ปลุกสังคมตระหนักปัญหาความรุนแรงในครอบครัว ผ่านคลิปวิดีโอ”การต่อสู้รายวัน”

กรุงเทพฯ17มี.ค..- มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล  ชวนสังคมมีส่วนร่วมพบเห็นแจ้งเบาะแส ไม่นิ่งเฉย   จัดทำคลิปวิดีโอรณรงค์ชุด“การต่อสู้รายวัน” เพื่อปลุกกระแสต่อสาธารณชนได้ตระหนักถึงปัญหาความรุนแรงในครอบครัวผ่านการต่อสู้บนเวทีมวย 


นางสาวอังคณา  อินทสา หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล เปิดเผยว่า มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)  รณรงค์เนื่องในวันสตรีสากล มาอย่างต่อเนื่อง และในปีนี้ ได้จัดทำคลิปวิดีโอรณรงค์ชุด“การต่อสู้รายวัน” เพื่อปลุกกระแสต่อสาธารณชนได้ตระหนักถึงปัญหาความรุนแรงในครอบครัวผ่านการต่อสู้บนเวทีมวย อีกทั้งต้องการสื่อสารให้เข้าใจว่าความรุนแรงในครอบครัวเป็นสิ่งที่สังคมไม่ยอมรับ ไม่ใช่เรื่องปกติ และไม่ใช่เรื่องส่วนตัว  

นางสาวอังคณา  กล่าวว่า ปัญหาความรุนแรงในครอบครัวส่วนใหญ่มาจากสาเหตุความเชื่อ ทัศนคติ อารมณ์ การเลียนแบบพฤติกรรมที่ผิด รวมถึงความไม่เข้มแข็งของกฎหมายที่ไม่สามารถเอาผิดกับผู้กระทำความรุนแรงในครอบครัวได้หากเป็นการทะเลาะวิวาทกันในครอบครัว และสังคมส่วนใหญ่มองว่าปัญหาความรุนแรงในครอบครัวเป็นเรื่องปกติ ดังนั้นสังคมควรตระหนัก ปรับเปลี่ยนทัศนคติเมื่อพบเห็นเหตุการณ์ความรุนแรงในครอบครัว หากเราเข้าไปช่วยเหลือหรือแจ้งเจ้าหน้าที่ เช่น ศูนย์ช่วยเหลือสังคม1300 หรือเจ้าหน้าที่เพื่อเข้าไประงับเหตุในเบื้องต้น ปัญหาจะลดลง


สำหรับสถานการณ์การใช้ความรุนแรงในครอบครัวมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น สถิติมีผู้หญิงและเด็กถูกทำร้ายเฉลี่ย5คนต่อวัน และยังพบด้วยว่า ผู้ที่พบเห็นเหตุความรุนแรง เลือกที่จะนิ่งเฉยไม่เข้าไปช่วยเหลือ ทั้งนี้จากสถิติปัญหาความรุนแรงต่อเด็ก สตรีและครอบครัว ที่มูลนิธิฯสำรวจ พบว่า สถิติข่าวความรุนแรงในครอบครัวจากหน้าหนังสือพิมพ์ 11 ฉบับ ช่วงเดือน ม.ค. – ก.ค.ปี 2561 พบว่า เกิดข่าวความรุนแรงในครอบครัวสูงถึง 367 ข่าว เป็นข่าวฆ่ากันตาย 242 ข่าว คิดเป็นร้อยละ 65.9 รองลงมา เป็นข่าวทำร้ายร่างกาย 84 ข่าว คิดเป็นร้อยละ 22.9 และข่าวฆ่าตัวตาย 41 ข่าว คิดเป็นร้อยละ 11.2 และเมื่อเปรียบเทียบข่าวฆ่ากันตายย้อนหลัง 3 ปี จะเห็นว่าปี 61 สถิติสูงสุดกว่าทุกปี โดยปี 2555 มีข่าวร้อยละ 59.1 ปี 2557 มีข่าวร้อยละ 62.5 และ ปี 2559 มีข่าวร้อยละ 48.5 และยังพบด้วยว่าร้อยละ 94.9 ของผู้ที่พบเห็นเหตุความรุนแรงเลือกที่จะนิ่งเฉย ไม่เข้าไปช่วยเหลือ 

