ทำเนียบฯ 5 มี.ค.- นายกรัฐมนตรี มอบ “เทวัญ” เป็นผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคโควิด -19 พร้อมเปิดทางการพรุ่งนี้ (6 มี.ค.) เพื่อประสานงานและบูรณาการทำงานทุกภาคส่วน พร้อมเปิดสายด่วน 1111 รับเรื่องราวร้องเรียนเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19
นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ในวันพรุ่งนี้ (6 มี.ค.) จะเปิดศูนย์ ข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด -19) อย่างเป็นทางการ นายกรัฐมนตรีได้แต่งตั้งให้ตนเป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ ซึ่งศูนย์จะตั้งขึ้นที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล มีวัตถุประสงค์ เพื่อแถลงข่าวและให้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งศูนย์มีอำนาจหน้าที่ รวบรวมข้อมูล ประสานงานหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ และเผยแพร่ข้อมูล รวมทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือป้องกันอย่างทันท่วงที และชี้แจงต่อภาคเอกชน ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมเชิญบุคคลที่เกี่ยวข้อง หรือได้รับผลกระทบเข้าร่วมประชุม รวมทั้งเป็นศูนย์รับบริจาคเงินและสิ่งของต่าง ๆ เพื่อระงับยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อ โควิด-19 ให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบราชการ และดำเนินการตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย โดยจะรายงานสถานการณ์และความคืบหน้าต่อนายกรัฐมนตรีทุกวัน
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ศูนย์จะแถลงข่าวเวลา 14.00 น. ของทุกวัน รวมวันเสาร์-อาทิตย์ ด้วย และหากมีเหตุการณ์สำคัญ อาจมีการแถลงในทันที เป็นแต่ละกรณีไป สามารถติดต่อศูนย์ฯ ได้ผ่านเบอร์โทรศัพท์ หมายเลข 02-2886070-4 หรือสายด่วน 1111 สำหรับประชาชนที่จะสอบถามหรือร้องเรียนได้ทุกกรณี เริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป โดยจะมีเจ้าหน้าที่รับโทรศัพท์ ประสานงานไปยังหน่วยงาน กระทรวงที่รับผิดชอบ
นายเทวัญ กล่าวว่า ศูนย์นี้ก็จะมีการบูรณาการข้อมูลข่าวสารและชี้แจงเรื่องเฟคนิวส์กับประชาชนด้วย โดยเฉพาะข่าวลวงในโซเชียลมีเดีย เมื่อมีการร้องเรียนมาก็จะประสานไปยังกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้รีบดำเนินการ โดยบูรณาการร่วมกัน ซึ่งในวันพรุ่งนี้จะมีการเรียกประชุมปลัดกระทรวงทุกกระทรวง เพื่อชี้แจงการทำงานต่อไป
“ศูนย์ข้อมูลนี้จะมีข้อมูลที่ถูกต้อง ชัดเจน จากทุกกระทรวง และจะมีเจ้าหน้าที่รับโทรศัพท์ เพื่อทำการสอบถามไปยังหน่วยงานต่างๆ เมื่อได้รับเรื่องร้องทุกข์ จากหน่วยงานไหน กระทรวงใด ก็จะสอบถามไปยังต้นสังกัดนั้นและชี้แจงประชาชนต่อไป โดยศูนย์ดังกล่าวนี้จะมีการตอบคำถามและเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงเป็นกรณี ๆ ไป เช่นกรณีผีน้อยหรือแรงงานไทยผิดกฎหมายที่เกาหลีใต้กลับไทย จะดำเนินการอย่างไร เป็นต้น” นายเทวัญ กล่าว
นายเทวัญ กล่าวว่า สำหรับกรณีหน้ากากอนามัย ที่ผลิตจาก 11 โรงงาน สามารถผลิตได้ 36-38 ล้านชิ้นต่อเดือน โดยรัฐบาลกระจายให้ทุกภาคส่วนได้ใช้อย่างทั่วถึง ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์ ยืนยันว่า ไม่มีการกักตุนหน้ากากอนามัยแน่นอน เมื่อวานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบว่า มีพันกว่าร้านค้ามีสินค้าจำหน่ายทั้งหมด แต่หากใครพบสิ่งผิดปกติหรือการกักตุนสินค้าให้รีบแจ้ง กระทรวงพาณิชย์ จะมีมาตรการคุมเข้มเพิ่มขึ้น ภายใน 1-2 วันนี้
ส่วนกรณีแรงงานไทยผิดกฎหมายในประเทศเกาหลีใต้ หรือ ผีน้อย เดินทางกลับไทยแล้วไม่ยอมกักตัว 14 วันนั้น นายเทวัญ กล่าวว่า ตนไม่ปฎิเสธความรับผิดชอบ โดยจะให้กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงแรงงาน และกระทรวงการต่างประเทศ ดำเนินการในการออกมาตรการใหม่ที่จะคุมเข้มมากขึ้น และหากพบแรงงานที่เข้าข่ายลักษณะเสี่ยง จะมีการดูแลและมีมาตรการที่คล้ายคลึงกัน ขณะที่ในส่วนของข้าราชการที่เดินทางกลับจากประเทศกลุ่มเสี่ยงหรือแวะไปประเทศเสี่ยง ให้หยุดกักตัวได้ 14 วันโดยไม่ถือว่าเป็นวันลา.-สำนักข่าวไทย