ก.แรงงาน สั่งระงับผีน้อย ป้องกันลักลอบทำงานเกาหลีใต้

กทม.8มี.ค.- ก.แรงงาน  สั่งระงับการเดินทางแรงงานไทย  260 หลังพบพฤติการณ์จะลักลอบไปทำงานต่างประเทศ  พบผีน้อยเกาหลีใต้สูงสุด  รองลงมาคือบาห์เรน  เตือนทำงานผิดกฏหมายจะไม่ได้รับการคุ้มครองและสวัสดิการจากกฏหมายแรงงาน 


ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ได้สั่งคุมเข้มมาตรการลักลอบไปทำงานต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง  โดยสถิติเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สั่งระงับการเดินทางของคนหางานที่มีพฤติการณ์จะลักลอบไปทำงานต่างประเทศ และให้การยอมรับว่าจะไปทำงานในต่างประเทศ จำนวน 260 คน โดยระงับไปเกาหลีใต้มากที่สุด จำนวน 220  คน รองลงมาเป็นบาห์เรน จำนวน 22 คน โอมาน จำนวน 8 คน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จำนวน 5 คน กาตาร์ จำนวน 4 คน และอินเดีย จำนวน 1 คน 


ขณะที่มีคนหางานเดินทางไปทำงานและฝึกงานในต่างประเทศผ่านด่านตรวจคนหางานสุวรรณภูมิ ในเดือนกุมภาพันธ์ทั้งหมด จำนวน 6,156 คน ส่วนใหญ่ไปทำงานในแถบทวีปเอเชียมากที่สุด จำนวน 4,509 คน  โดย2 อันดับแรก คือ 1. ไต้หวัน 2,725 คน 2. เกาหลีใต้ 841 คน รองลงมาเป็นประเทศในแถบตะวันออกกลาง 723 คน และประเทศในแถบยุโรป 481 คน


ด้านนายสุชาติ พรชัยวิเศษกุล อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า กรมการจัดหางานมีมาตราการตรวจเข้มคนหางานไปทำงานในต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น  โดยได้สั่งการเร่งด่วนให้เจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนหางานประจำท่าอากาศยานต่างๆ เข้มงวด ตรวจสอบและระงับการเดินทางผู้ที่มีพฤติกรรมและต้องสงสัยว่าจะลักลอบไปทำงานในต่างประเทศ   พร้อมกับชี้แจงให้ทราบถึงการไปทำงานหรือฝึกงานในต่างประเทศอย่างถูกต้องตามกฎหมายว่าต้องแจ้งหรือขออนุญาตต่อกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน 

โดยประเทศเกาหลีใต้ยังคงเป็นประเทศที่ ถูกระงับการเดินทางมากที่สุด และคนงานไทยมีกระแสนิยมไปทำงานมากขึ้น เพราะได้รับอัตราค่าจ้างที่สูง ประกอบกับนายจ้างต้องการจ้างแรงงานไทยเนื่องจากขยัน อดทน จึงทำให้มีแรงจูงใจไปทำงานมากขึ้น ซึ่งทางด่านตรวจคนเข้าเมืองเกาหลีใต้ก็เพิ่มความเข้มงวดคนไทยที่จะเดินทางเข้าประเทศมากขึ้นเช่นกัน  เพราะปัจจุบันการเดินทางไปเกาหลีใต้ไม่ต้องใช้วีซ่า ที่ผ่านมาพบว่า แรงงานไทยที่มีพฤติการณ์จะลักลอบไปทำงาน นิยมแอบแฝงไปกับบริษัททัวร์ที่มีโปรแกรมท่องเที่ยวในเกาหลี และเมื่อเดินทางถึงสนามบิน ก็จะแยกออกจากกรุ๊ปทัวร์ทันที หรืออาจจะเที่ยวตามโปรแกรมทัวร์จนครบกำหนดการ แต่เมื่อถึงวันเดินทางกลับก็หลบหนีออกจากโรงแรมที่พักเพื่อหาทางไปยังสถานที่ทำงานของนายจ้างชาวเกาหลี

ขณะที่ การทำงานในสาธารณรัฐเกาหลีอย่างถูกต้องตามกฎหมายทำได้ 2 วิธี คือ 1. ภายใต้ระบบการจ้างแรงงานต่างชาติ (EPS) อนุญาตให้ทำงานได้ 5 กิจการคือ 1) กิจการอุตสาหกรรมการผลิต 2) กิจการเกษตรกรรม/ปศุสัตว์ 3) กิจการก่อสร้าง 4) กิจการประมง 5) กิจการบริการ และ ต้องผ่านการทดสอบทักษะและภาษาเกาหลีก่อน จึงจะได้รับการจัดส่งรายชื่อให้นายจ้างเกาหลีคัดเลือกให้เข้าไปทำงาน  2. แรงงานต่างชาติประเภทช่างฝีมือ ซึ่งจะต้องได้รับอนุมัติหรือขอวีซ่าจากกระทรวงยุติธรรมสาธารณรัฐเกาหลี

พร้อมขอเตือนแรงงานไทยที่หลบหนีไปทำงานอย่างผิดกฎหมายจะไม่ได้รับการคุ้มครองจากกฎหมายแรงงานและสวัสดิการใดๆ ทั้งจากการถูกโกงค่าแรง ทำร้าย รวมทั้ง กรณีเจ็บป่วย พิการหรือเสียชีวิต จะไม่ได้รับสวัสดิการใดๆ ต้องรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลหรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ เอง  ดังนั้น จึงขอให้แรงงานไทยอย่าหลงเชื่อผู้ที่ชักชวนให้ไปทำงานในต่างประเทศโดยผิดกฎหมาย และไม่ให้กระทบต่อคนไทยที่ปฏิบัติถูกต้อง .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย