เริ่มแล้วทหาร-ตร.ตั้งด่านตรวจ 7 จุดพื้นที่รอยต่อจังหวัดปริมณฑล

กทม./ภูมิภาค 26 มี.ค. – สตช. ประสานทหารและตำรวจตั้งด่านตรวจ 7 จุด พื้นที่รอยต่อจังหวัดปริมณฑล เพื่อคัดกรองประชาชนเดินทางเข้าเมืองตามคำสั่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ส่วน จ.นนทบุรี มีการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตั้งด่านตรวจสกัด “โควิด-19” พร้อมเน้นย้ำเจ้าหน้าที่ให้แนะนำผู้ขับขี่เว้นระยะห่างในการนั่งในรถและใส่หน้ากากอนามัย

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงถึงความจำเป็นที่ต้องใช้กฎหมายพิเศษ เพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยจะมีการรวมศูนย์มาที่นายกรัฐมนตรี เพื่อสั่งการทำงานหน่วยงานต่างๆ ให้เป็นเอกภาพ


นอกจากนี้ยังแบ่งการทำงานเป็น 5 ด้าน โดยนายกรัฐมนตรีจะเป็นประธาน และปลัดกระทรวงฯ ที่เกี่ยวข้องเป็นหัวหน้าการแก้ไขสถานการณ์ ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ด้านสาธารณสุข, ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นหัวหน้าด้านการสั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด-ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นหัวหน้าด้านการควบคุมสินค้าและเวชภัณฑ์, ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เป็นหัวหน้าด้านการต่างประเทศ และการคุ้มครองช่วยเหลือคนไทยในต่างประเทศ และผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นหัวหน้าด้านความมั่นคงการปราบปรามอาชญากรรมทุกประเภท การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ รวมทั้งมีทีมงานจากทุกภาคส่วนเป็นคณะที่ปรึกษา

สำหรับการทำงานทั้งหมดจะมีการประชุมร่วมกันทุกวัน เวลา 09.30 น. และนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้แถลงข่าวด้วยตัวตนเอง หรือบางครั้งอาจเป็นผู้ที่ได้รับมอบหมาย พร้อมกันนี้ขอความร่วมมือสื่อมวลชนนำเสนอข่าวอย่างรับผิดชอบ และสั่งให้มีการแถลงข่าวสถานการณ์ รวมถึงมาตรการต่างๆ วันละ 1 ครั้ง เพื่อลดความซ้ำซ้อน บิดเบือนข้อมูล และรับข้อมูลแหล่งเดียวเป็นประจำทุกวัน

สาระสำคัญและข้อปฏิบัติที่มีการประกาศใช้ระหว่างการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อาทิ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะประกาศใช้ถึงวันที่ 30 เมษายน ทั่วราชอาณาจักร มีการห้ามเข้าพื้นที่เสี่ยง หรือปิดสถานที่เสี่ยงต่างๆ ซึ่งได้ดำเนินการไปบ้างแล้วในบางส่วน การปิดช่องทางเข้าราชอาณาจักร มีข้อเสนอพึงปฏิบัติสำหรับผู้สูงวัย 70 ปีขึ้นไป ผู้ป่วย และเด็กที่ควรอยู่แต่ในบ้าน ยกเว้นจำเป็นต้องเดินทางไปพบแพทย์หรือติดต่อราชการ ห้ามกักตุนสินค้าหรือขึ้นราคาโดยไม่มีเหตุผล ห้ามการชุมนุมหรือรวมกลุ่ม ห้ามเสนอข่าวบิดเบือน งดหรือชะลอการเดินทางข้ามจังหวัดโดยไม่จำเป็น ให้อำนาจตำรวจตั้งจุดตรวจจุดสกัดผู้มีอาการติดเชื้อโควิด-19 ที่เดินทางข้ามเขตจังหวัด โดยมีทหารร่วมปฏิบัติการ ส่วนสถานที่ราชการ-รัฐวิสาหกิจเปิดตามปกติตามเวลาราชการ และกิจกรรมทางสังคม ทั้งงานแต่งงาน งานศพ พิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษ หรืออื่นๆ จัดได้ตามสมควร แต่ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค


ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงภายหลังประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ว่าการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่ผ่านมาเป็นการประกาศในกรณีความไม่สงบเรียบร้อยในประเทศ แต่ครั้งนี้นำมาใช้ในสถานการณ์ที่ต้องต่อสู้กับโรคระบาดร้ายแรงเป็นครั้งแรก แต่สามารถทำได้ นิยามของคำว่าสถานการณ์ฉุกเฉินในกฎหมายนั้น รวมไปถึงภัยสาธารณะ คือโรคภัยไข้เจ็บ พร้อมยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีการประกาศเคอร์ฟิว แต่หากมีเคอร์ฟิว จะเป็นการเคอร์ฟิว 24 ชั่วโมง เพราะหมายความว่ามาตรการที่วางไว้คุมโรคไม่อยู่ มีการระบาดเพิ่มเติม และเชื้อไวรัสไม่เลือกเวลาออก จึงต้องประกาศเคอร์ฟิวตลอดเวลา แต่ต้องมีข้อยกเว้นเรื่องออกไปหาอาหาร หรือทำกิจธุระจำเป็น

มีรายงานว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้หารือร่วมกับกรุงเทพฯ และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง กำหนดการตั้งจุดตรวจจุดสกัดพื้นที่รอยต่อของ กทม. โดยแบ่งเป็น 7 จุด ทั้งสะพานข้ามคลองประปา ถนนแจ้งวัฒนะ เขตรอยต่อจังหวัดนนทบุรี, ใต้ทางด่วนมหานคร ถนนสุวินทวงศ์ เขตรอยต่อจังหวัดฉะเชิงเทรา, ถนนคู่ขนานกาญจนาภิเษก ซอย 39 เขตรอยต่อจังหวัดสมุทรปราการ, หน้าปั๊มเอสโซ่ ใกล้สถานีรถไฟฟ้าแบริ่ง ถนนสุขุมวิท เขตรอยต่อจังหวัดสมุทรปราการ, หน้าศูนย์โตโยต้า ถนนราชพฤกษ์ เขตรอยต่อจังหวัดนนทบุรี, ใต้สะพานภูมิพล ถนนสุขสวัสดิ์ เขตรอยต่อจังหวัดสมุทรปราการ และหน้าปั๊ม ปตท. ซอยพระรามสอง 92 ถนนพระราม 2 เขตรอยต่อจังหวัดสมุทรปราการ

ทั้งนี้ กรุงเทพฯ จะเป็นแม่งานหลักในการตั้งด่าน มีตำรวจและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขคอยสนับสนุน จะมีการคัดกรองทั้งรถทั้งคน เพื่อตรวจสอบว่ามีอาการเข้าข่ายติดเชื้อโควิด-19 หรือไม่ พร้อมทั้งทำการซักถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเดินทาง เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ

ด้านนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ทำหนังสือด่วนถึงผู้ว่าราชการจังหวัด ให้จัดกำลังฝ่ายปกครองร่วมกับตำรวจและทหาร ตั้งจุดตรวจจุดสกัดหลังเที่ยงคืนที่ผ่านมา เพื่อคุมเข้มการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยด่านตรวจหรือจุดสกัดบนท้องถนนจะดูแลการเดินทางข้ามจังหวัดของประชาชน เพื่อจัดระเบียบการเดินทาง การจราจร รวมถึงเฝ้าระวังหรือสังเกตผู้เดินทางและพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดโรคโควิด

ส่วนบรรยากาศตั้งด่านตรวจเมื่อคืนที่ผ่านมา บริเวณหน้าปั๊ม ปตท. ถนน 345 ต.คลองข่อย อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ได้มีการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตั้งด่านเมื่อ 00.01 น.ที่ผ่านมา จุดประสงค์เพื่อเฝ้าระวังอาการของผู้เดินทาง และเน้นย้ำเจ้าหน้าที่ทุกนายให้แนะนำผู้ขับขี่ให้เว้นระยะห่างในการนั่งในรถ การใส่หน้ากากอนามัย และให้ประชาชนใช้เจลล้างมือเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ถ้าไม่จำเป็นอย่าเดินทางออกต่างจังหวัด เเละขอให้งดกิจกรรมต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่กระจาย

