กทม.ร่วมมือธุรกิจจัดส่งอาหาร คุมโควิด-19 แพร่

กทม.24 มี.ค.-กทม.วางแนวทางร่วมกลุ่มธุรกิจเดลิเวอรี่ ป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 “พนักงานขนส่งใส่หน้ากากอนามัย-หมั่นตรวจวัดไข้-เป็นไปได้รับชำระเงินระบบ e-payment หมั่นทำความสะอาดกล่องใส่อาหารที่ติดตั้งท้ายรถจักรยานยนต์”



พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมหารือเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการของผู้ประกอบธุรกิจจัดส่งอาหาร (delivery)ในสภาวการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยมีคณะผู้บริหาร กทม.ร่วมด้วยหลายหน่วยที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข บริษัท สกู้ตตาร์ ปิยอนด์ จำกัด (SKOOTAR) บริษัท แฮปปี้เฟรช (ประเทศไทย) จำกัด (HAPPY FRESH) บริษัท แกร็บ (ประเทศไทย) จำกัด (GRAB FOOD) บริษัท เวล็อคช์ ดิจิตอล จำกัด (แอพพลิเคชั่น GET) บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด บริษัท ไลน์ คอมพานี (ประเทศไทย) จำกัด (LineMan) บริษัท ลาลามูฟอีซี่แวน (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท FOOD PANDA จำกัด บริษัท เอสแอนด์พี ซินดิเคท จำกัด บริษัท แมคไทย จำกัด (แมคโดนัล) บริษัท พิชซ่าฮัท ประเทศไทย จำกัด 


รองผู้ว่าฯกทม.กล่าวว่า ด้วยสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครมีการแพร่ระบาดมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง กทม.จึงได้ออกประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราวไปแล้ว 3 ฉบับ โดยสั่งปิดสถานที่รวม 26 ประเภท เพื่อควบคุมสถานการณ์ ซึ่งมีผลเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจจัดส่งอาหาร (delivery) ใน 4 ข้อแรก ประกอบด้วย 

1.ปิดร้านอาหาร รวมถึงร้านอาหารที่อยู่ในคูหา รถเข็นและแผงลอยจำหน่ายอาหาร ให้เปิดเฉพาะการจำหน่ายอาหารเพื่อนำกลับไปบริโภคที่อื่น ส่วนร้านอาหารในโรงแรมให้บริการเฉพาะผู้ที่พักอาศัยในโรงแรม หรือจำหน่ายอาหารเพื่อนำกลับไปบริโภคที่อื่น  ยกเว้นร้านอาหารที่ตั้งอยู่ในบริเวณสนามบิน 


2.ปิดห้างสรรพสินค้า รวมถึงศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ยกเว้น ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายยา หรือสินค้าเบ็ดเตล็ดที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ส่วนร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า หรือคอมมูนิตี้มอลล์ ให้เปิดจำหน่ายอาหารเฉพาะเพื่อการนำกลับไปบริโภคที่อื่น ทั้งนี้การปิดห้างสรรพสินค้า รวมถึงศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ไม่รวมถึงพื้นที่ตั้งของธนาคาร  

3. ปิดบริการพื้นที่นั่งหรือยืนรับประทานอาหารในร้านสะดวกซื้อ 

4. ปิดตลาดและตลาดนัด เปิดเฉพาะการจำหน่ายอาหารสด อาหารแห้ง อาหารปรุงสำเร็จ เพื่อนำกลับไปบริโภคที่อื่น อาหารสัตว์ ร้านขายยา และสินค้าเบ็ดเตล็ดที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ซึ่งได้ประชาสัมพันธ์เผยแพร่ให้ประชาชนรับทราบไปแล้ว 

