คมนาคมเตรียมพร้อมแผนอำนวยการเดินทางช่วงสงกรานต์ 63

กรุงเทพฯ 11 มี.ค. – กระทรวงคมนาคมวางแผนพร้อมรับประชาชนเดินทางสงกรานต์ 63 แล้ว พร้อมสั่ง ทล.-ทช.นำร่องทดสอบใช้แผ่นยางหุ้มแบริเออร์ช่วงสงกรานต์นี้ 


นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมแผนการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยรองรับการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2563 ว่า กระทรวงคมนาคมได้นำบทเรียนการเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ 2563 มาวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก พร้อมกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหา รวมถึงแผนการอำนวยความสะดวกในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ โดยได้มอบนโยบายให้ปรับช่วงดำเนินการเข้มข้น (Kick Off) จากเดิมช่วง 7 วันอันตราย หรือระหว่างวันที่ 10-16 เมษายน 2563 เป็นวันที่ 9-19 เมษายน 2563 เพื่อให้สามารถรองรับการเดินทางได้อย่างครอบคลุม อย่างไรก็ตาม กระทรวงคมนาคมเตรียมสรุปกรอบการดำเนินการให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบวันที่ 24 มีนาคม 2563 จากนั้นจะมีการประชุมหน่วยงานสังกัดที่เกี่ยวข้องอีกครั้งวันที่ 31 มีนาคม 2563 เพื่อปรับปรุงรายละเอียดก่อนที่จะแปรแผนการดำเนินการดังกล่าวไปสู่การปฏิบัติต่อไป

นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมเตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณายกเว้นค่าธรรมเนียมผ่านทางทางพิเศษ (ทางด่วน) บูรพาวิถีและกาญจนาภิเษกของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2563 เวลา 00.01 น. ถึง 17 เมษายน 2563 เวลา 24.00 น. โดยคาดการณ์ว่าจะมีรถที่ได้รับการยกเว้นค่าผ่านทาง 3.24 ล้านคัน คิดเป็นมูลค่า 115.8 ล้านบาท รวมยกเว้นค่าผ่านทางทางพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) สาย 7 กรุงเทพฯ-ชลบุรี-พัทยา และสาย 9 บางปะอิน-บางพลี, พระประแดง-ต่างระดับบางขุนเทียน ของกรมทางหลวง (ทล.) คาดการณ์ว่าจะมีรถที่ได้รับการยกเว้นค่าผ่านทาง 6.3 ล้านคัน คิดเป็นมูลค่า 168.3 ล้านบาท                                                                                                                    


ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมจะเพิ่มความเข้มข้นบริเวณจุดตัดทางรถไฟกับถนนและทางลักผ่าน รวมทั้งเพิ่มความถี่ในการตรวจสอบเส้นทางรถไฟ นอกจากนี้ จะต้องประสานกับพื้นที่ เพื่อจัดหาบุคลากรเพิ่มเติม ในกรณีที่มีเจ้าหน้าที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ไม่เพียงพอ ขณะเดียวกันเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดในช่วงเทศกาลสงกรานต์นั้น วันที่ 20 มีนาคม 2563 กระทรวงคมนาคมเตรียมลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOC) กับกองทัพอากาศ (ทอ.) ในการใช้อากาศยานไร้คนขับ (UAV) เพื่อเชื่อมต่อข้อมูลการจราจรแบบเรียลไทม์ ประกอบการตัดสินใจในการเดินทางให้กับประชาชน 

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่ออีกว่า ได้มอบหมายให้ ทล.และกรมทางหลวงชนบท (ทช.) ไปพิจารณาใช้แผ่นยางหุ้มแบริเออร์ (Rubber Fender Barrier) หลังผ่านการทดสอบจากสถาบันที่ประเทศเกาหลีใต้แล้วเมื่อช่วงปลายกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยทั้ง 2 หน่วยงานจะต้องกลับไปจัดทำแผนรายละเอียดต่าง ๆ อาทิ เส้นทางบริเวณที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นบ่อยครั้งว่า จะสามารถนำมาทดลองใช้ได้ในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้หรือไม่ ก่อนกลับมาเสนออีกครั้งวันที่ 31 มีนาคมนี้ เพื่อเก็บข้อมูลทางสถิติต่อไป อย่างไรก็ตาม สำหรับเทศกาลสงกรานต์ปีนี้กระทรวงคมนาคมได้จัดทำแผนรองรับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในระบบขนส่งสาธารณะด้วย

ขณะเดียวกันเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 10-16 เมษายน 2563 นั้น กระทรวงคมนาคมได้ประมาณการณ์การให้บริการด้วยรถสาธารณะช่วงการเดินทางรวม 303,000 เที่ยว รองรับผู้โดยสาร 13.43 ล้านคน โดยจะมีการเดินทางในกรุงเทพฯ เที่ยวปกติรวมทั้งหมด 130,656 เที่ยว และเที่ยวเสริม 23,542 เที่ยว รวมบริการ 154,198 เที่ยว ผู้โดยสารรวม 7,817,793 คน แบ่งเป็น องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ได้จัดรถโดยสาร (รถเมล์) สาธารณะของเที่ยวปกติ 123,970 เที่ยว เที่ยวเสริม 23,514 เที่ยว รวมบริการ 147,484 เที่ยว จำนวนผู้โดยสารรวม 5,128,002 คน 


ขณะที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้จัดรถไฟฟ้าเที่ยวปกติ 3,942 เที่ยว ไม่มีเที่ยวเสริม รวมบริการ 3,942 เที่ยว ผู้โดยสาร 2,155,557 คน ส่วนบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท.จำกัด (รฟฟท.) ได้จัดรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ เที่ยวปกติ 1,288 เที่ยว เสริม 28 เที่ยว รวมบริการ 1,316 เที่ยว ผู้โดยสาร 353,234 คน ด้านกรมเจ้าท่า (จท.) ส่วนกลาง ได้จัดเรือโดยสารให้บริการ เที่ยวปกติ 1,456 เที่ยว ไม่มีเที่ยวเสริม รวม 1,456 เที่ยว ผู้โดยสาร 181,000 คน

ทั้งนี้ การเดินทางระหว่างจังหวัดและระหว่างประเทศ รวมเที่ยวปกติ 126,427 เที่ยว เที่ยวเสริม 22,675 เที่ยว รวมบริการ 149,102 เที่ยว ผู้โดยสารรวม 5,618,993 คน แบ่งเป็น บริษัทขนส่งจำกัด (บขส.) ได้จัดรถทัวร์ไว้บริการเที่ยวปกติ 73,334 เที่ยว เที่ยวเสริม 22,584 เที่ยว รวมบริการ 95,918 เที่ยว ผู้โดยสารรวม 1,589,393 คน  นอกจากนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้จัดรถไฟให้บริการเที่ยวปกติ 1,708 เที่ยว เที่ยวเสริม 12 เที่ยว รวมบริการ 1,720 เที่ยว ผู้โดยสาร 818,360 คน

ในส่วนกรมท่าอากาศยาน (ทย.) คาดว่าจะมีเที่ยวบินที่ใช้บริการภายในท่าอากาศยาน 28 แห่งอยู่ในความดูแล คือ เที่ยวปกติ 1,653 เที่ยว ไม่มีเสริม รวมบริการ 1,653 เที่ยว ผู้โดยสาร 196,315 คน ขณะที่บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. คาดว่าจะมีเที่ยวบินที่ใช้บริการภายใน 6 ท่าอากาศยานที่อยู่ในความดูแล คือเที่ยวปกติ 12,954 เที่ยว เสริม 79 เที่ยว รวมบริการ 13,033 เที่ยว ผู้โดยสาร 1,896,637 คน และกรมเจ้าท่าส่วนภูมิภาคจัดเรือโดยสารเที่ยวปกติ 36,778 เที่ยว ไม่มีเสริม รวมบริการ 36,778 เที่ยว ผู้โดยสาร 1,118,288 คน อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่าภาพรวมการเดินทางในกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้น 2.2% และระหว่างจังหวัดและระหว่างประเทศ ลดลง 9.9% จากปี 2562

นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า จากสถิติสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2562 พบว่า 3 อันดับแรก เกิดจาก 1.ขับรถเร็วเกินกำหนด 886 ครั้ง หรือ 57.12% 2.คนหรือคนตัดหน้ากระชันชิด 207 ครั้ง หรือ 13.35% และ 3.เมาสุรา194 ครั้ง หรือ 12.51% ส่วนบริเวณที่เกิดอุบัติเหตุ ได้แก่ 1.ทางตรง 978 ครั้ง หรือ 63.06% 2.ทางโค้ง 132 ครั้ง 8.51% 3.ทางแยก 126 ครั้ง หรือ 8.12% สำหรับอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2562 พบว่าเกิดอุบัติเหตุ 1,551 ครั้ง ลดลง 109 ครั้ง บาดเจ็บ 1,823 คน ลดลง 16 คน เสียชีวิต 258 คน ลดลง 1 คน ส่วนยานพาหนะ ที่เกิดอุบัติเหตุ ได้แก่ 1.รถจักรยานยนต์ 39.09% 2. รถปิคอัพ 4 ล้อ 26.22% 3.รถนั่งส่วนบุคคล และรถสาธารณะ 24.29%.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน

กัมพูชา 15 มิ.ย.- ไทย-กัมพูชา ลงนามบันทึกการประชุม JBC ร่วมกัน ซึ่งการหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ประชุมครั้งต่อไปเดือน ก.ย.นี้ ฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 เอกอัครราชทูตประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย และนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา เป็นประธานร่วมในพิธีปิดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) และลงนามบันทึกการประชุมร่วมกัน ที่กรุงพนมเปญ การหารือเป็นไปอย่างราบรื่นและฉันมิตร ทั้งสองฝ่ายกล่าวขอบคุณที่การประชุมสำเร็จลุล่วงด้วยดี โดยเน้นย้ำความสำคัญและประสิทธิภาพของ JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีหลักในการเจรจาเขตแดนระหว่างสองประเทศ การประชุมครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญที่แสดงความคืบหน้าในการจัดทำหลักเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งมีความยาวทั้งหมดประมาณ 800 กิโลเมตร และมีส่วนช่วยลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีภารกิจที่ต้องหารือและดำเนินการร่วมกันต่อไป โดยฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษครั้งต่อไปในเดือนกันยายนนี้ ปัจจุบัน ไทยกับกัมพูชามีกลไกความร่วมมือในประเด็นชายแดนร่วมกัน 3 ระดับหลัก ได้แก่ (1) JBC ซึ่งเป็นกลไกทวิภาคีที่สำคัญในการหารือกันทางเทคนิคและข้อกฎหมายระหว่างประเทศ (2) คณะกรรมการชายแดนทั่วไป […]

กัมพูชายืนยันไม่รับแผนที่ 1 : 50,000

15 มิ.ย. – กัมพูชาแถลงปฏิเสธแผนที่ 1 ต่อ 50,000 อย่างเด็ดขาด อ้างไทยเขียนขึ้นฝ่ายเดียว ยึดมั่นแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ตาม MOU43 เท่านั้น พร้อมยินดีร่วมมือกับไทยด้วยกลไกทวิภาคี ยกเว้น 4 จุดที่นำขึ้นศาลโลก เว็บไซต์ข่าว Khmer Times รายงานภายหลังเสร็จการประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วม หรือ JBC ที่กรุงพนมเปญ ว่า ฝ่ายกัมพูชาแสดงจุดยืนปฏิเสธอย่างหนักแน่นที่จะรับรองแผนที่ที่ฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำใช้อ้างอิงอันเป็นที่มาหลักของปัญหาข้อพิพาทชายแดนที่เรื้อรังมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและอนาคต ทั้งนี้ แผนที่ที่กัมพูชาอ้างว่าฝ่ายไทยร่างขึ้นโดยฝ่ายเดียวและนำไปสู่ปัญหาข้อพิพาทเขตแดนไม่สิ้นสุดนั้นคือแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 50,000 ซึ่งมีความละเอียดแม่นยำมากกว่าแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ที่กัมพูชายึดถือ Khmer Times อ้างตามเอกสารข่าวเผยแพร่จากสำนักเลขาธิการกิจการชายแดนเกี่ยวกับการประชุม JBC ที่จัดขึ้นระหว่างฝ่ายกัมพูชาและฝ่ายไทย ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายฬำ เจีย รัฐมนตรีประจำสำนักกิจการชายแดนและประธาน JBC ฝ่ายกัมพูชา และนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศของไทย และประธาน JBC ฝ่ายไทย […]

“ลูกหมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้หนี้พร้อมดอกเบี้ย

สำนักงานกฎหมายทนายคลายทุกข์ 13 มิ.ย. – “ลูกหมี รัศมี” ชนะคดีฟ้องอดีตดารา ศาลสั่งลูกหนี้ชดใช้ 2 ล้านบาท รวมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ด้าน “ทนายเดชา” เผยหาก 30 วัน ไม่ใช้หนี้ เตรียมยื่นเรื่องยึดทรัพย์-ฟ้องล้มละลาย นางสาวรัศมี ทองสิริไพรศรี หรือลูกหมี นางแบบชื่อดัง พร้อมนายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา และนางสาวอำนวยพร มณีวรรณ์ หรือทนายกุ้ง ตั้งโต๊ะแถลงข่าวกรณีลูกหนี้ ซึ่งเป็นอดีตดารานักแสดงชื่อดัง ได้ทำการกู้ยืมเงิน พร้อมจ่ายเช็คเด้ง จำนวน 2 ล้านบาท โดยไม่ยอมชำระคืนตามที่ได้ตกลงทำสัญญากันไว้ ทนายเดชา กล่าวว่า คดีนี้คุณลูกหมีฟ้องลูกหนี้ในความผิดเกี่ยวกับเรื่องสัญญากู้ยืมเงิน โดยเงินต้นจำนวน 2 ล้านบาท ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ศาลพิพากษาว่า สัญญากู้เงินต้น 2 ล้านบาท เป็นสัญญาที่ชอบด้วยกฎหมาย ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด […]

อิสราเอลและอิหร่านโจมตีตอบโต้กันในระลอกใหม่

เทลอาวีฟ 15 มิ.ย. – อิสราเอลและอิหร่านได้เปิดฉากโจมตีตอบโต้กันอีกครั้งในช่วงเช้าวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน ซึ่งจุดชนวนความกังวลว่าจะเกิดความขัดแย้งในวงกว้างขึ้น หลังจากที่อิสราเอลได้ขยายการโจมตีอิหร่าน ด้วยการโจมตีแหล่งก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก อิหร่านได้ยกเลิกการเจรจานิวเคลียร์ที่สหรัฐเคยกล่าวก่อนหน้านี้ว่าเป็นหนทางเดียวที่จะหยุดยั้งการทิ้งระเบิดของอิสราเอลได้ ขณะที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลกล่าวว่าการโจมตีที่เกิดขึ้นจนถึงขณะนี้ยังถือว่าไม่มีอะไรที่จะเทียบเคียงกับสิ่งที่อิหร่านจะได้เห็นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า การโจมตีของอิหร่านล่าสุดเริ่มต้นขึ้นไม่นานหลังเวลา 23:00 น. ของวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น หรือ ตรงกัล 03.00 น.ตามเวลาในประเทศไทย เมื่อเสียงสัญญาณเตือนภัยทางอากาศดังขึ้นในนครเยรูซาเลมและเมืองไฮฟา ทำให้ผู้คนราวหนึ่งล้านคนต้องรีบเข้าไปในสถานที่หลบภัย หน่วยบริการพยาบาลกล่าวว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 คนตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ซึ่งมีเด็กวัย 10 ขวบและหญิงสาววัยราว ๆ  20 ปีรวมอยู่ด้วย และมีผู้บาดเจ็บกว่า 140 คนจากการโจมตีที่เกิดขึ้นหลายครั้ง สื่ออิสราเอลรายงานว่ามีผู้สูญหายอย่างน้อย 35 คน หลังจากที่ขีปนาวุธพุ่งเป้าไปที่เมืองบัตยัม ซึ่งเป็นเมืองทางใต้ของกรุงเทลอาวีฟ โฆษกหน่วยบริการฉุกเฉินกล่าวว่าขีปนาวุธลูกหนึ่งพุ่งชนอาคาร 8 ชั้นในเมืองนั้น และในขณะที่ผู้คนจำนวนมากได้รับการช่วยเหลือ แต่ก็มีผู้เสียชีวิตด้วยเช่นกัน ขณะนี้่ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามีอาคารกี่หลังที่ถูกโจมตีเมื่อคืนนี้ จนถึงขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตในอิสราเอลล่าสุดอยู่ที่อย่างน้อย 9 ราย และบาดเจ็บกว่า 300 ราย นับตั้งแต่อิหร่านเปิดฉากโจมตีตอบโต้อิสราเอลเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