ที่อุบลราชธานี มีการตั้งด่านตรวจ 3 จุด รอยต่อของอำเภอเมือง โดยนายสฤษดิ์ วิฑูรย์ ผู้ว่าราชการจังหวัด ลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์เป็นคืนแรก เน้นเส้นทางเข้า-ออกของจังหวัด ได้แก่ อำนาจเจริญ ยโสธร และศรีสะเกษ เพื่อตรวจสอบบุคคลที่เข้ามาในพื้นที่ให้รับทราบข้อกำหนด หรือการปฏิบัตตนในการป้องกันโควิด-19 รวมถึงตรวจวัดอุณหภูมิ และลงทะเบียนเข้าพื้นที่ เพื่อส่งต่อข้อมูลบุคคลเป้าหมายให้กับสาธารณสุขที่จะต้องเข้าไปดูแลและติดตามในพื้นที่ชุมชน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ. เผยเลื่อนคุย ‘ทหารไทย-กัมพูชา’ ไม่มีกำหนด

29 ก.ค.- โฆษกทบ. เผยเลื่อนคุย ‘ทหารไทย-กัมพูชา’ ไม่มีกำหนด ยังนัดหมายพบปะกันไม่ได้ แต่พยายามอยู่ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พื้นที่กองทัพภาคที่ 2 โดยฝ่ายไทย พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาค1 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และฝ่ายกัมพูชา พล.อ.โปว เฮง ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 4 และ พล.อ.แอก ซอมโอน ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 5 ทั้ง 2 ฝ่ายยังนัดหมายพบปะไม่ได้ เลื่อนไป ยังไม่มีระบุเวลา (เดิมเวลา 10.00 น.) แต่ยังพยายามอยู่ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร​” ไม่แปลกใจ กัมพูชาไม่เป็นสุภาพบุรุษ

ทำเนียบ 29 ก.ค.- “แพทองธาร​” ไม่แปลกใจกับความไม่เป็นสุภาพบุรุษของ “กัมพูชา” หลังละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ชี้ต้องฟ้อง ปท. ที่เข้ามาเป็นพยานด้วย บอก​ จะถาม “ภูมิธรรม” ให้ ต้องออกแถลงการณ์โต้หรือไม่​ นางสาวแพทองธาร​ ชินวัตร​ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม​ กล่าวถึงกรณีกัมพูชาละเมิดข้อตกลง​หยุดยิง ว่า​ เมื่อสักครู่​ ได้อัปเดตกับทางทีมงาน​ มีการพูดคุยกันว่า​ ถ้าเป็นแบบนี้​ ก็ต้องมีการแจ้งให้ประเทศที่เข้ามาเป็นพยานได้ทราบด้วย​ ว่า​ เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น​ แต่ไม่แปลกใจกับความไม่เป็นสุภาพบุรุษอยู่แล้ว​ เมื่อถามว่ารัฐบาลจะต้องมีการออกแถลงการณ์อีกครั้งหรือไม่​ หลังจากกัมพูชาไม่หยุดยิง นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า เดี๋ยวอันนั้นจะสอบถามนายภูมิธรรม​ เวช​ย​ชัย​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี​.-315 -สำนักข่าวไทย

