พาณิชย์ส่งทีมตรวจเช็กกักตุนหน้ากาก 200 ล้านชิ้น

นนทบุรี 9 มี.ค.-อธิบดีกรมการค้าภายในส่งทีมตรวจเช็กข่าวกักตุนหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้น ย้ำทุกฝ่ายตั้งสติข่าวมั่วโซเชียลเพียบ ขณะที่ “จุรินทร์” เปิดทางผิดจริงเอาผิดทางกฎหมาย พร้อมเร่งกระจายหน้ากากอนามัยทุกจุด แต่ขอยกเลิกกระจายผ่านรถโมบาย 111 คัน ชี้กระจายไปไม่ทั่วถึง


นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ได้สั่งเจ้าหน้าที่ของกรมการค้าภายในไปตรวจเช็คที่มาที่ไปของข่าวในโซเชียลว่ามีกลุ่มคนใกล้ชิดรัฐมนตรีช่วยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และพรรคพวกเตรียมจะนำหน้ากากอนามัยที่ผลิตไว้แล้วออกจากโกดัง เพื่อส่งออกขายให้นายทุนจากประเทศจีนกว่า 200 ล้านชิ้น คาดว่าจะทราบผลตรวจสอบรายละเอียดเร็ว ๆ นี้ แต่เท่าที่ได้พูดคุยการมีหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยกำลังผลิตสูงจะมีอยู่ 11 โรงงานและผลิตจริงต่อเดือนไม่เกิน 35 ล้านชิ้นเท่านั้น หากจะผลิตถึง 200 ล้านชิ้นจะต้องใช้เวลาผลิตเป็นปี ดังนั้น อยากให้ทุกฝ่ายตั้งสติและวิเคราะห์ข้อเท็จจริง 

ทั้งนี้ กรมการค้าภายในจะเข้าไปตรวจเช็คสตอกหน้ากากอนามัยล็อตดังกล่าวว่ามีจริงมากน้อยแค่ไหนและถูกต้องหรือไม่ เพราะขณะนี้หน้ากากอนามัยถือเป็นสินค้าควบคุมทั้งราคาและปริมาณใครมีไว้ครอบครองจะต้องแจ้งให้กรมการค้าภายในทราบ และหากไม่สามารถชี้แจงได้จะเข้าข่ายกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ซึ่งขณะนี้กรมการค้าภายในทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันออกตรวจสอบและล่อซื้อกลุ่มที่กระทำความผิดในการจำหน่ายสินค้าหน้ากากอนามัยเกินกว่าที่กฎหมายหลายรายแล้ว จึงขอฝากเตือนผู้ที่จะกระทำความผิดจำหน่ายหน้ากากอนามัยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดจะถูกลงโทษทางกฎหมายอย่างหนัก


นายจุรินทร์  ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ได้มอบหมายให้อธิบดีกรมการค้าภายในไปดำเนินการกับกลุ่มผู้ที่เอารัดเอาเปรียบขายหน้ากากอนามัยอย่างเด็ดขาด หากรายใดจงใจและสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน ขอให้ดำเนินคดีทางกฎหมายอย่างจริงจัง และ หน้ากากอนามัยตามประกาศของคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ทั้ง 3 ฉบับลงนามเมื่อวันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา มีผลบังคับใช้วันนี้ (9 มี.ค.) ครบถ้วนสมบูรณ์ทั้งหมดแล้ว 

ทั้งนี้ ให้ผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก และผู้แทนจำหน่ายหน้ากากอนามัยจะต้องแจ้งข้อมูลต้นทุนราคาซื้อ ราคาจำหน่าย ปริมาณการผลิต ปริมาณการส่งออก ปริมาณการคงเหลือ รวมทั้งราคาจำหน่าย ที่ต้องสอดคล้องกับต้นทุนทั้งหมดทุกวันมาที่เลขานุการ คือ อธิบดีกรมการค้าภายใน ส่วนเรื่องการควบคุมราคาหรือการกำหนดราคาจำหน่ายปลีกในตลาดหน้ากากอนามัยชนิดที่ใช้เพื่อการแพทย์ที่เรียกว่า Surgical mask ที่เป็นหน้ากากอนามัยสีเขียว คือ หน้ากากที่กำหนดราคาจำหน่ายปลีกไว้ชัดเจน ซึ่งในประเทศไทยสามารถผลิตได้แค่ 11 โรงงานเท่านั้นและมีกำลังการผลิตเดือนละ 36 ล้านชิ้น เฉลี่ยวันละ 1.2 ล้านชิ้น และในบรรดาหน้ากากทั้งหมดที่เป็นหน้ากากทางการแพทย์สีเขียว เมื่อถึงร้านจำหน่ายปลีกจะขายปลีกได้ไม่เกินชิ้นละ 2.50 บาทใครขายเกิน 2.50 บาท ถือว่าขายเกินราคา ถ้าจับกุมจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งอาจโดนข้อหาร่วมอีกข้อหาหนึ่งถ้าขายเกินราคา คือ ค้ากำไรเกินควร จะโดนอีกข้อหาหนึ่งโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปีปรับไม่เกิน 140,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ 

