“ปิยบุตร” แถลงปิดคดีนอกศาลไม่ผิดคดีเงินกู้ 191 ล้านบาท

อนาคตใหม่ 18 ก.พ.- “ปิยบุตร” แถลงปิดคดีนอกศาล  ยืนยัน พรรคอนาคตใหม่ไม่มีความผิดคดีกู้เงิน “ธนาธร”  ระบุ ในเอกสารข้อห้ามของ กกต.ไม่มีระบุเรื่องกู้เงิน  ศาลรัฐธรรมนูญต้องยกคำร้อง มั่นใจ ส.ส.พรรคไม่เติมคะแนนให้รัฐบาล


นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ แถลงปิดคดีนอกศาล ที่ พรรคอนาคตใหม่ ในคดีพรรคอนาคตใหม่กู้เงิน 191 ล้านบาท จากนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค ว่า เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญไม่อนุญาตให้ไต่สวนพยาน และได้นัดอ่านคำวินิจฉัย วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ นี้ เวลา 15.00 น. ทำให้พรรคอนาคตใหม่ไม่มีโอกาสได้ไต่สวนพยานบุคคล และแถลงปิดคดีในศาลรัฐธรรมนูญ จึงจำเป็นต้องแถลงปิดคดี วันนี้ (18 ก.พ.)  

นายปิยบุตร กล่าวว่า การแถลงปิดคดีครั้งนี้  มี 5 ประเด็น คือ  ทำไมพรรคอนาคตใหม่จึงกู้เงินนายธนาธร เนื่องจากพรรคอนาคตใหม่จดจัดตั้งวันที่ 15 มีนาคม 2561 และรอจัดประชุมใหญ่ในวันที่ 27 พฤษภาคม 2561 และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับรองสถานะในวันที่ 3 ตุลาคม 2561 จากนั้นวันที่ 6 ตุลาคม 2561 ได้เปิดแคมเปญรับสมัครสมาชิกพรรค ขายสินค้าออนไลน์ ระดมทุน และรับบริจาค เพื่อให้กระบวนการทุกอย่างครบตามที่ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง กำหนดในการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง  


นายปิยบุตร กล่าวว่า แต่ในช่วงนั้น ยังมีคำสั่ง คสช.ห้ามพรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมทางการเมือง จนกระทั่ง วันที่ 11 ธันวาคม 2561 คสช.ถึงมีคำสั่งปลดล็อคให้ทำกิจกรรมทางการเมืองได้  ทำให้พรรคการเมืองที่เกิดขึ้นใหม่มีข้อจำกัด ในการหาเงินทำกิจกรรมทางการเมืองก่อนการเลือกตั้ง ทำให้พรรคอนาคตใหม่ตัดสินใจกู้เงิน และขายของที่ระลึก  เพราะไม่ต้องการระดมทุนจากกลุ่มทุนผูกขาด ไม่ต้องการให้มีนายทุน และไม่ต้องการปกปิดการกู้เงิน จึงเปิดเผยผ่านงบการเงิน  

นายปิยบุตร กล่าวว่า พรรคการเมืองในประเทศไทยสามารถกู้เงินได้ ตามกฎหมาย เพราะเป็นนิติบุคคลเอกชน ไม่ใช่หน่วยงานของรัฐ ที่ต้องมี พ.ร.บ.จัดตั้ง ขณะที่ สำนักงาน กกต. เคยเชิญพรรคการเมืองไปชี้แจงก่อนการเลือกตั้ง ถึงข้อห้ามและบทลงโทษต่างๆ และแจกเอกสารความผิดและอัตราโทษตามกฎหมายที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมือง  ซึ่งตนได้เปิดอ่านทุกหน้า ไม่มีสักบรรทัดเดียว ที่ห้ามพรรคการเมืองกู้เงิน หากมีเขียนไว้ชัดๆ พรรคอนาคตใหม่คงไม่กู้


