นนทบุรี 12 มี.ค. – ผู้ผลิตหน้ากากอนามัยเปลี่ยนสายการผลิตหันมาเร่งผลิตหน้ากากเขียวเพิ่ม ทำให้ปริมาณเป็น 1.56 ล้านชิ้นต่อวัน พร้อมแจงยอดส่งออกหน้ากากเจ้าปัญหา ย้ำทุกอย่างโปร่งใส
นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ศูนย์บริหารจัดการสินค้าหน้ากากอนามัยของกรมการค้าภายในได้มีแผนการจัดสรรหน้ากากอนามัย ณ วันที่ 12 มีนาคม 2563 โดยให้กระทรวงสาธารณสุขกระจายให้บุคลากรทางการแพทย์ 800,000 ชิ้น ซึ่งกระจายไปยังโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข โรงพยาบาลกรมการแพทย์ โรงพยาบาลรัฐนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุข 500,000 ชิ้น สถานพยาบาลเอกชน 115,000 ชิ้น สมาคมคลินิกไทย 45,000 ชิ้น โรงพยาบาลสังกัดมหาวิทยาลัย ได้แก่ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า 70,000 ชิ้น และสถานพยาบาลสังกัด กทม. ได้แก่ สำนักอนามัย 70,000 ชิ้น
ทั้งนี้ กรมการค้าภายในได้กระจายไปให้ประชาชน 760,000 ชิ้น โดยขายหน้ากากอนามัยบรรจุแพค 4 ชิ้น แพคละ 10 บาท ผ่านร้านธงฟ้าและร้านขายยา 300,000 ชิ้น เทสโก้โลตัส (180 สาขา) 100,000 ชิ้น แม็คโคร (95 สาขา) 100,000 ชิ้น BIG C (150 สาขา) 100,000 ชิ้น วิลล่ามาร์เก็ต (36 สาขา) 60,000 ชิ้น TOPS (204 สาขา) 100,000 ชิ้น
อย่างไรก็ตาม เหตุผลที่ได้ปริมาณหน้ากากอนามัยเพิ่มขึ้นมาจากหลายโรงงานในจำนวน 11 โรงงานมีการปรับเปลี่ยนสายการผลิตหน้ากากอนามัยบางชนิดผลิตมาแล้วไม่ได้ใช้ในประเทศไทยมากนักและเห็นว่าความต้องการหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ชนิดสีเขียวมีความต้องการอย่างมากและเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการคนในประเทศ จึงหันมาผลิตหน้ากากอนามัยชนิดทางการแพทย์ชนิดสีเขียวเพิ่มจากเดิมมากขึ้น เพื่อเร่งกระจายไปยังส่วนต่าง ๆ
ทั้งนี้ กรมการค้าภายในขอยืนยันจะพยายามจัดสรรและกระจายหน้ากากอนามัยชนิดที่ดูแลอยู่ไปในจุดต่าง ๆ อย่างเต็มที่ เพื่อให้คนไทยมีหน้ากากอนามัยไว้ป้องกัน ซึ่งต้องยอมรับว่าหน้ากากอนามัยมีมากกว่า 71 ชนิด ซึ่งบางชนิดไม่ได้อยู่ในการดูแลของกรมการค้าภายใน แต่มีชนิดหน้ากากอนามัยชนิดสีเขียวเท่านั้นที่ดึงมาเป็นสินค้าควบคุมที่จะต้องดูแล ดังนั้น ข่าวที่ทางกรมศุลกากแถลงว่ากระทรวงพาณิชย์อนุญาตให้ส่งออกหน้ากากอนามัยในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ มากกว่า 330 ตัน ทั้งที่เป็นสินค้าควบคุมนั้น ซึ่งได้นำตัวอย่างหน้ากากอนามัยที่ได้รับการอนุญาตให้ส่งออก 3 ชนิด โดยข้อเท็จจริงอนุญาตให้ส่งออกหน้ากากอนามัยในระหว่างวันที่ 17-28 กุมภาพันธ์ 2563 จากจำนวนที่ขอมากว่า 53 ล้านชิ้น โดยอนุญาตส่งออกจริงกว่า 12.7 ล้านชิ้น คงเหลือกว่า 41 ล้านชิ้นที่มีเอกชนบางรายถอนเรื่องไปและยังไม่มีการส่งออกเพิ่ม
“ปกติการส่งออกหน้ากากอนามัยจะเรียกหน่วยเป็นชิ้น หากส่งออกตามตัวเลขที่กรมศุกากรแจ้งมาว่า 330 ตัน นั่นหมายถึงจะมีหน้ากากอนามัยส่งออกมากกว่า 80 ล้านชิ้น ซึ่งหน้ากากที่อนุญาตให้ส่งออกจะเป็นหน้ากากที่คนไทยไม่ใช้เป็นส่วนใหญ่และเป็นชนิดที่ใช้ในเชิงอุตสาหกรรมและเป็นหน้ากากที่เกี่ยวข้องด้านลิขสิทธิ์เป็นส่วนใหญ่ หากเอกชนรายใดจะส่งออกหน้ากากที่คนไทยไม่ได้ใช้จะต้องมาขออนุญาตส่งออกก่อน แต่ถ้าเป็นหน้ากากอนามัยสีเขียวจะไม่อนุญาตให้ส่งออกอย่างแน่นอน” นายวิชัยกล่าว
อย่างไรก็ตาม กรมการค้าภายในเอาจริงกับผู้ที่กระทำความผิดกรณีการฉวยโอกาสขายหน้ากากอนามัยที่ใช้ทางการแพทย์สีเขียวที่กำหนดไว้ชิ้นละ 2.50 บาท ทั้งขายเกินราคา สร้างความปั่นป่วนต่อตลาดอย่างจริงจัง หากประชาชนพบเห็นการกักตุน จำหน่ายหน้ากากอนามัยสูงเกินกว่าราคาที่กำหนด สามารถแจ้งได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมาได้ส่งดำเนิดคดีทางกฎหมายกว่า 100 รายขึ้นไป แม้แต่ผู้ที่ขายบนแพลตฟอร์มลาซาด้า ทางกระทรวงพาณิชย์ก็ส่งเรื่องให้ทางเจ้าหน้าตำรวจไปดำเนินการฟ้องร้องทางกฎหมายแล้ว
ส่วนกรณีมีสตอกหน้ากากอนามัยถึง 200 ล้านชิ้น เบื้องต้นส่งคนไปตรวจสอบร่วมกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งไปดูสถานที่เก็บตามคลิปก็มีสินค้าจริงเพียงแค่ 10,000 ชิ้น โดยต้องโดนข้อหาไม่แจ้งสตอกและประกาศขายเกินราคา และกำลังตามต่อด้วยว่ามีการส่งออกไปจริงมั้ย เพราะหากมีการส่งออกไปหลังจาก 5 กุมภาพันธ์ ก็จะโดนอีก 1 ข้อหา
หลังจากอธิบดีกรมการค้าภายในได้เดินทางไปยังกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนายชัยยุทธ คำคูณ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางศุลกากร ในฐานะโฆษกกรมศุลกากรอีกด้วย.-สำนักข่าวไทย