จึงได้เชิญผู้ประกอบธุรกิจจัดส่งอาหารร่วมหารือแนวทางการปฏิบัติด้านสุขอนามัยสำหรับให้บริการอาหารในรูปแบบเดลิเวอรี่(Delivery) ในสถานการณ์ปัจจุบัน ทั้งในส่วนผู้ประกอบการที่จัดบริการอาหารในรูปแบบเดลิเวอรี่ ร้านอาหารที่ให้บริการอาหารในรูปแบบเดลิเวอรี่ และพนักงานขนส่งอาหารเดลิเวอรี่ ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัย ป้องกันการแพร่ระบาดของโรค  ตลอดจนแนวทางการลดค่าบริการของผู้ประกอบธุรกิจเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งผู้แทนผู้ประกอบธุรกิจได้รับไปเสนอต่อผู้บริหาร ซึ่ง กทม.พร้อมสนับสนุนการสอนทำหน้ากากอนามัยแบบผ้าให้ แก่ผู้ประกอบการในกรณีที่พนักงานขนส่งไม่สามารถหาซื้อหน้ากากอนามัยแบบ Surgical Mask ไม่ได้ 

นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าฯกทม.กล่าวว่า ในสถานการณ์ปกติประชาชนนิยมสั่งอาหารในรูปแบบเดลิเวอรี่เป็นจำนวนมากอยู่แล้วสำหรับในสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 เช่นนี้  ประชาชนจะสั่งอาหารในรูปแบบเดลิเวอรี่มากยิ่งขึ้น จึงรู้สึกมีความห่วงใยเนื่องจากพนักงานขนส่งของแต่ละบริษัทมีจำนวนมากและรูปแบบการป้องกันความเสี่ยงของแต่ละบริษัทก็ต่างกัน หากมีการปนเปื้อนเชื้อจะทำให้การแพร่ระบาดรุนแรงยิ่งขึ้น 

ทั้งนี้ หากทุกบริษัทมีข้อตกลงร่วมมือกันป้องกันความเสี่ยงเป็นไปในทิศทางเดียวกันจะสามารถสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนและภาครัฐ  ซึ่งจะส่งผลดีให้แก่ภาพลักษณ์ผู้ประกอบการด้วย อาทิ พนักงานขนส่งทุกคนควรใส่หน้ากากอนามัย หากหาแบบ Surgical ไม่ได้ ให้ใช้หน้ากากอนามัยผ้าทดแทน เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค ผู้ประกอบการควรหมั่นตรวจวัดไข้พนักงานขนส่งโดยควรตรวจวัดไข้ทุกวันก่อนออกให้บริการ 

สำหรับบางบริษัทที่พนักงานขนส่งไม่ได้เข้ามาที่บริษัท ให้บริษัทหาจุด check in สำหรับการตรวจวัดไข้  หากเป็นไปได้ควรรับชำระเงินให้ใช้ระบบ e-payment เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากการสัมผัสธนบัตรและเหรียญ  ในด้านเทคโนโลยีระบบติดตามตัว(tracking) ก็นับว่ามีความสำคัญ หากมีการติดเชื้อจะสามารถติดตามได้ว่าพนักงานขนส่งเดินทางไปพบหรือสัมผัสใครบ้าง 

ส่วนกล่องสำหรับใส่อาหารที่ติดตั้งท้ายรถจักรยานยนต์ควรหมั่นทำความสะอาดทุกครั้งที่มีการส่งสินค้า เพื่อกำจัดเชื้อโรคอันเป็นการลดการแพร่ระบาดของโรคด้วย ซึ่ง กทม.อยากให้กลุ่มผู้ประกอบการได้หารือร่วมกันและดำเนินการให้ครบถ้วน รวมทั้งต่อยอดการดำเนินการป้องกันการระบาดของโรค ในอนาคตหากทุกคนละเลยจนเกิดการระบาดของโรคจนถึงระดับที่ต้องประกาศปิดเมือง หรือ Lock Down ทุกบริษัทย่อมได้รับผลกระทบหรืออาจต้องปิดกิจการ .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ทูน” แจ้งความถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะซื้อของย่านคลองถม

