กทม./ภูมิภาค 26 มี.ค. – สตช. ประสานทหารและตำรวจตั้งด่านตรวจ 7 จุด พื้นที่รอยต่อจังหวัดปริมณฑล เพื่อคัดกรองประชาชนเดินทางเข้าเมืองตามคำสั่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ส่วน จ.นนทบุรี มีการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตั้งด่านตรวจสกัด “โควิด-19” พร้อมเน้นย้ำเจ้าหน้าที่ให้แนะนำผู้ขับขี่เว้นระยะห่างในการนั่งในรถและใส่หน้ากากอนามัย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงถึงความจำเป็นที่ต้องใช้กฎหมายพิเศษ เพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยจะมีการรวมศูนย์มาที่นายกรัฐมนตรี เพื่อสั่งการทำงานหน่วยงานต่างๆ ให้เป็นเอกภาพ
นอกจากนี้ยังแบ่งการทำงานเป็น 5 ด้าน โดยนายกรัฐมนตรีจะเป็นประธาน และปลัดกระทรวงฯ ที่เกี่ยวข้องเป็นหัวหน้าการแก้ไขสถานการณ์ ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ด้านสาธารณสุข, ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นหัวหน้าด้านการสั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด-ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นหัวหน้าด้านการควบคุมสินค้าและเวชภัณฑ์, ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เป็นหัวหน้าด้านการต่างประเทศ และการคุ้มครองช่วยเหลือคนไทยในต่างประเทศ และผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นหัวหน้าด้านความมั่นคงการปราบปรามอาชญากรรมทุกประเภท การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ รวมทั้งมีทีมงานจากทุกภาคส่วนเป็นคณะที่ปรึกษา
สำหรับการทำงานทั้งหมดจะมีการประชุมร่วมกันทุกวัน เวลา 09.30 น. และนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้แถลงข่าวด้วยตัวตนเอง หรือบางครั้งอาจเป็นผู้ที่ได้รับมอบหมาย พร้อมกันนี้ขอความร่วมมือสื่อมวลชนนำเสนอข่าวอย่างรับผิดชอบ และสั่งให้มีการแถลงข่าวสถานการณ์ รวมถึงมาตรการต่างๆ วันละ 1 ครั้ง เพื่อลดความซ้ำซ้อน บิดเบือนข้อมูล และรับข้อมูลแหล่งเดียวเป็นประจำทุกวัน
สาระสำคัญและข้อปฏิบัติที่มีการประกาศใช้ระหว่างการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อาทิ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะประกาศใช้ถึงวันที่ 30 เมษายน ทั่วราชอาณาจักร มีการห้ามเข้าพื้นที่เสี่ยง หรือปิดสถานที่เสี่ยงต่างๆ ซึ่งได้ดำเนินการไปบ้างแล้วในบางส่วน การปิดช่องทางเข้าราชอาณาจักร มีข้อเสนอพึงปฏิบัติสำหรับผู้สูงวัย 70 ปีขึ้นไป ผู้ป่วย และเด็กที่ควรอยู่แต่ในบ้าน ยกเว้นจำเป็นต้องเดินทางไปพบแพทย์หรือติดต่อราชการ ห้ามกักตุนสินค้าหรือขึ้นราคาโดยไม่มีเหตุผล ห้ามการชุมนุมหรือรวมกลุ่ม ห้ามเสนอข่าวบิดเบือน งดหรือชะลอการเดินทางข้ามจังหวัดโดยไม่จำเป็น ให้อำนาจตำรวจตั้งจุดตรวจจุดสกัดผู้มีอาการติดเชื้อโควิด-19 ที่เดินทางข้ามเขตจังหวัด โดยมีทหารร่วมปฏิบัติการ ส่วนสถานที่ราชการ-รัฐวิสาหกิจเปิดตามปกติตามเวลาราชการ และกิจกรรมทางสังคม ทั้งงานแต่งงาน งานศพ พิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษ หรืออื่นๆ จัดได้ตามสมควร แต่ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค
ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงภายหลังประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ว่าการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่ผ่านมาเป็นการประกาศในกรณีความไม่สงบเรียบร้อยในประเทศ แต่ครั้งนี้นำมาใช้ในสถานการณ์ที่ต้องต่อสู้กับโรคระบาดร้ายแรงเป็นครั้งแรก แต่สามารถทำได้ นิยามของคำว่าสถานการณ์ฉุกเฉินในกฎหมายนั้น รวมไปถึงภัยสาธารณะ คือโรคภัยไข้เจ็บ พร้อมยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีการประกาศเคอร์ฟิว แต่หากมีเคอร์ฟิว จะเป็นการเคอร์ฟิว 24 ชั่วโมง เพราะหมายความว่ามาตรการที่วางไว้คุมโรคไม่อยู่ มีการระบาดเพิ่มเติม และเชื้อไวรัสไม่เลือกเวลาออก จึงต้องประกาศเคอร์ฟิวตลอดเวลา แต่ต้องมีข้อยกเว้นเรื่องออกไปหาอาหาร หรือทำกิจธุระจำเป็น
มีรายงานว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้หารือร่วมกับกรุงเทพฯ และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง กำหนดการตั้งจุดตรวจจุดสกัดพื้นที่รอยต่อของ กทม. โดยแบ่งเป็น 7 จุด ทั้งสะพานข้ามคลองประปา ถนนแจ้งวัฒนะ เขตรอยต่อจังหวัดนนทบุรี, ใต้ทางด่วนมหานคร ถนนสุวินทวงศ์ เขตรอยต่อจังหวัดฉะเชิงเทรา, ถนนคู่ขนานกาญจนาภิเษก ซอย 39 เขตรอยต่อจังหวัดสมุทรปราการ, หน้าปั๊มเอสโซ่ ใกล้สถานีรถไฟฟ้าแบริ่ง ถนนสุขุมวิท เขตรอยต่อจังหวัดสมุทรปราการ, หน้าศูนย์โตโยต้า ถนนราชพฤกษ์ เขตรอยต่อจังหวัดนนทบุรี, ใต้สะพานภูมิพล ถนนสุขสวัสดิ์ เขตรอยต่อจังหวัดสมุทรปราการ และหน้าปั๊ม ปตท. ซอยพระรามสอง 92 ถนนพระราม 2 เขตรอยต่อจังหวัดสมุทรปราการ
ทั้งนี้ กรุงเทพฯ จะเป็นแม่งานหลักในการตั้งด่าน มีตำรวจและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขคอยสนับสนุน จะมีการคัดกรองทั้งรถทั้งคน เพื่อตรวจสอบว่ามีอาการเข้าข่ายติดเชื้อโควิด-19 หรือไม่ พร้อมทั้งทำการซักถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเดินทาง เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ
ด้านนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ทำหนังสือด่วนถึงผู้ว่าราชการจังหวัด ให้จัดกำลังฝ่ายปกครองร่วมกับตำรวจและทหาร ตั้งจุดตรวจจุดสกัดหลังเที่ยงคืนที่ผ่านมา เพื่อคุมเข้มการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยด่านตรวจหรือจุดสกัดบนท้องถนนจะดูแลการเดินทางข้ามจังหวัดของประชาชน เพื่อจัดระเบียบการเดินทาง การจราจร รวมถึงเฝ้าระวังหรือสังเกตผู้เดินทางและพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดโรคโควิด
ส่วนบรรยากาศตั้งด่านตรวจเมื่อคืนที่ผ่านมา บริเวณหน้าปั๊ม ปตท. ถนน 345 ต.คลองข่อย อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ได้มีการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตั้งด่านเมื่อ 00.01 น.ที่ผ่านมา จุดประสงค์เพื่อเฝ้าระวังอาการของผู้เดินทาง และเน้นย้ำเจ้าหน้าที่ทุกนายให้แนะนำผู้ขับขี่ให้เว้นระยะห่างในการนั่งในรถ การใส่หน้ากากอนามัย และให้ประชาชนใช้เจลล้างมือเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ถ้าไม่จำเป็นอย่าเดินทางออกต่างจังหวัด เเละขอให้งดกิจกรรมต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่กระจาย
ที่อุบลราชธานี มีการตั้งด่านตรวจ 3 จุด รอยต่อของอำเภอเมือง โดยนายสฤษดิ์ วิฑูรย์ ผู้ว่าราชการจังหวัด ลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์เป็นคืนแรก เน้นเส้นทางเข้า-ออกของจังหวัด ได้แก่ อำนาจเจริญ ยโสธร และศรีสะเกษ เพื่อตรวจสอบบุคคลที่เข้ามาในพื้นที่ให้รับทราบข้อกำหนด หรือการปฏิบัตตนในการป้องกันโควิด-19 รวมถึงตรวจวัดอุณหภูมิ และลงทะเบียนเข้าพื้นที่ เพื่อส่งต่อข้อมูลบุคคลเป้าหมายให้กับสาธารณสุขที่จะต้องเข้าไปดูแลและติดตามในพื้นที่ชุมชน.-สำนักข่าวไทย