กรุงเทพฯ 27 มี.ค. – กลุ่มคนไร้บ้าน เป็นอีกกลุ่มที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด-19 เนื่องจากใช้ชีวิตเร่ร่อนในพื้นที่สาธารณะตลอดทั้งวัน มูลนิธิกระจกเงา เสนอให้มีการเฝ้าระวัง และหาวิธีให้คนกลุ่มนี้รู้จักป้องกันตัวเองเบื้องต้น
แม้จะเป็นช่วงกลางวัน แต่พื้นที่โดยรอบอาคารผู้โดยสารสถานีรถไฟหัวลำโพง ยังคงมีคนไร้บ้านเข้ามาใช้พื้นที่พักผ่อน ทั้งตามมุมตึก บันไดอาคาร และริมทางเดิน เมื่อถึงช่วงกลางคืนจะยิ่งมีจำนวนคนมากขึ้น มีข้อมูลว่า ในกรุงเทพฯ มีคนไร้บ้านกว่า 1,000 คน ซึ่งคนกลุ่มนี้มีความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อโควิด-19 เพราะใช้ชีวิตเร่ร่อนอาศัยในที่สาธารณะที่มีคนพลุกพล่านตลอดเวลา และมีพฤติกรรมที่ไม่ถูกหลักสุขอนามัย ทั้งการกิน นอน และนั่งกับพื้น เมื่อมาอยู่รวมกัน จึงเพิ่มโอกาสของการแพร่เชื้อได้ง่าย
ขณะที่บางคนเมื่อรู้ว่าใช้ชีวิตเสี่ยงต่อการรับเชื้อ ก็เริ่มหาวิธีป้องกันตัว เช่น การขอใช้เจลแอลกอฮอล์ทำความสะอาดตามสถานที่ที่มีการตั้งบริการไว้
หัวหน้าโครงการผู้ป่วยข้างถนน มูลนิธิกระจกเงา ให้ข้อมูลว่า ยังไม่มีแนวทางดูแลและป้องกันการแพร่เชื้อโควิด-19 ในกลุ่มคนไร้บ้านที่ชัดเจนจากหน่วยงานรัฐ แม้จะมีการขอความร่วมมือให้ทุกคนเว้นระยะห่างทางสังคม หรือ Social Distancing แต่มาตรการนี้ไม่สามารถใช้ได้กับกลุ่มคนไร้บ้าน เพราะมีพฤติกรรมการอยู่อาศัยที่ไม่มีระเบียบ จึงควบคุมได้ยาก และคนกลุ่มนี้ขาดโอกาสในการเข้าถึงการรักษาทางการแพทย์ เมื่อมีโรคระบาด รัฐควรจัดทีมเฝ้าระวัง คัดกรองกลุ่มเสี่ยงทันที เพื่อลดการระบาดไปสู่คนกลุ่มใหญ่
มีข้อมูลว่า ในต่างประเทศ การดูแลกลุ่มคนไร้บ้าน มีการจัดพื้นที่ชั่วคราวให้คนกลุ่มนี้ไปอาศัย โดยมีมาตรการควบคุมโรคที่ชัดเจน มีระบบสุขอนามัยที่ดี ทำให้ง่ายต่อการควบคุมโรค ขณะที่ในไทย มีการเสนอว่า แม้ไม่สามารถตรวจคัดกรองกลุ่มคนไร้บ้านได้ในทุกพื้นที่ แต่ขอให้หน่วยงานรัฐสนับสนุนอุปกรณ์ป้องกันพื้นฐาน เช่น หน้ากากอนามัย และแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ ให้คนไร้บ้านได้ใช้ป้องกันตัวเองในเบื้องต้น และสามารถเข้าถึงสิทธิการรักษาได้เช่นเดียวกับคนทั่วไป. – สำนักข่าวไทย