เตรียมตั้งโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยแบบครบวงจร

ทำเนียบรัฐบาล 10 มี.ค.-นายกฯ ย้ำโควิดในไทยยังอยู่ระดับ 2 พอใจการความเป็นเอกภาพของทุกภาคส่วน ตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา เตรียมตั้งโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยแบบครบวงจร ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ แอพลิเคชั่นตามตัวคนมาจากประเทศเสี่ยง


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกันแถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนหน้ากากอนามัยสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ ว่าผลการแจกจ่ายหน้ากากอนามัยให้บุคลากรทางการแพทย์น่าพอใจ โดยเบื้องต้น โรงงานสามารถผลิตได้ 38 ล้านชิ้นต่อเดือน เฉลี่ยวันละ 1 ล้านกว่าชิ้น และแบ่งสัดส่วนการกระจายโดยให้น้ำหนักบุคลากรทางการแพทย์เป็นอันดับแรกวันละ 7 แสนชิ้น ส่วนที่เหลืออีก 5 แสนชิ้นเป็นการจัดสรรให้ในส่วนของประชาชน

“อยากขอร้องเจ้าหน้าที่ ให้ใช้แต่ในโรงพยาบาลเท่านั้น ที่พูดแบบนั้น ไม่ได้หมายถึงเจ้าหน้าที่ทุกคน แต่อาจมีบางคนที่นำไปให้คนในครอบครัวใช้ เพราะถ้าหน้ากากที่ให้บุคลากรทางการแพทย์  7 แสนชิ้นไม่พอ ก็อาจจะปรับเป็น 9 แสนชิ้นต่อวัน โดยไปหักมาจากส่วนที่เป็นของประชาชน แต่ถามว่าทั้งบุคลากรทาการแพทย์และประชาชนจะยอมหรือไม่ ขณะนี้จีนส่งหน้ากากอนามัยและวัคซีนมาให้ไทย รวมทั้งจะร่วมมือกันพัฒนาวิจัยยาที่ใช้รักษาโ รคดังกล่าวด้วย ซึ่งเป็นความร่วมมือที่ดี เป็นผลมาจากความสัมพันธ์ที่ดีทั้งสองประเทศ” นายกรัฐมนตรี กล่าว


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้สั่งการให้ผลิตหน้ากากผ้าจำนวน 50 ล้านชิ้น โดยขณะนี้เริ่มแจกจ่ายแล้ว สั่งการให้กระทรวงอุตสาหกรรมปรับรูปแบบการผลิตจากหน้ากากอนามัยเป็นหน้ากากผ้าอีก 20 ล้านชิ้น เพื่อให้ทุกคนมีหน้ากากใช้ ทั้งนี้ รัฐบาลมีนโยบายชัดเจนเรื่องหน้ากากอนามัย โดยจะตั้งโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยแบบครบวงจร ซึ่งขณะนี้มีบริษัทใหญ่เสนอเข้ามาแล้ว กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา ขอแต่อย่ามองว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้นายทุนอีก

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากการส่งเจ้าหน้าที่ไปประจำทุกโรงงานผลิตหน้ากากอนามัย เพื่อตรวจสอบกระบวนการผลิตและการส่งออกยังไม่พบสิ่งผิดกปกติ จึงอยากให้ประชาชนรับข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง เชื่อข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข และส่วนราชการมากกว่าการแชร์ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ขณะเดียวกันได้สั่งการให้ตรวจสอบความเคลื่อนไหวข้อมูลในโซเชียลมีเดียที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด โดยเฉพาะการโพสต์เรื่องมีผู้ติดเชื้ออยู่ตามสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งทำให้สังคมเกิดความวิตก  ส่วนที่รัฐบาลไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับผู้ติดเชื้อได้ เนื่องจากเป็นเรื่องของข้อกฎหมายที่ผู้ป่วยมีสิทธิได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย เป็นสิทธิส่วนบุคคล  หากจะเปิดเผยต้องรับความยินยอมจากเจ้าตัวก่อน 

“ส่วนมาตรการช่วยเหลือภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาด โดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยวที่เตรียมออกมาเคลื่อนไหว เบื้องต้นรัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือเอสเอ็มอีรายย่อยและผู้ประกอบการ โดยเตรียมมาตรการระยะที่ 1 ไว้แล้ว และจะมีมาตรการระยะที่ 2 และ 3 ตามออกอย่างต่อเนื่อง ขอให้รอฟังคำชี้แจงจากรัฐบาล” นายกรัฐมนตรี กล่าว  


นายกรัฐมนตรี ชี้แจงกรณีตั้งศูนย์สนับสนุนการแก้ไขปัญหาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ว่า เป็นคนละส่วนกับการเปิดรับบริจาคกรณีเกิดอุทกภัยหรือกรณีเหตุกราดยิงที่โคราชก่อนหน้านี้ ประเด็นที่สอบถามถึงจำนวนเงินที่รับบริจาคช่วยน้ำท่วม มีใช้จ่ายผ่านกลไกของคณะกรรมการ มีกฎระเบียบ การควบคุมตรวจสอบบัญชี เงินของหลวงตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ ขอให้แยกเรื่องการตั้งศูนย์รับบริจาคโควิด-19 ออกจากเงินงบประมาณที่รัฐบาลจะนำมาใช้แก้ปัญหานี้ รัฐบาลมีงบประมาณเพียงพออยู่แล้ว แต่การตั้งศูนย์รับบริจาคจะนำไปช่วยเหลือเพิ่มเติมกรณีไม่สามารถนำเงินงบประมาณไปใช้จ่ายได้ เนื่องจากติดหลักเกณฑ์ต่าง ๆ 

“เราต้องแยกสองส่วนนี้ออกจากกัน เงินบริจาคเป็นอีกส่วนหนึ่ง  โดยจะนำเงินส่วนนี้ไปใช้เพิ่มเติม เช่น ค่าเบี้ยเสี่ยงภัยให้บุคลากรทางการแพทย์ที่เขาทำงานเสี่ยงอยู่ทุกวัน หรือยกตัวอย่างง่าย ๆ กรณีกราดยิงที่โคราช แม้รัฐบาลจะมีกองทุนช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต แต่เงินที่มีผู้บริจาค จะเอาไปช่วยทำให้ผู้ที่ได้รับความเสียหาย ได้รับผลกระทบได้เงินช่วยเหลือเพิ่มขึ้นจากที่ได้รับจากเงินตามหลักเกณฑ์ของรัฐบาล หรือแม้แต่การนำไปใช้เรื่องจำเป็นเร่งด่วน เพราะถ้ารอตามหลักเกณฑ์ของรัฐบาล อาจทำให้ล่าช้าและเกิดความเสียหายได้” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ หากดูจำนวนผู้ติดเชื้อในระยะแรกที่ไทยอยู่ในลำดับต้น ๆ แต่จนถึงขณะนี้เราอยู่ในลำดับที่ 32  ดังนั้น สถานการณ์ยังอยู่ในระดับ 2  แต่เพื่อความไม่ประมาท ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน ขณะนี้ผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศเสี่ยงต้องถูกคัดกรองถึง 2 ครั้ง โดยครั้งแรกถูกคัดกรองจากประเทศต้นทาง ถ้าไม่มีอาการไข้จึงสามารถเดินทางออกจากประเทศต้นทางนั้นได้ โดยจะได้หนังสือรับรองจากแพทย์มาด้วย เมื่อกลับถึงประเทศไทยก็จะถูกคัดกรองอีกครั้งโดยต้องกักตัวอีก 14 วัน และว่า “รัฐบาลเตรียมใช้แอพลิเคชั่นติดตามตัวผู้ที่เดินทางมาจากประเทศเสี่ยงเข้ามาในไทย แต่การโหลดแอพก็ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าตัวด้วย” 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมีความมุ่งมั่นตั้งใจแก้ปัญหาโควิด-19 แต่ก็ห่วงกระแสตำหนิในโซเชียลมีเดียที่จะส่งผลกระทบต่อขวัญและกำลังใจของเจ้าหน้าที่ เพราะขณะนี้ประเทศไทยมีมาตรการป้องกันที่ดี ใช้เกฎหมาย 3 ฉบับควบคุมสถานการณ์  และวันนี้(10 มี.ค.) ได้ตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา ซึ่งตนเป็นหัวหน้าศูนย์ และศูนย์ของกระทรวงสาธารณสุขและประชาสัมพันธ์ของทำเนียบรัฐบาลจะอยู่ภายใต้การบริหารงานของศูนย์นี้ ยืนยันว่าการทำงานไม่ซ้ำซ้อน เพียงแต่ต้องการทำให้ทั่วถึง ครอบคลุม  

