กทม. 22 มี.ค. – การใช้น้ำยาฆ่าเชื้อชนิดต่างๆ เพื่อลดความเสี่ยงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ต้องเลือกให้เหมาะสมกับพื้นผิว สถานที่ รวมทั้งตัวบุคคลด้วย ที่สำคัญต้องเลือกวิธีใช้ให้เหมาะสม ที่มีทั้งการฉีด การพ่น การเช็ด เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด วิธีไหนเหมาะกับอะไร ติดตามจากรายงาน
การฉีดพ่นละอองฝอย หรือสารเคมีแอลกอฮอล์ในอาคาร สถานประกอบการ หรือสถานที่สาธารณะ กำลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19
อธิบดีกรมอนามัยให้ข้อมูลว่า การฉีดพ่นมักทำในพื้นที่มีการระบาดหรือมีผู้ติดเชื้อ ต้องมีวิธีฉีดที่ช่วยลดการฟุ้งกระจายของละอองฝอย โดยจะฉีดค่อนไปในทางแนวนอน ต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการอบรม มีอุปกรณ์ป้องกันตนเอง หลังฉีดพ่นต้องมีการเช็ดทำความสะอาดเสมอ
การเช็ดทำความสะอาดพื้นผิวต่างๆ ควรทำอย่างน้อยทุก 2 ชั่วโมง แต่หากเป็นจุดที่มีการสัมผัสบ่อยขึ้น เช่น อุปกรณ์สำนักงาน มือจับประตู หรือห้องน้ำ อาจต้องเพิ่มความถี่ ไม่ควรฉีดละอองฝอยใส่พื้นผิวโดยตรง แต่ให้ฉีดใส่ผ้าก่อนใช้ผ้าเช็ดไปที่พื้นผิว
การทำความสะอาดภายในบ้านเรือนหรือภายในอาคารสำนักงาน แนะนำว่าควรใช้วิธีเช็ดมากกว่าการฉีดพ่น ซึ่งจะมีรอบการปิดเครื่องปรับอากาศ และเปิดประตูหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท ก่อนเตรียมพร้อมใช้สถานที่ในวันต่อๆ ไป
มีคำแนะนำจากกรมควบคุมโรค เกี่ยวกับสารเคมีที่ใช้ทำความสะอาดให้เหมาะกับพื้นผิว เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 โดยแอลกอฮอล์ 70% เหมาะสำหรับพื้นผิวโลหะ ซักฟอกผสมน้ำร้อน 70 องศาเซลเซียส เหมาะสำหรับผ้า น้ำยาฟอกขาว หรือสารโซเดียมไฮโปคลอไรด์ 1 ส่วน ต่อน้ำ 10 ส่วน เหมาะสำหรับพื้นผิวที่มีละอองเสมหะ น้ำมูก น้ำลาย และไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (3% H202) 1 ส่วน ต่อน้ำ 5 ส่วน แต่ต้องระวังการกัดกร่อนพื้นผิว และการสัมผัสของร่างกาย
มีข้อสงสัยอีกว่า นอกจากการล้างมือแล้ว การฉีดพ่นใส่ตัวคนจะช่วยป้องกันได้หรือไม่ เพราะ เชื้ออาจติดอยู่ตามเสื้อผ้าหรือเส้นผม อธิบดีกรมอนามัยให้ข้อมูลว่า การระบาดของไทยยังอยู่ในวงจำกัด ช่องทางที่เชื้อจะเข้าสู่ร่างกายยังมาจากมือเป็นส่วนใหญ่ การฉีดพ่นที่ร่างกายมีประโยชน์น้อย
ที่สำคัญ สารเคมีบางชนิดไม่แนะนำให้ใช้กับผิวสัมผัสร่างกาย เนื่องจากอาจเกิดอันตรายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเข้าดวงตา และการซักเสื้อผ้าด้วยผงซักฟอก ชำระล้างร่างกายด้วยสบู่ แชมพู ก็เป็นการป้องกันแล้ว. – สำนักข่าวไทย