เชียงใหม่ 23 มี.ค. – การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 มีผลกระทบต่อชีวิตและธุรกิจน้อยใหญ่มากมาย รวมถึง “เชียงใหม่ ซู อควาเรียม” พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำบนดอยแห่งเดียวในโลก ซึ่งลงทุนกว่า 600 ล้านบาท ผู้บริหารวอนให้รัฐช่วยอุ้มชีวิตฉลามบนยอดดอย รวมทั้งสัตว์ทะเลและสัตว์น้ำจืดขนาดใหญ่กว่า 20,000 ตัว หลังแบกรับต้นทุนไม่ไหว จ่อปิดกิจการที่ทำมา 12 ปี
เชียงใหม่ ซู อควาเรียม พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดใหญ่บนดอยแห่งเดียวในโลก และครบวงจรที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งอยู่ในสวนสัตว์เชียงใหม่ วันนี้มีสภาพไม่ต่างกับอควาเรียมร้าง อุโมงค์น้ำเค็มและน้ำจืด ซึ่งยาวที่สุดแห่งหนึ่งของโลก กว่า 130 เมตร ฝูงปลาน้อยใหญ่ว่ายกันไปมาเหมือนทุกวัน ต่างกันที่วันนี้ไม่มีนักท่องเที่ยวแม้แต่คนเดียว หลังสวนสัตว์ทั่วประเทศปิด 14 วัน สกัดโควิด-19 ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 66 ปี นับแต่การก่อตั้งองค์การสวนสัตว์ฯ แต่สำหรับ เชียงใหม่ ซู อควาเรียม ซึ่งเอกชนลงทุนร่วมกับองค์การสวนสัตว์ฯ ด้วยมูลค่ากว่า 600 ล้านบาท อาจจะต้องปิดดำเนินการไปตลอด
ผู้บริหารเชียงใหม่ ซู อควาเรียม ยอมรับ 12 ปีที่ผ่านมา แม้จะขาดทุนสะสมกว่า 200 ล้านบาท ผ่านวิกฤติมาหลายครั้ง ยังประคองธุรกิจได้ แต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบรุนแรง และไม่รู้จะจบเมื่อไร แต่ต้องแบกภาระทั้งพนักงานเกือบ 70 คน ค่าไฟฟ้า ค่าอาหารปลา เดือนละเกือบ 3 ล้านบาท
ฝูงฉลามหูดำ ซึ่งได้ชื่อว่า ฉลามแห่งยอดดอย พระเอกของที่นี่ รวมทั้งปลาหมอทะเลยักษ์ กระเบน เต่าทะเล และปลาขนาดใหญ่หายาก ทั้งน้ำจืด น้ำเค็ม กว่า 20,000 ตัว รวมมูลค่าไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาท เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้บริหารที่นี่ตัดสินใจยากที่สุด หากต้องปิดอควาเรียม แต่ยอมรับยื้อชีวิตสัตว์น้ำเหล่านี้ได้อีกแค่เดือนเดียว
ผู้บริหารเชียงใหม่ ซู อควาเรียม วอนให้รัฐ ซึ่งเป็นผู้ร่วมทุน เข้ามาช่วยเหลือในการดูแลสัตว์น้ำเหล่านี้ ซึ่งไม่ใช่แง่ธุรกิจอย่างเดียว แต่ยังเป็นการรักษาแหล่งเรียนรู้ใต้น้ำที่ประเมินค่าไม่ได้ ซึ่งทั้งค่าระบบและอาหาร ใช้ราวเดือนละ 1 ล้านบาท จนกว่าวิกฤติโควิด-19 จะคลี่คลายและเปิดได้ใหม่ แต่หากไม่มีการตอบรับ คงต้องตัดสินใจปิดไป. – สำนักข่าวไทย