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายศรสุวีย์ ภู่รวีรัศวัชรี หรือ บอย โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่ามีหน้ากากอนามัยจำหน่าย 200 ล้านชิ้น ว่า เขามีจริงหรือไม่ ต้องตรวจสอบด้วย เพราะบางครั้งเป็นการโพสต์ลักษณะเข้าข่ายหลอกลวงว่ามีจำหน่าย เพื่อหลอกให้คนโอนเงินมาซื้อ ซึ่งต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย รวมถึงกรณีผีน้อยที่กลับเข้ามาจากเกาหลีและถูกกักตัวอยู่ที่สัตหีบแล้วไลฟ์เฟซบุ๊กโชว์ดื่มสุราและสูบบุหรี่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปดู เพราะตนไม่สามารถเข้าไปควบคุมทุกเรื่อง ซึ่งบางเรื่องขึ้นอยู่กับคน แต่เมื่อกระทำลักษณะนี้ก็ต้องถูกลงโทษ 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมีความเป็นเอกภาพในการแก้ปัญหาโควิด-19ในระดับน่าพอใจ โดยเฉพาะภาพรวมของการสั่งการนโยบาย แต่การปฏิบัติอาจมีปัญหาอยู่บ้าง เพราะต้องเข้าใจว่าบางครั้งมีเหตุการณ์เฉพาะหน้าเกิดขึ้น ทำให้ต้องปรับเปลี่ยนตลอดเวลา รวมถึงเรื่องการบริหารจัดการคนจำนวนมาก 

ด้านนพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงหน้ากากอนามัยจำนวน 7 แสนชิ้นที่ส่ง ให้บุคลากรทางการแพทย์ใช้ ได้กระจายไปยังโรงพยาบาลของรัฐและโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแล้ว เพื่อให้มีสำรองใช้ได้ประมาณ 1 เดือน หากโรงพยาบาลใดยังขาดแคลนให้แจ้งมายังกระทรวงสาธารณสุข เพราะขณะนี้ที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ศิริราช วชิรพยาบาล รามาธิบดี ขอนแก่น และโรงพยาบาลจะนะ ได้ส่งให้ครบถ้วนแล้ว.-สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบร่างพลทหารรัวยิงชาวบ้านแล้ว คาดจบชีวิตตัวเองในป่า

15 ส.ค.- พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมา เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร ซึ่งเป็นป่าติดกับคลองส่งน้ำ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมาส่งพิสูจน์ทราบต่อไป ด้านครอบครัวที่มาเฝ้ารอ ต่างเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น – สำนักข่าวไทย

ทบ.แจงเหตุทหารรัวยิงชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ยังคุมตัวไม่ได้