ส่วนหน้ากากทางเลือกที่มีความหลากหลายรูปแบบตั้งแต่ต้นทุนนำเข้าหรือต้นทุนการผลิตในประเทศไปจนถึงผู้บริโภคจะบวกอีกไม่เกินร้อยละ 60 รวม VAT แล้ว เช่น ถ้านำเข้า 1 บาท ขายได้ไม่เกิน 1.60 บาท ถ้าเกินจากนี้ถือว่าขายเกินราคากำหนดและอาจพ่วงข้อหาค้ากำไรเกินควร ซึ่งการจัดสรรหน้ากากอนามัย 1.2 ล้านชิ้นต่อวันไปยังภาคส่วนต่าง ๆ นั้น มีศูนย์กระจายหน้ากากบริหารจัดการร่วมกันระหว่างกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งมีรองเลขาธิการ อย.เป็นผู้แทน และอธิบดีกรมการค้าภายในผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ เพื่อช่วยกันจัดสรรว่าจะไปที่ใดบ้าง ได้มีข้อตกลงร่วมกันเบื้องต้นว่า 700,000 ชิ้นนั้น กระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้รับผิดชอบ ระบายไปยังสถานพยาบาลทุกชนิด ทุกประเภท ทุกหน่วย ซึ่งถือเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงสุด  และกรมการค้าภายในจะบริหารจัดการ 500,000 ชิ้นที่เหลือกระจายไปยังภาคส่วนต่าง ๆ เช่น ร้านขายยา การบินไทย ร้านธงฟ้า และร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าส่งที่อยู่ในระบบตลาดทั้งหมดจะมีการบริหารจัดการรายวัน หากไม่เพียงพอต้องปรับตัวเลขทุกวัน 


“หน้ากากสีเขียวที่ใช้เพื่อการแพทย์ 1.2 ล้านชิ้นต่อวันนั้น จะต้องขายไม่เกิน 2.50 บาท ถ้าเกินถือว่าขายเกินราคา ถ้าแพงมากกว่านั้นถือว่าค้ากำไรเกินควร โดน 2 ข้อหา และถ้าไม่จำหน่ายเอาไปเก็บไว้ในปริมาณที่เข้าค่ายการกักตุนเพราะดำเนินคดีข้อหากักตุนด้วย เป็นหน้าที่ของกรมการค้าภายในและพาณิชย์จังหวัดเข้าไปดู” นายจุรินทร์ กล่าว

นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า ในการกระจายหน้ากากอนามัยทุกส่วนได้ร่วมมือกันและเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด หากจุดไหนไม่เพียงพอจะปรับตามความตัองการเพื่อให้กระจายหน้ากากอนามัยไปยังจุดต่างๆได้อย่างเพียงพอ ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญอย่างเต็มที่และหากฝ่ายใดหรือหน่วยงานไหนยังไม่ได้รับหน้ากากอนามัยขอให้แจ้งมายังกรมการค้าภายในไดทันที และขณะนี้ ทางกรมการค้าภายในได้ปรับวิธีการจัดสรรการจัดสรรหน้ากากอนามัยเพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับไปใช้อย่างเต็มที พร้อมเร่งกระจายไปจุดต่างๆให้รวดเร็วมากขึ้น และให้กรมการค้าภายในยกเลิกกระจายผ่านรถโมบายธงฟ้าเคลื่อนทีจำนวน 111 คันแล้ว หลังจากนำหน้ากากอนามัยผ่านรถโมบายไปแล้วเมื่อปลายสัปดาห์แต่เห็นว่า รถโมบายยังไม่สามารถกระจายหน้ากากอนามัยไปยังประชาชนได้อย่างเต็มที่มากนัก แต่จะเร่งให้กระจายไปยังช่องทางอื่น ๆ ที่กรมการค้าภายในดูแลอยู่แทน 