พยาบาลเกษียณร้องไซเบอร์ ถูกโรแมนซ์สแกม สูญ 12 ล้าน

16 มิ.ย. – พยาบาลเกษียณ วัย 65 ปี ร้องตำรวจไซเบอร์ ถูกหลอกสร้างความสัมพันธ์เชิงชู้สาว หรือโรแมนซ์สแกม ชวนลงทุนคริปโต สูญเงิน 12 ล้าน นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม พาพยาบาลเกษียณอายุราชการวัย 65 ปี ผู้เสียหาย ถูกมิจฉาชีพหลอกหลอกให้รัก (Romance Scam) และชักชวนให้ลงทุนในระบบคริปโตผ่านแพลตฟอร์มเทรดปลอม สูญเงินเกือบ 12 ล้านบาท เข้าร้องทุกข์กับตำรวจไซเบอร์ โดยมี พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 รับเรื่อง นางสาวอ้อ อายุ 65 ปี อดีตพยาบาลผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2567 มิจฉาชีพหรือ นางสาวพร (นามสมมติ) ทักข้อความมาหาตนผ่านแอพ TikTok และชวนพูดคุยในลักษณะเชิงชู้สาว และต้องการหาคู่ชีวิต และชวนคุยเรื่องส่วนตัวจนเตนเชื่อใจ จนผ่านไป 2 […]

“ประศาสน์” ยันไม่เคยรับรองแผนที่ 1 : 200000

ก.ต่างประเทศ 16 มิ.ย.-“ประศาสน์” ยันไม่เคยรับรองแผนที่ 1 : 200000 แฉ “กัมพูชา” ถูกสั่งห้ามคุยปม 4 พื้นที่พิพาทในวง JBC แต่เสียดาย ไม่มีในบันทึกการประชุม เพราะหารือในวงเล็ก ยัน JBC รอบนี้ราบรื่นที่สุด บอกแต่ก่อนทะเลาะกันเยอะกว่านี้ นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ JBC แถลงชี้แจงผลการประชุม JBC ว่า ตนเข้าร่วมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 แล้ว จากระดับเจ้าหน้าที่ และครั้งนี้ไปประชุมในฐานะประธาน ถือว่าราบรื่นที่สุดเท่าที่เคยประชุมมา แต่ก่อนทะเลาะกันแรงกว่านี้เยอะ และครั้งนี้ ประสบความสำเร็จทางด้านเทคนิค พร้อมอธิบายภารกิจของ คณะกรรมการ JBC ว่า ประกอบไปด้วย 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นการตรวจหาหลักเขตที่ปักปันตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ปี 2462-2463 ซึ่งมีการปักหลักเขตไปแล้ว 73 หลัก ตอนนี้เห็นชอบไปแล้ว 45 หลัก อีก […]