15 ส.ค.- กองทัพบกแจงเหตุทหารหนีออกจากหน่วยพร้อมอาวุธปืน รัวยิงกลางดึก ชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ราย จนท.เร่งล่า ยังไม่พบตัว หากประชาชนพบเห็นรีบแจ้งทันที กองทัพบกชี้แจงเหตุการณ์ใช้อาวุธปืนในพื้นที่อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 เวลา 00.45 น. กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ยินเสียงปืนดังเป็นชุด จำนวน 10 นัด บริเวณถนนข้างวัดบ้านเขื่อนแก้ว อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ต่อมาเวลา 00.54 น. ได้ยินเสียงปืนเพิ่มอีก 2 นัด จากการตรวจสอบกำลังพลและอาวุธประจำกาย พบว่า พลทหารรัฐภูมิ เทพศิริ สังกัดกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ออกจากที่ตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมอาวุธปืนเล็กยาวและกระสุนจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ได้แก่ ผู้บาดเจ็บทั้งสองรายได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและส่งโรงพยาบาลกาบเชิง ก่อนส่งต่อรักษาตามความเหมาะสม โดยขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจร่วมกับกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ตรวจสอบพื้นที่และสอบถามพยาน เบื้องต้นคาดว่าพลทหารดังกล่าวอาจเป็นผู้ก่อเหตุ […]

แจ้งจับ “ภูมิธรรม” ปล่อยกัมพูชารุกราน ทำไทยเสียเปรียบ

ขอนแก่น 15 ส.ค. – องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น แจ้งความเอาผิด “ภูมิธรรม” รักษาการนายกฯ ไม่ทำหน้าที่ตัวเอง ปล่อยกัมพูชารุกรานไทย องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อเอาผิด นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในข้อหาหรือฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.119, ม.120, ม.124 ม.157 และมาตราอื่นที่เกี่ยวข้อง นายตุลย์ ประเสริฐศิลป์ ประธานองค์กรต่อต้านคอรัปชั่นภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า การมาร้องทุกข์กล่าวโทษครั้งนี้ ด้วยเรื่องเอกราชและอธิปไตยของชาติเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด แต่รักษาการนายกฯ ไม่ได้ทำหน้าที่ตัวเอง โดยปล่อยปละละเลยทำให้ต่างชาติรุกรานประเทศไทย ต้องปกป้องรักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติให้มั่นคง แต่ที่ทหารขาขาด บาดเจ็บ ประชาชนล้มตายทรัพย์สินเสียหาย คือ ความร้ายแรงของของผู้รักษาการนายกรัฐมนตรีต้องทำและต้องปกป้องให้ได้ แต่ไม่มี มีแต่ไปเข้าข้างศัตรูโดยเฉพาะกัมพูชา เป็นโทษร้ายแรงมาก.-สำนักข่าวไทย

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

“มาริษ” นำคณะทูตดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ

ศรีสะเกษ 16 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูต 33 ประเทศ ดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ เตรียมพื้นที่บ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ที่ถูกกระสุนจรวด BM-21 เสียหายหนัก 2 หลัง ให้คณะทูตแวะตรวจสอบหลังเสร็จสิ้นภารกิจบนภูมะเขือ หลังจากฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในภาพรวมที่โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้นำคณะทูตประเทศภาคีอนุสัญญาออตตาวา และตัวแทนองค์กรระหว่างประเทศ รวม 33 ประเทศ ขึ้นไปสำรวจพื้นที่และดูการเก็บกู้ทุ่นระเบิดบนภูมะเขือ ที่อยู่ใกล้แนวปราสาทพระวิหาร เจ้าหน้าที่ขอความร่วมมือสื่อมวลชนที่ขึ้นภูมะเขือ งดถ่ายภาพติดพื้นที่ทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ระหว่างทางขึ้น ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังเตรียมพื้นที่บ้านภูมิซรอล หมู่ 13 ที่ถูกกระสุนจรวด BM-21 เสียหายหนัก 2 หลัง และเพื่อนบ้านใกล้เคียง ถูกสะเก็ดเสียหายอีก 2 หลัง โดยจุดนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 รายด้วย เพื่อให้คณะทูตแวะตรวจสอบหลังเสร็จสิ้นภารกิจบนภูมะเขือ.-สำนักข่าวไทย