 “ความรุนแรงที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่า 1. ผู้กระทำความรุนแรงส่วนใหญ่เป็นผู้ชายยังมีวิธีคิดและทัศนคติแบบชายเป็นใหญ่ แสดงออกผ่านพฤติกรรมความหึงหวง บันดาลโทสะ 2.การผลิตซ้ำวาทกรรม “ชายเป็นใหญ่” ทั้งปรากฏอย่างชัดเจนและแฝงเร้น เช่น เรื่องครอบครัวเป็นเรื่องส่วนตัว เป็นเรื่องลิ้นกับฟัน อย่าแกว่งเท้า หาเสี้ยน เมื่อเขาดีกันเราก็กลายเป็นหมา เป็นต้น ส่งผลให้คนในสังคมไม่อยากเข้าไปช่วยเหลือ และไม่กล้าเข้าไปแก้ปัญหาทำให้ทวีความรุนแรงมากขึ้น

ทั้งนี้ ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ.2550 มาตรา 4 กำหนดให้ผู้กระทำผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานทำร้ายร่างกาย”นางสาวอังคณากล่าว.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

กระบะชนต้นไม้

สังเวย 7 ศพ กระบะหักหลบรถรับ-ส่งนักเรียน พุ่งชนต้นไม้

รถกระบะเสียหลักจะชนรถตู้รับ-ส่งนักเรียน คนขับตัดสินใจหักหลบ ทำให้รถพุ่งชนต้นไม้ เสียชีวิต 7 ราย ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 4 คน

สลด! รถทัวร์พาผู้โดยสารกลับจากเที่ยวเบตง ชนต้นไม้ ดับ 8 ราย

รถทัวร์พาผู้โดยสารกลับจากเที่ยว อ.เบตง จ.ยะลา เสียหลักไถลลงร่องกลางถนนชนต้นไม้บนถนนสาย 41 อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี เบื้องต้นเสียชีวิต 8 ราย บาดเจ็บจำนวนมาก

ตักบาตรปีใหม่

ปชช.ร่วมตักบาตรวันปีใหม่ 2568 เพื่อความเป็นสิริมงคล

ประชาชนร่วมกิจกรรมตักบาตร​ รับปีใหม่ 2568 เนืองแน่น​ “สุดาวรรณ” เผยตัวเลขสวดมนต์ข้ามปี กว่า 12 ล้านคน พร้อมเชิญชวนสักการะพระเขี้ยวแก้ว ถึง 14 ก.พ.นี้

ข่าวแนะนำ

ผบก.น.3 เผยมี 26 คนจีนเข้าคอร์สตำรวจอาสา กว่าครึ่งจ่ายเงินจริง

ผบก.น.3 เผยมีคนจีน 26 คน เข้าคอร์สตำรวจอาสา กว่าครึ่งจ่ายเงินจริง กำลังไล่สอบเส้นเงินเข้ากระเป๋าใคร ส่วนตำรวจที่ไปอบรมน่าจะได้เงินค่าจ้างจริง

ดีเอสไอประชุมนัดแรกร่วม ตร.นครบาล 1 คดี “นพ.บุญ”

ดีเอสไอรับคดี “นพ.บุญ” กับพวกเป็นคดีพิเศษ เปิดประชุมนัดแรกร่วมตำรวจนครบาล 1 แย้มรู้พิกัด “หมอบุญ” ที่หลบหนีแต่ยังไม่ขอเปิดเผย

คนร้ายวางระเบิดตำรวจตั้งด่าน เจ็บ 6 นาย

คนร้ายวางระเบิดตำรวจขณะตั้งด่าน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี บาดเจ็บ 6 นาย เด็ก 3 ขวบ เจ็บ 1 ราย เชื่อสร้างสถานการณ์ ก่อนครบรอบ 21 ปี ไฟใต้