กกต. 6 มี.ค.- 30 พรรคสหมิตรยื่นหนังสือถึง กกต. ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่คำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อใหม่ หลังยุบพรรคอนาคตใหม่ พร้อมเรียกร้องนายกฯ อย่าปรับ ครม.ช่วงนี้ ชี้ ควรเร่งแก้ปัญหาของประเทศ ไม่ใช่เอาการเมืองมาซ้ำเติม โดยเฉพาะพวกซื้อตัว ส.ส. รวมกลุ่มต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรี
นายบุญยงค์ จันทร์แสง ประธานกลุ่ม 30 พรรคสหมิตร และแกนนำ ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หลังสังคมเกิดความสับสน กรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ รวมทั้ง ตัดสิทธิเลือกตั้งของกรรมการบริหารพรรค 11 คน ที่เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ และมีการเสนอให้ กกต.เลื่อนลำดับบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองอื่นขึ้นมาแทน เพื่อให้มี ส.ส.ครบในการทำหน้าที่ในสภา
“กลุ่ม 30 พรรคเห็นว่า ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลา และไม่มีข้อกฎหมายใดๆ ที่กำหนดให้ กกต. คำนวณคะแนนบัญชีรายชื่อใหม่ เพราะกฎหมายจะคำนวณใหม่ได้ ก็ต่อเมื่อเกิดจากเหตุทุจริตการเลือกตั้ง ภายใน 1 ปี การที่ กกต.ไม่คำนวณคะแนนบัญชีรายชื่อใหม่ เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว เราจึงมายื่นหนังสือให้กำลังใจ กกต.” นายบุญยงค์ กล่าว
นายบุญยงค์ กล่าวว่า กรณีที่จะคำนวณใหม่ คือ กรณีใบเหลืองที่ กกต. ส่งเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง พิจารณาเรื่องการทุจริตเลือกตั้งของนายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส.เขต 5 สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งหากศาลชี้ว่าผิด กกต.จึงจะต้องคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อใหม่ทันที
นายบุญยงค์ ยังกล่าวถึง สถานการณ์การเมืองหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาฯ ว่า ในนามของกลุ่ม ไม่เห็นด้วยกับการปรับ ครม. เพราะไม่รู้ว่าการปรับในครั้งนี้จะมีประโยชน์อะไร ขณะนี้ประชาชนกำลังเดือดร้อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโรคโควิด-19 แฟลชม็อบของนักศึกษา นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเศรษฐกิจ สูญเสียรายได้แสนกว่าล้านบาทจากการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นรายได้หลักของประเทศ ประกอบกับงบประมาณที่จะใช้ในช่วงเดือนเมษายน ก็ไม่ได้ช่วยอะไรในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เพียงแค่พยุงให้อยู่รอด
“ขณะนี้ประเทศอยู่ในขั้นวิกฤตแล้ว อย่ามาแย่งกันในเรื่องการปรับ ครม. อยากเป็นรัฐมนตรี สลับกันในกลุ่มก๊วน จะซื้อ ส.ส.จะแย่ง ส.ส. ปั่นราคากันหลายสิบล้านเพื่อไปต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรี ผมในฐานะตัวแทนกลุ่ม 30 พรรคสหมิตร ไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งกับการปรับ ครม. ขอให้รัฐบาลแก้ปัญหาเฉพาะหน้าก่อน” นายบุญยงค์ กล่าว
ด้าน นายก้องภพ วังสุนทร รองประธานกลุ่มสหมิตร ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่จะแจกเงินให้กับประชาชน 14 ล้านคน คนละ 1,000-2,000 บาท ที่จะใช้งบกว่าแสนล้านบาท ซึ่งกลุ่มเห็นว่าไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจฐานรากได้ .- สำนักข่าวไทย