เก๋งแต่งซิ่ง เสียหลักพุ่งชนยับ 10 คันรวดบนทางด่วน

กทม. 16 ส.ค.-เก๋งแต่งซิ่งประลองความเร็ว เสียหลักพุ่งชนกันยับ 10 คันรวดบนทางด่วนมุ่งหน้าบางปะอิน เจ้าของรถบีเอ็ม เล่านาทีถูกชน เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ชนกันจำนวนหลายคัน บนทางด่วนช่วงทางขึ้นเมืองทองธานี มุ่งหน้าบางปะอิน โดยภาพจากกล้องหน้ารถยนต์คันหนึ่งบันทึกภาพเวลา 00.59 น.วันนี้ (16 ส.ค.68) รถเก๋งสีขาวจำนวน 3 คัน ขับตามกันมาด้วยความเร็วก่อนเกิดการชนกัน ทำให้รถเสียหลักหมุน ก่อนจะถูกรถเก๋งที่ขับตามมาพุ่งชนซ้ำอีกหลายคัน บางคันเกือบตกทางด่วน หลังตำรวจ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี รับแจ้งเหตุ จึงประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยการทางพิเศษ เร่งตรวจสอบที่เกิดเหตุพบรถเก๋งแต่งซิ่งประมาณ 10 คัน บางคันเป็นรถหรูราคาแพง ได้รับความเสียหายยับเยิน กีดขวางทั้ง 2 ช่องจราจร มีเศษชิ้นส่วนของรถยนต์ที่แตกและหลุดกระจายเต็มพื้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรปากเกร็ดและเจ้าหน้าที่กู้ภัยการทางพิเศษได้ประสานรถยกเร่งเคลื่อนย้ายรถที่เสียหายออกพร้อมทำความสะอาดคราบน้ำมันและชิ้นส่วนรถยนต์ เพื่อเปิดการจราจรใช้เวลากว่า 3 ชม. จากการสอบถาม นายอชิตพล อายุ 29 ปี เจ้าของรถยนต์บีเอ็ม ที่ถูกชนกล่าวว่า ตนขับรถไปรับแฟนมาจากที่ทำงาน เพื่อจะเดินทางกลับบ้านย่านธรรมศาสตร์รังสิต ขณะที่ขับรถอยู่ในช่องทางขวา เห็นรถเก๋งสีขาวที่ขับตามมาด้วยความเร็ว ตนจะเปลี่ยนเลนหลบไปในช่องทางซ้าย แต่ก็ถูกรถเก๋งคันดังกล่าวพุ่งชนท้ายก่อนที่รถจะเสียหลักหมุน เป็นจังหวะเดียวกันกับรถอีกคันที่ขับตามกันมาด้วยความเร็วพุ่งชนซ้ำอีกครั้ง […]