สน.พลับพลาไชย1 11 มิ.ย.- “ทูน หิรัญทรัพย์” อดีตนักแสดงรุ่นใหญ่ แจ้งความ สน.พลับพลาไชย 1 ถูกวัยรุ่นทำร้าย ขณะเดินซื้อของย่านคลองถม อีกฝ่ายอ้างป้องกันตัว นายทูน หิรัญทรัพย์ หรือ นายสพัชญ์นนทน์ อายุ 69 ปี อดีตดารานักแสดงรุ่นใหญ่ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.พลับพลาไชย 1 กรณีถูกวัยรุ่น 2 คน รุมทำร้ายร่างกาย ได้รับบาดเจ็บ ขณะไปเดินซื้อของในซอยข้างคลองถมพลาซ่า เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ที่ผ่านมา นายทูน เล่าเหตุการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองและครอบครัวได้ไปเดินหาซื้อไฟในย่านคลองถม ระหว่างนั้นก็มีผู้คนมาทักทายเพราะเห็นว่าตัวเองเป็นดารา แต่มีวัยรุ่นคนหนึ่งพูดจาไม่น่าฟังบอกว่าดาราอะไรเคยไม่รู้จัก จึงตักเตือนในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ ว่า จะพูดจาอะไรก็ต้องให้เกียรติคนอื่นโดยเฉพาะคนที่อาวุโสกว่า จนเกิดมีปากเสียงกัน จากนั้นวัยรุ่นดังกล่าวก็ชกเข้าที่เบ้าตาขวา ซึ่งเป็นตาข้างที่บอดอยู่ จึงไม่เห็นหมัด ก่อนจะมีตำรวจเข้ามาระงับเหตุ แต่วัยรุ่นคู่กรณีก็ยังทำท่าไม่พอใจฮึดฮัดใส่อยู่ ก่อนจะถูกควบคุมตัวไปที่ สน.พลับพลาไชย ซึ่งตัวเองก็ได้เดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีด้วยเช่นกัน นายทูน กล่าวว่า ตลอดชีวิตที่เป็นนักแสดงนั้นเคยแต่เจอผู้คนเข้ามาทักทาย ขอถ่ายรูป ด้วยความมีมิตรไมตรี […]

พายุ “หวู่ติบ” ไม่เข้าไทย แต่เสริมมรสุม ฝนเพิ่ม คลื่นแรง เตือนระวังน้ำหลาก

กรุงเทพฯ 12 มิ.ย.-ไทยมีฝนตกเพิ่ม โดยพายุ​ “หวู่ติบ” จะส่งอิทธิพลให้ร่องมรสุมพาดผ่านและลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น กรมอุตุฯ เตือนประชาชนเฝ้าระวังภัยน้ำหลากและคลื่นลมแรงอย่างใกล้ชิด นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ช่วงวันที่ 12–13 มิถุนายน 2568 ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งอันดามัน ได้แก่ ระนอง พังงา จันทบุรี และตราด ซึ่งได้รับอิทธิพลจากร่องมรสุมที่พาดผ่านตอนบนของประเทศ และลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรง กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศแจ้ง​เตือน​ว่า พายุโซนร้อน “หวู่ติบ” บริเวณทะเลอันดามันตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ห่างจากเกาะไหหลำของจีนไปทางตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 160 กิโลเมตร มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนตัวทางตะวันตกเฉียงเหนือ คาดว่า​ จะขึ้นฝั่งประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 13-14 มิ.ย.68 และจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ แม้ศูนย์กลางพายุจะไม่เข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่พายุนี้เป็นอีกปัจจัยที่เสริมให้ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรงขึ้น ส่งผลให้หลายพื้นที่มีฝนตกหนัก คลื่นลมในทะเลอันดามันตอนบนสูง 2–3 เมตร และในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองอาจสูงมากกว่า 3 […]

