงผ้าปาเต๊ะ ร่วมประชุม WEF อวดผ้าไทยสู่สายตาโลก

นายกฯ สวมกระโปรงผ้าปาเต๊ะ จากภาคใต้ ร่วมประชุม WEF อวดผ้าไทยสู่สายตาโลก หารือผู้นำและภาคเอกชนชั้นนำของโลก

กทม.จำกัดพื้นที่ชั้นใน ห้ามรถบรรทุกวิ่ง เริ่มคืนนี้!

ผู้ว่าฯ กทม. ติดตามสถานการณ์ฝุ่น กทม. คาดสุดสัปดาห์ระบายอากาศดีขึ้น พร้อมจำกัดพื้นที่ชั้นใน ห้ามวิ่งรถบรรทุก เริ่มคืนนี้! ย้ำประชาชนช่วยสอดส่องการลอบเผา ต้นเหตุฝุ่น PM 2.5