นนทบุรี 21 ก.พ. – กกร.มีมติห้ามส่งออกหน้ากากอนามัยและเร่งกระจายในประเทศให้ถึงมือผู้มีความเสี่ยงอย่างทั่วถึง
นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) กล่าวว่า เนื่องจากมีการเข้มงวดการขออนุญาตส่งออกหน้ากากอนามัย จึงมีผู้ที่พยายามแยกการส่งออกไม่ให้ถึง 500 ชิ้น เพื่อหลีกเลี่ยงเงื่อนไขการขออนุญาต กกร.จึงมีมติในการประชุมเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาห้ามการส่งออกหน้ากากอนามัย ยกเว้นได้รับการอนุญาตจากเลขานุการ กกร. โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 เป็นต้นไป โดยการนำออกได้มีกรณีเดียว คือ การนำไปใช้เป็นการส่วนตัวไม่เกิน 30 ชิ้น/คน/ครั้ง ยกเว้นคนป่วยที่มีใบรับรองแพทย์ให้นำติดตัวได้ไม่เกิน 50 ชิ้น
สำหรับกรณีประเทศเพื่อนบ้าน หากมีความจำเป็นใช้ให้ติดต่อกระทรวงการต่างประเทศโดยตรง โดยขอให้มีคำขอระบุการขออนุญาตส่งออกในจำนวนที่ต้องการในนามของรัฐบาลโดยตรง กรมฯ จะเสนอเข้าที่ประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาการอนุญาตการส่งออกซึ่งหน้ากากอนามัย ซึ่งมีผู้แทนจากกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงพาณิชย์ร่วมพิจารณา สำหรับการจัดสรรเพื่อให้ผู้ใช้มีปริมาณเพียงพอ ราคา เป็นธรรม ซึ่งกรมฯ ได้แจ้งผู้ครอบครองหน้ากากอนามัยให้จัดสรรให้กับศูนย์บริหารจัดการฯ ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ในปริมาณที่ครอบครอง โดยกำหนดเวลาให้จัดสรรได้ภายในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 หากเลยวันนี้ไปแล้วจะฝ่าฝืนกฎหมาย กกร. มาตรา 25 (9) มีโทษจำคุก 5 ปี ปรับ 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จึงขอเตือนให้ผู้ครอบครองปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าว
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้เสนอให้หน้ากากอนามัยเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตส่งออกตั้งแต่ 500 ชิ้นขึ้นไป ให้ผู้ผลิต ผู้นำเข้า และตัวแทนจำหน่าย แจ้งปริมาณการเก็บสตอก ราคาซื้อขาย ต้นทุนการผลิต ตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2563 เป็นต้นมา และยังกำหนดให้ผู้ผลิต ผู้ค้า ผู้จัดสรรหน้ากากอนามัย จำหน่ายให้กับศูนย์บริหารจัดการสินค้าหน้ากากอนามัยของกรมการค้าภายในจัดการกระจาย 5.55 ล้านชิ้น ซึ่ง กกร.มีคำสั่งให้ตั้งขึ้นมา โดยกระจายให้องค์การเภสัชกรรม โรงพยาบาล 3.5 ล้านชิ้น ร้านธงฟ้าลดค่าครองชีพ 1.8 ล้านชิ้น การบินไทย 180,000 ชิ้น สมาคมร้านขายยา 175,000 ชิ้น รวมเดือนกุมภาพันธ์ 2563 จำนวน 12 ล้านชิ้น
สำหรับเดือนมีนาคม 2563 จะมีหน้ากากอนามัยเข้ามาในศูนย์ฯ อีกไม่น้อยกว่า 15 ล้านชิ้น เพื่อกระจายให้ทั่วถึง รวมถึงให้ดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ที่ฉวยโอกาสค้ากำไรเกินควรและฝ่าฝืนประกาศที่ กกร. กำหนดอย่างจริงจังและเด็ดขาด ความคืบหน้าการดำเนินการเรื่องการแจ้งปริมาณการครอบครองหน้ากากอนามัย มีผู้แจ้งตามกำหนดเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2563 มี 2 ราย จำนวน 217,000 ชิ้น กรมการค้าภายในจึงออกหมายเรียกให้ผู้ที่ครอบครองหน้ากากอนามัยเข้าชี้แจงข้อเท็จจริงและส่งทีมงานออกตรวจสตอกปรากฏว่าถึงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2563 มีผู้แจ้งสตอกเพิ่มขึ้นเป็น 74 ราย มีสตอกรวม 28 ล้านชิ้น เป็นการแสดงให้เห็นว่ามีหน้ากากอนามัยป้อนตลาดมากขึ้น
ส่วนการควบคุมการส่งออก มีผู้ค้าขออนุญาตส่งออกรวม 100 ราย จำนวน 32.68 ล้านชิ้น คณะอนุกรรมการพิจารณาการขออนุญาตการส่งออกซึ่งหน้ากากอนามัยที่กรมการค้าภายในได้พิจารณาที่จะให้ส่งออก ส่งออกได้เฉพาะหน้ากากที่มีคุณลักษณะหรือสเปคที่ไม่ได้ใช้ในเมืองไทย มีข้อจำกัดด้านลิขสิทธิ์ของเจ้าของเครื่องหมายการค้าที่ว่าจ้างผลิต และมีความพร้อมในการผลิตในสเปคที่ใช้ในเมืองไทยที่ป้อนให้ตลาดเมืองไทยเป็นลำดับแรก ถึงขณะนี้มีผู้ที่ได้รับการพิจารณาอนุญาต 1 ราย จำนวน 2.1 ล้านชิ้น โดยผู้ส่งออกยอมรับเงื่อนไขที่จะผลิตให้ผู้ซื้อในประเทศไม่น้อยกว่า 7.2 ล้านชิ้น ส่วนผู้ส่งออกรายอื่นยังไม่อนุมัติให้ส่งออกได้.-สำนักข่าวไทย