นายกฯ เผย กต.เรียกประชุมทูตต่างประเทศ ลั่นไทยเคารพกรอบทวิภาคี

กรุงเทพฯ 16 มิ.ย. – นายกฯ เผย กต. เรียกประชุมทูตต่างประเทศ ทำความเข้าใจกรณีไทย-กัมพูชา ย้ำไทยให้เกียรติการพูดคุยทวิภาคี ลั่นการเคลื่อนไหวนอกเหนือจากการเจรจาถือเป็นท่าทีที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ ประกาศกร้าว จะไม่ยอมให้ใครมากลั่นแกล้ง ใส่ร้าย ข่มขู่ เราก็เป็นประเทศที่มีศักดิ์ศรีเช่นกัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ ก.ต่างประเทศ เรียกประชุมทูตต่างประเทศประจำประเทศไทยให้ได้รับทราบ ถ้าไม่เคารพกติกา ทั่วโลกก็จะไม่ยอมรับ ยอมรับไทยมีการสื่อสารที่เป็นสาธารณะน้อยมาก เพราะให้เกียรติการพูดคุยทวิภาคี ทั้งไทยและกัมพูชาจะต้องยึดตามกรอบการเจรจาทวิภาคี การเคลื่อนไหวที่นอกเหนือจากการเจรจาถือว่าเป็นท่าทีที่จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ นอกจากนี้ระหว่างความสัมพันธ์ของรัฐบาลกับกองทัพ มีการพูดคุยอย่างต่อเนื่อง ว่าท่าทีของไทยจะเป็นอย่างไร อะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ เพื่อรักษาอธิปไตยของไทย และยืนยันว่าไม่มีปัญหากันแน่นอน.-สำนักข่าวไทย

Hun Sen delivers speech in Cambodia's Senate

“ฮุน เซน” ขู่ให้ไทยเปิดด่านทั้งหมดภายในวันนี้

พนมเปญ 16 มิ.ย.- นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภาของกัมพูชาประกาศว่า ไทยต้องเปิดจุดผ่านแดนกับกัมพูชาทั้งหมดภายใน 24 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นกัมพูชาจะปิดจุดผ่านแดนกับไทยทั้งหมด และห้ามสินค้าไทยทุกอย่างเข้ากัมพูชา เว็บไซต์หนังสือพิมพ์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายฮุน เซนยื่นคำขาดระหว่างกล่าวสุนทรพจน์พิเศษก่อนการประชุมวุฒิสภาในเช้าวันนี้ว่า เดิมกัมพูชาจะปิดจุดผ่านแดนกับไทยทั้งหมดในวันนี้ แต่รัฐบาลได้เลื่อนการตัดสินใจออกไป หลังจากที่เขาและนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้สนทนาทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีแพรทองธาร ชินวัตรของไทย หากไทยไม่เปิดจุดผ่านแดนกับกัมพูชาทั้งหมดอีกครั้งตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป กัมพูชาจะห้ามผักและผลไม้ผ่านจุดผ่านแดนทั้งหมดของกัมพูชา นอกจากนี้กัมพูชาจะยกเลิกมาตรการจำกัดการผ่านแดนกับไทยที่ใช้อยู่ในขณะนี้ หากทางการไทยกลับมาเปิดจุดผ่านแดนตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น.ตามเดิม นายฮุน เซนประกาศชัดเจนว่า ทางการกัมพูชาจะไม่มีวันนั่งโต๊ะเจรจากับทางการไทยเรื่องการจำกัดการผ่านแดน เนื่องจากไทยเป็นฝ่ายเริ่มก่อน โดยได้ตั้งคำถามว่า กองทัพไทยเป็นฝ่ายจำกัดการผ่านแดน และเมื่อกัมพูชาทำเช่นเดียวกัน ก็ต้องการเจรจาเพื่อรักษาหน้าเช่นนั้นหรือ พร้อมกับสำทับว่า กัมพูชาจะไม่ปล่อยให้ชื่อเสียงประเทศตกอยู่ในความเสี่ยงเพราะความผิดพลาดของคนอื่น.-814.-สำนักข่าวไทย