ผลแล็บพบข้าวมันไก่ติดเชื้อ ทำครู-นร.ท้องเสีย 23 คน

ปราจีนบุรี 12 มิ.ย. – แม่ค้ามือเป็นแผล! ครู-นักเรียน กินข้าวมันไก่ ท้องเสียยกชั้น หามส่ง รพ. แพทย์ชี้ชัดผลแล็บ พบเชื้อสตาฟิโลคอคคัส ออเรียส ต้นเหตุทำอาหารเป็นพิษ จากกรณีที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมือง จ.ปราจีนบุรี ต้องระดมทั้งรถตู้โรงเรียน และรถฉุกเฉิน เร่งนำตัวนักเรียนและคุณครู ส่งโรงพยาบาล จำนวน 23 คน หลังทุกคนกินข้าวมันไก่ในช่วงพักกลางวัน พอตกบ่ายก็มีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ และอาเจียน บางรายเป็นไข้หนาวสั่น คาดสาเหตุมาจากอาหารเป็นพิษ ผู้ป่วยถูกนำตัวส่งรักษาอาการที่ห้องผู้ป่วยฉุกเฉิน รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร รวม 16 คน (นักเรียน 15 คน ครู 1 คน) เบื้องต้น แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วบางส่วนเหลือคุณครูที่ต้องดูอาการเนื่องจากมีอาการช็อก ส่วนนักเรียน ยังคงต้องดูอาการอีก 9 คน ซึ่งคาดว่าแพทย์น่าจะอนุญาตให้กลับบ้านได้ภายในวันนี้ ส่วนที่ รพ.ค่ายจักรพงษ์ มีจำนวน 7 คน (เป็นนักเรียนทั้งหมด) เบื้องต้น […]

หลุดภาพ​ “ชาดา-สันติ-​นายกด๊อยซ์” สะพัดขน 6 สส. ​ซบ ​“ภท.”

กทม. 11​ มิ.ย. – “ชาดา-สันติ-นายกด๊อยซ์” ร่วมวงกินข้าว หลังสะพัดขน “6 สส.มะขามหวาน” เด็กลุงป้อม ย้ายซบ “ภูมิใจไทย” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า​ ภายหลัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) มีคำสั่งเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.68 แต่งตั้ง นางจิตรา หมีทอง ซึ่งเป็นทีมงานนายสันติ พร้อมพัฒน์ แกนนำ 6 สส. เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ เป็นคณะที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และ รมว.มหาดไทย ล่าสุดช่วงเย็น วันที่ 11 มิ.ย. ได้ปรากฏภาพนายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี แกนนำพรรคภูมิใจไทย ได้รับประทานอาหารเย็น ร่วมกับ นายสันติ และ นายอัครเดช ทองใจสด นายก อบจ.เพชรบูรณ์ ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง […]

ข่าวแนะนำ

ทหารชายแดนสระแก้วซ้อมรบพร้อมปกป้องอธิปไตยชาติ

สระแก้ว 12 มิ.ย. – ทหารชายแดนสระแก้วซ้อมรบด้วยกระสุนจริง พร้อมปกป้องอธิปไตยชาติ หากมีคำสั่งจากหน่วยเหนือ พร้อมปฏิบัติหน้าที่ได้ทันที กองกำลังบูรพา พร้อมด้วยกองกำลังเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 12 (ฉก.ร.12) กองพันที่ 2 ได้ทำการจัดการฝึกยิงอาวุธประจำกายของกำลังพล ด้วยกระสุนจริง บริเวณพื้นที่เขาอีด่าง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เพื่อยกระดับความชำนาญในการใช้อาวุธประจำกายของแต่ละบุคคลตามตำแหน่งหน้าที่ พร้อมเสริมสร้างความมั่นใจในการปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ชายแดน ถือเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมความพร้อมในการปกป้องดินแดนอธิปไตยของชาติ และการรับมือกับทุกสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดน โดยเน้นการเพิ่มทักษะและความแม่นยำในการใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ที่ประจำอยู่กับแต่ละกำลังพล หากมีคำสั่งจากหน่วยเหนือก็พร้อมปฏิบัติหน้าที่ได้ในทันทีทุกเวลาเพื่อความสงบสุขของประชาชนคนไทย.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ เรียกถกด่วน หลังพบการรุกป่าพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา

บ้านพิษณุโลก 12 มิ.ย.-นายกฯ เรียกปลัด ก.ทรัพย์ฯ – เสนาธิการทหารบก ประชุมด่วน หลังลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ แม่ทัพภาค 2 รายงานพบการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน-พื้นที่อุทยาน เป็นปัญหาตรวจสอบพื้นที่ตามแนวชายแดน เร่งเพิ่มเส้นทางตรวจการณ์อำนวยความสะดวกเจ้าหน้าที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ภายหลังเรียกประชุมด่วนเมื่อช่วงเช้า กับนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, พล.อ.ธงชัย รอดย้อย เสนาธิการทหารบก และหัวหน้าเขตอุทยาน 5 เขตแนวชายแดน ว่า เมื่อวานนี้ (11 มิ.ย.) ที่ดิฉันและคณะได้ลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ท่านแม่ทัพภาคที่2 ได้รายงานอีกเรื่องที่สำคัญค่ะ คือการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนและพื้นที่อุทยาน ซึ่งปัจจุบันมีปัญหาเรื่องการเข้าไปตรวจสอบในพื้นที่เนื่องจากเป็นพื้นที่ตามแนวชายแดน และไม่มีเส้นทางทำให้การปฏิบัติงานเป็นได้ด้วยความยากลำบากและล่าช้า วันนี้ดิฉันจึงขอประชุมด่วน โดยมีท่านปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ หัวหน้าเขตอุทยานทั้ง 5 เขตแนวชายแดน และเสนาธิการทหารบกร่วมพูดคุยกัน แผนงานที่ต้องเร่งดำเนินการ คือ การเพิ่มเส้นทางในการตรวจการณ์พื้นที่อุทยาน การป้องกันการตัดไม้ทำลายป่า และการรักษาทรัพยากรธรรมชาติบริเวณชายแดนให้อยู่ในสภาพดี เพียงพอสำหรับการอำนวยความสะดวก และลดระยะเวลาเดินทางให้กับเจ้าหน้าที่ รวมถึงแผนเร่งพัฒนาระบบการสื่อสารและไฟฟ้าให้มีความเสถียร เพื่อให้การประสานงานกันระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ได้สะดวกยิ่งขึ้น การปฏิบัติงานตามแนวชายแดนมีหลายสิ่งที่ต้องเร่งจัดการ […]