‘ทรัมป์’ – ‘ปูติน’ หารือไร้ข้อสรุปเรื่องยุติสงครามในยูเครน

แองเคอเรจ, อะแลสกา 15 ส.ค. – การประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ซึ่งทั่วโลกต่างเฝ้ารอคอย ได้สิ้นสุดลงโดยไม่มีข้อตกลงใด ๆ เพื่อยุติหรือพักรบสงครามในยูเครน แม้ว่าผู้นำทั้งสองจะกล่าวว่าการพูดคุยเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ก็ตาม หลังจากการประชุมยาวนานเกือบ 3 ชั่วโมง ในอะแลสกา ผู้นำทั้งสองได้ปรากฏตัวต่อหน้าสื่อเป็นช่วงระยะเวลาสั้น ๆ โดยระบุว่ามีความคืบหน้าในประเด็นต่าง ๆ ที่ไม่ได้ระบุรายละเอียด แต่ไม่ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมใด ๆ และไม่เปิดโอกาสให้ตั้งคำถาม นายทรัมป์ซึ่งปกติเป็นคนช่างพูด กลับเพิกเฉยต่อคำถามที่นักข่าวตะโกนถาม นายทรัมป์กล่าวว่า มีความคืบหน้าบ้าง แต่จะยังไม่มีข้อตกลงใด ๆ จนกว่าจะมีการทำข้อตกลง ดูเหมือนว่าการพูดคุยครั้งนี้จะไม่ได้นำไปสู่การดำเนินการที่มีความหมายเพื่อหยุดยิงในความขัดแย้งที่นองเลือดที่สุดในยุโรปในรอบ 80 ปี ซึ่งเป็นเป้าหมายที่นายทรัมป์ได้ตั้งไว้ก่อนการประชุม แต่เพียงแค่การได้นั่งพูดคุยแบบตัวต่อตัวกับประธานาธิบดีสหรัฐ ก็ถือเป็นชัยชนะสำหรับนายปูตินแล้ว หลังจากเขาถูกผู้นำชาติตะวันตกกีดกันมาโดยตลอดนับตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครนเต็มรูปแบบในปี 2022 หลังการประชุมสุดยอด นายทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับฟอกซ์นิวส์ ว่าเขาจะชะลอการกำหนดภาษีนำเข้ากับจีนสำหรับการซื้อน้ำมันรัสเซีย หลังจากที่การเจรจากับนายปูตินมีความคืบหน้า นายทรัมป์ยังเคยขู่จะใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย แต่จนถึงขณะนี้เขายังไม่ได้ดำเนินการใด ๆ แม้ว่านายปูตินจะเพิกเฉยต่อเส้นตายหยุดยิงที่นายทรัมป์กำหนดไว้เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ในการให้สัมภาษณ์กับฟอกซ์ นิวส์ นายทรัมป์ยังได้เสนอแนะว่าจะมีการจัดการประชุมระหว่างนายปูตินและประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี […]

กต. นำคณะทูตรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา 33 ประเทศ ลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ

กทม. 16 ส.ค.-กต. นำคณะทูตรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา 33 ประเทศ ลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ สำรวจความเสียหายการใช้ทุ่นระเบิดของฝั่งกัมพูชา นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยนายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ นำคณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียนรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ และองค์กรภาคประชาสังคมด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ลงพื้นที่จ.ศรีษะเกษ เพื่อชี้แจงข้อมูลและเหตุผลเกี่ยวกับการดำเนินการของไทย โดยมีคณะทูตและผู้แทน จำนวน 36 คน แบ่งเป็น 33 ประเทศ 1 องค์กร 2 องค์การระหว่างประเทศ สื่อมวลชนไทยและสื่อต่างประเทศ เข้าร่วม ทั้งนี้ ก่อนออกเดินทางกระทรวการต่างประเทศได้บรรยายข้อมูลเบื้องต้นให้คณะได้รับทราบ โดยนายมาริษ กล่าวกับคณะทูต ว่า ขอบคุณที่ร่วมเดินทาง และหวังว่าทุกท่านจะได้รับข้อมูลด้วยตาตัวเองถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนที่จะเดินทางออกไปยัง จ.ศรีสะเกษ โดยจุดแรกจะนำคณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียนรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวาเดินทางไปโรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษณ์ เพื่อรับฟังบรรยายสรุปจากกองทัพบก กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงมหาดไทย จากนั้นจะนำคณะทูตและสื่อมวลชนขึ้นไปภูมะเขือ และฐานปฏิบัติการ เพื่อดูภูมิประเทศ เยี่ยมชมการเก็บกู้ทุนระเบิดของหน่วยปฏิบัติการด้านทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมในพื้นที่ภูมะเขือ สำรวจความเสียหายที่เกิดจากการใช้ทุ่นระเบิดของฝั่งกัมพูชา.-316.-สำนักข่าวไทย