นอกจากนี้ ทางฝ่ายกองทัพได้ทำเรื่องขอหน้ากากอนามัยมายังกรมการค้าภายในจำนวน 50,000 ชิ้น เพื่อนำไปใช้ให้กับกลุ่มผีน้อยที่อยู่ระหว่างกักตัวเองในการเฝ้าดูอาการของตนเองในช่วงที่เดินทางกลับมาจากประเทศเกาหลีใต้ และในการประชุมคณะรัฐมนตรีพรุ่งนี้ ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์จะของบประมาณกว่า 100-150 ล้านบาท เพื่อเตรียมนำมาชดเชยเกี่ยวกับการหาซื้อวัตถุดิบจากต่างประเทศเพื่อนำมาผลิตหน้ากากอนามัยเพิ่มเติมกันต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลฯ เดือด ส่งท้ายปี

ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่นขนาดใหญ่ส่งท้ายปีนี้ การแข่งขันดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครต่างเร่งหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยมีผู้สมัคร 4 คน ลงชิงชัย ไปติดตามบรรยากาศโค้งสุดท้ายว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัย

ทอ.ส่ง F-16 ขึ้นบินป้องน่านฟ้า หลังมีอากาศยานไม่ทราบฝ่าย เหนือชายแดนไทย-เมียนมา

กองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นบิน เพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก

อุตุฯ เผยอีสาน-เหนือ อากาศหนาว กทม.อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสาน ภาคเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น

lightened Christmas tree in front of U.S. Capitol

รู้จัก “ชัตดาวน์” ของสหรัฐและผลกระทบ

วอชิงตัน 20 ธ.ค.- หน่วยงานจำนวนมากของรัฐบาลสหรัฐเสี่ยงต้องปิดทำการชั่วคราว หรือที่เรียกว่า กัฟเวิร์นเมนต์ ชัตดาวน์ (government shutdown) หลังผ่านพ้นเที่ยงคืนวันนี้ (20 ธันวาคม) ตามเวลาสหรัฐ หากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ทันเวลา หลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณฉบับใหม่เมื่อวานนี้ สาเหตุที่เสี่ยงชัตดาวน์ ปกติแล้วรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะต้องจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมด 438 แห่งก่อนวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ที่ผ่านมาสมาชิกรัฐสภามักทำไม่ได้ตามกำหนดเวลา และมักผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ต่อไปในระหว่างที่สมาชิกรัฐสภาหารือกันเพื่อผ่านร่างงบประมาณจริง ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุเมื่อเข้าสู่เช้าวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเตรียมร่างกฎหมายที่จะขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2568 แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันลงมติไม่เห็นด้วย และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณที่เสนอใหม่ ดังนั้นหากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ก่อนที่ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุ ก็จะเกิดการชัตดาวน์ เพดานหนี้ที่ทรัมป์ต้องการให้แก้ นายทรัมป์ยังต้องการให้สมาชิกรัฐสภาแก้ปัญหาเรื่องการกำหนดเพดานหนี้ประเทศให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้มากขึ้น ก่อนที่เขาจะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม 2568 รัฐสภาสหรัฐเป็นผู้กำหนดเพดานหนี้สาธารณะที่อนุญาตให้รัฐบาลก่อหนี้ แต่เนื่องจากรัฐบาลมักใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่ได้จากการจัดเก็บภาษี สมาชิกรัฐสภาจึงต้องคอยแก้ปัญหานี้เป็นครั้งคราว รัฐสภาสหรัฐกำหนดเพดานหนี้สาธารณะครั้งแรกในปี 2482 โดยกำหนดไว้ที่ 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.55 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน) และนับจากนั้นเป็นต้นมาได้ขยายเพดานหนี้แล้วทั้งหมด 103 […]

ข่าวแนะนำ

ฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ส่งสุขรับปีใหม่

ส่งความสุขรับปีใหม่ กับฟรีคอนเสิร์ต “มหานครคัลเลอร์ฟูลปาร์ตี้ 2025” ศิลปินลูกทุ่งเกือบ 100 ชีวิต ร่วมโชว์จัดเต็ม

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลฯ “กานต์” ส่อเข้าป้าย

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี “กานต์” หมายเลข 1 จากเพื่อไทย ส่อเข้าป้าย ด้าน ปชน. แถลงยอมรับยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ ส่วนอุตรดิตถ์ “ชัยศิริ” อดีตนายก อบจ. ส่อเข้าวิน

เด้ง ตร.จราจร ปมคลิปรับเงินแลกไม่เขียนใบสั่ง

ผบก.ภ.จว.นนทบุรี สั่งย้าย “รอง สว.จร.สภ.รัตนาธิเบศร์” เซ่นคลิปรับเงินแลกไม่ออกใบสั่ง พร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงภายใน 3 วัน ด้านเจ้าตัวอ้างไม่เห็นเงินที่วางบนโต๊ะในตู้ควบคุมสัญญาณไฟจราจร