หนุ่มออสเตรียชักเกร็งหมดสติ หามส่ง รพ. เจอยาบ้าเต็มท้อง

กทม. 12 มิ.ย. – หนุ่มออสเตรีย ปวดท้อง ถูกส่งตัวจากสนามบินดอนเมืองไปโรงพยาบาลรักษาตัว ขณะรักษาเจอยาบ้า 255 เม็ด หลุดออกมาจากลำไส้ คาดกลืนยาเสพติดเข้าไปแล้วถุงยาแตก ทำให้ปวดท้องหนัก เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วง 01.00 น. ที่ผ่านมา ตำรวจหัวหมากได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งย่านสวนหลวง ว่าได้รับตัวชายชาวต่างชาติมาจากสนามบินดอนเมือง เนื่องจากชายคนดังกล่าวมีอาการชักเกร็ง เมื่อถึงโรงพยาบาลประเมินอาการก่อนการรักษา แพทย์พบมีน้ำสีชมพูออกมาทางทวารของผู้ป่วย จึงทำการ CT SCAN พบวัตถุก้อนกลมๆ จำนวนหนึ่ง อยู่ภายในท้อง และวัตถุดังกล่าวจำนวน 1 ก้อน ได้หลุดออกมาจากทวาร มีลักษณะคล้ายห่อสิ่งเสพติด แพทย์จึงแจ้งตำรวจตรวจสอบ ผลปรากฏว่า ห่อดังกล่าวบรรจุยาบ้าชนิดกลม-แบน สีแดง มีตัวอักษร WY ปั๊มอยู่ เมื่อนับจำนวนพบมีทั้งหมด 255 เม็ด ไม่นับรวมที่เหลืออยู่ในท้องของผู้ป่วยซึ่งไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัด ส่วนผู้ป่วย ตรวจสอบแล้ว ชื่อว่า นายกานท์เนอร์ อายุ 43 ปี สัญชาติออสเตรีย ขณะทำการตรวจยึดผู้ป่วยไม่ได้สติ รอการผ่าตัด ทำให้คาดว่าผู้ป่วยกลืนถุงยาบ้า […]

จากด่านสู่ดุลอำนาจ

จากด่านสู่ดุลอำนาจ : ไทย-กัมพูชา กับบทบาทใหม่ของเศรษฐกิจ

ใครพึ่งใคร? – วิเคราะห์แรงกดดันเศรษฐกิจชายแดนต่อกัมพูชา หลังไทยจำกัดการข้ามแดน กรณีพิพาทบริเวณช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี แม้เคยเกิดเหตุปะทะเล็กน้อยระหว่างทหารของทั้งสองฝ่าย แต่ในเวลาต่อมา กัมพูชาตัดสินใจถอยกำลังออกจากพื้นที่ โดยไม่มีการยกระดับความขัดแย้ง กลายเป็นกรณีศึกษาสำคัญของ “ความมั่นคงยุคใหม่” ที่ไม่จำเป็นต้องใช้อาวุธเป็นตัวตัดสิน หากแต่เกิดจากแรงกดดันทางเศรษฐกิจที่ไทยเลือกใช้ แทนการเผชิญหน้าด้วยแสนยานุภาพ ผ่าน “มาตรการจำกัดการข้ามแดน” ที่บีบช่องทางการเคลื่อนย้ายคน สินค้า และระบบโลจิสติกส์ โดยเฉพาะที่ด่านอรัญประเทศ – จุดยุทธศาสตร์ซึ่งถือเป็นหัวใจของการค้าชายแดนไทย–กัมพูชา จุดเปลี่ยน : เมื่อเศรษฐกิจกลายเป็นเครื่องมือของความมั่นคงไทยเลือกใช้ “แรงบีบเชิงเศรษฐกิจโดยสันติวิธี” เป็นกลยุทธ์กดดันคู่ขนานกับการเจรจา ผ่านมาตรการสำคัญ ได้แก่ : ไทยยังส่งสัญญาณชัดว่า พร้อมจะยกระดับมาตรการเหล่านี้ หากสถานการณ์ตามแนวชายแดนยังตึงเครียด มาตรการซึ่งสำหรับกัมพูชาแล้ว เปรียบเสมือนกดทับ “เส้นเลือดใหญ่ทางเศรษฐกิจ” ของฝั่งตะวันตกที่ต้องพึ่งพาการค้าข้ามแดนจากไทยเป็นหลัก ไทย : ผู้ถือ “กุญแจด่าน” และพลังการค้าข้ามพรมแดนข้อได้เปรียบของไทยยิ่งชัดเจน เมื่อพิจารณาจากตัวเลขการค้าข้อมูลจากกรมการค้าต่างประเทศ (เมษายน 2568) ระบุว่า การค้าชายแดนไทย-กัมพูชามีมูลค่ารวม 64,612 ล้านบาท ในช่วง 4 เดือนแรกของปี เพิ่มขึ้น […]