สุราษฎร์ธานี 15 มี.ค.- ผอ.สบอ.4 สุราษฎร์ธานี เผยสัตวแพทย์ได้ตรวจพิสูจน์แล้วซากกระทิงป่าในคลองยาว เขตอ่างเก็บน้ำเขื่อนรัชชประภา พร้อมเก็บชิ้นเนื้อส่งแล็บวิเคราะห์หาสาเหตุ คาดต่อสู้กันเอง ส่วนหัวที่หายไปอาจมีคนมาพบซากแล้วถือวิสาสะตัดไป ล่าสุดแจ้งความไว้แล้ว
นายบรรณรักษ์ เสริมทอง ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 4 (สุราษฎร์ธานี) เปิดเผยว่า กรณีพบซากกระทิงตัวใหญ่ในบริเวณคลองยาว ตอนเหนืออ่างเก็บน้ำเขื่อนรัชชประภา หมู่ 3 ต.เขาพัง อ.บ้านตาขุน จ.สุราษฎร์ธานี จึงให้สัตวแพทย์ประสานกับนักวิชาการสัตวบาล ประจำส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า , หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาสก , หัวหน้าสถานีวิจัยสัตว์ป่าคลองแสงเข้าตรวจสอบพบว่าเป็นซากกระทิง เพศผู้ ความยาว 196 เซนติเมตร ความสูง 136 เซนติเมตร สภาพภายนอกไม่พบบาดแผลตามลำตัว ส่วนบาดแผลบริเวณลำคอมีลักษณะเปื่อยยุ่ย คาดว่าตายมาแล้ว 4-5 วัน เมื่อได้ผ่าซากพบอวัยวะเน่าเปื่อยเนื่องจากแช่อยู่ในน้ำประกอบกับสภาพอากาศที่ร้อนจัด จึงเก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อและอวัยวะบางส่วนส่งตรวจที่ห้องปฏิบัติการ นอกจากนี้ ในกระเพาะอาหารพบเศษหญ้า เศษอาหารอัดแน่นอยู่เต็ม ประเมินได้ว่ากระทิงตัวนี้มีสุขภาพแข็งแรง และหลังผ่าพิสูจน์ได้ย้ายซากลงหลุมราดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อก่อนฝังกลบ
นายบรรณรักษ์ กล่าวว่า หลังกระทิงตายในน้ำอาจมีผู้มาพบเห็นซากกระทิงและได้ตัดหัวกระทิงไป จึงมอบหมายให้นายศุภฤกษ์ ยิ้มประเสริฐ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสง แจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานแล้วที่ สภ.บ้านตาขุน และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาสก และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสง ให้ตรวจค้นการเข้า-ออกของเรือบริเวณจุดสกัดคลองมอญ และให้ลาดตระเวนพื้นที่ตรวจสอบอย่างเข้มงวด
ด้านนายเกรียงศักดิ์ ศรีบัวรอด หัวหน้าสถานีวิจัยสัตว์ป่าคลองแสง กล่าวว่า ในบริเวณพื้นที่คลองยาว เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองแสง มีฝูงกระทิงอาศัยอยู่ 11-13 ตัว ออกมาหากินในบริเวณพื้นที่นี้และมักจะพบกระทิงเพศผู้ต่อสู้กันเป็นประจำ จึงมีโอกาสเกิดการบาดเจ็บขึ้นทำให้มีความต้องการดื่มน้ำและต้องการอาศัยอยู่ใกล้แหล่งน้ำ เพื่อลงน้ำทำความสะอาดบาดแผล ทำให้มีโอกาสตายในน้ำได้.-สำนักข่าวไทย