กองทัพไทยย้ำ! ใช้สิทธิป้องกันตนเองตามกฎหมายสากล

29 ก.ค.- กองทัพไทยย้ำ! ใช้สิทธิป้องกันตนเองตามกฎหมายสากล เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติและประชาชน หลังกัมพูชาจงใจละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ทำลายความเชื่อมั่นในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน ตามที่รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาได้ตกลงร่วมกันในการยุติการสู้รบทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยมีผลตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เพื่อเปิดทางสู่สันติภาพและความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้านนั้น วันที่ 29 กรกฎาคม 2568 พลตรี วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ระบุกองทัพไทย ได้รับการยืนยันว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด หยุดยิงทุกพื้นที่ทันทีที่ถึงกำหนดเวลา โดยยึดมั่นในคำมั่นสัญญาที่รัฐบาลทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันให้ไว้ อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาหลังจากกำหนดหยุดยิง ฝ่ายกัมพูชายังคงใช้อาวุธยิงเข้ามาในเขตแดนของประเทศไทยอย่างต่อเนื่องในหลายจุด ถือเป็นการกระทำที่ จงใจละเมิดข้อตกลง และบ่อนทำลายความเชื่อมั่น ที่ควรมีต่อกันในฐานะประเทศเพื่อนบ้าน กองทัพไทย ขอประณามพฤติกรรมดังกล่าวของฝ่ายกัมพูชา และขอยืนยันว่า ประเทศไทยมีความจำเป็นต้องใช้มาตรการโต้กลับ ภายใต้สิทธิในการป้องกันตนเองตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ไทยมิได้ใช้กำลังเพื่อรุกราน แต่เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และความปลอดภัยของประชาชน “เมื่อเราหยุด แต่เขาไม่หยุด…โลกต้องได้รับรู้ว่า กัมพูชาคือผู้ละเมิดข้อตกลงอย่างต่อเนื่อง และเป็นฝ่ายที่ไม่เคารพกติกาสากล ไม่ยึดถือข้อตกลงระหว่างประเทศใด ๆ ที่ได้ประกาศไว้ในเวทีระดับโลก และเป็นภัยต่อความมั่นคงของภูมิภาคและของโลก” การยอมรับพฤติกรรมเช่นนี้ เท่ากับเปิดช่องให้ความอยุติธรรมกลายเป็นบรรทัดฐานในระบบระหว่างประเทศ […]

ทบ. ประณาม “กัมพูชา” ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

29 ก.ค.- ทบ. ประณาม “กัมพูชา”ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ขณะที่ไทยยึดมั่นพันธกรณีฯ อย่างเคร่งครัด แต่จำเป็นต้องปกป้องตัวเองตอบโต้อย่างเหมาะสม ขยับเวลาถกผู้นำหน่วยทหารในพื้นที่เป็น 10 โมงเช้า วันที่ 29 กค.68 เวลา 7.30 น. พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของฝ่ายกัมพูชาว่าตามที่รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันในการยุติการสู้รบทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดบรรยากาศแห่งความสงบ ลดความตึงเครียด และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้านนั้น กองทัพบกขอเรียนว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างเคร่งครัด โดยได้ทำการหยุดยิง บริเวณพื้นที่แนวชายแดน ไทย-กัมพูชา ทันทีที่ถึงกำหนดเวลา ด้วยความตั้งใจจริง และยึดมั่นต่อพันธกรณีที่ได้ตกลงร่วมกันของรัฐบาลทั้งสองประเทศ แต่เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งเมื่อถึง กำหนดเวลาดังกล่าว ฝ่ายไทยยังคงตรวจพบว่าฝ่ายกัมพูชาได้มีการใช้อาวุธโจมตีเข้ามาในเขตแดนของประเทศไทยอยู่หลายจุด ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างจงใจ เจตนาทำลายระบบความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน กองทัพบกจึงขอประณามต่อการกระทำดังกล่าว ฝ่ายไทยจำเป็นจะต้องใช้มาตราการโต้กลับอย่างเหมาะสม ภายใต้สิทธิอันชอบธรรมในการป้องกันตนเอง ยืนยันฝ่ายไทยไม่ได้ใช้กำลังทหารเพื่อรุกราน แต่เพื่อป้องกันการรุกล้ำและรักษาอธิปไตยของชาติ ภายใต้กฎกติกาสากล พลตรีวินธัย ยังระบุว่า เบื้องต้น การพบปะผู้นำหน่วยทหารในพื้นที่ มีการขยับเวลา […]