นายปิยบุตร กล่าวว่า  พรรคการเมืองต้องส่งงบการเงินให้กับ กกต. ครั้งแรก ช่วงเดือนธันวาคม 2561  พบว่ามี 16 พรรคระดมทุนในลักษณะเงินทดรอง และอีก 4 พรรคใช้การกู้เงิน แต่ไม่ว่าจะกรณีใด ก็ล้วนเป็นนิติกรรมกู้ยืมเงินทั้งสิ้น   ขณะนี้ มีพรรคการเมืองกู้เงินมากกว่า 20 พรรค หากวันนี้ไม่ต้องการให้พรรคการเมืองกู้เงิน ก็ควรไปแก้ไขกฎหมายให้ชัดในอนาคต หรือถ้าจะให้พรรคการเมืองกู้เงินได้ ก็แก้ไขกฎหมายเพื่อตั้งกองทุนให้พรรคการเมืองกู้เงินได้ เพื่อความเสมอภาค เพราะแต่ละพรรคมีความสามารถในการระดมทุนไม่เท่ากัน 

“ที่สำคัญเงินกู้ไม่ใช่รายได้  ไม่ใช่เงินบริจาค และไม่ใช่ประโยชน์อื่นใด แต่คือหนี้สิน งบการเงินของแต่ละพรรคที่แสดงต่อ กกต. ในส่วนของเงินกู้ล้วนจัดไปอยู่ในหมวดหนี้สิน ดังนั้น การที่มาตรา 62 ของกฎหมายพรรคการเมือง ไม่ได้กำหนดเรื่องรายได้ที่มาจากเงินกู้ ย่อมถูกต้องตามระบบบัญชี ต่อให้ กกต.จะตีความหรือขยายความว่าเรามีความผิด ก็จะมีโทษแค่การปรับเท่านั้น” นายปิยบุตรกล่าว 

นายปิยบุตร กล่าวว่า ในชั้นไต่สวน กกต.ได้สอบถามว่า เพราะสงสัยว่าพรรคอนาคตใหม่จะสามารถชำระหนี้คืนได้หรือไม่  ซึ่งตนก็สงสัยเหมือนกันว่า กกต.เคยไปถามพรรคการเมืองอื่นๆ แบบนี้หรือไม่ ถ้าไปเปิดงบการเงินของพรรคอนาคตใหม่ จะพบว่าพรรคระดมทุน ขายสินค้าของที่ระลึกได้มากกว่า 70 ล้านบาท และทยอยคืนเงินให้หัวหน้าพรรคแล้วส่วนหนึ่ง 

นายปิยบุตร กล่าวว่า กระบวนการในชั้น กกต.มีความผิดปกติ ไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ กรณีมาตรา 66 คณะอนุกรรมการเรียกพรรคเป็นพยานก่อนที่ต่อมาจะยกคำร้องว่า พรรคการเมืองกู้เงินได้ แต่ กกต.ก็ยังส่งให้คณะอนุกรรมการอีกคณะ โดยมีมติเช่นเดิม  2 คณะให้ยกคำร้องไปแล้ว ซึ่งตามกฎหมายจะต้องยุติ แต่ กกต.กลับเดินเรื่องต่อไปเรื่อยๆ 

นายปิยบุตร กล่าวว่า ส่วนกรณีมาตรา 72 กกต.ใช้เวลาแค่ 2 สัปดาห์ ในการส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรค โดยไม่เคยมีการแจ้งข้อกล่าวหากับพรรคอนาคตใหม่ และไม่เคยมีการเรียกไปให้ข้อมูลใดๆ   พรรคอนาคตใหม่รู้ว่าถูกร้องยุบพรรคพร้อมประชาชนทั่วประเทศ ในวันที่ 13 ธันวาคม 2562  

“แบบนี้หลักประกันการต่อสู้คดีของพรรคอนาคตใหม่อยู่ตรงไหน  กกต.เป็นองค์กรอิสระ ไม่ใช่นักร้อง ที่จะหยิบบัตรสนเท่ห์ และส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ กกต.จะรีบอะไรขนาดนั้น  ศาลรัฐธรรมนูญเคยมีบรรทัดฐานว่า การพิจารณาคดีข้ามขั้นตอนของ กกต. เป็นสาระสำคัญที่ทำให้มีการวินิจฉัยยกคำร้องมาแล้วจากกรณีของพรรคประชาธิปัตย์ที่ถูกกล่าวหารับเงินจากเอกชน” นายปิยบุตร กล่าว

นายปิยบุตร กล่าวว่า ในอีกแง่หนึ่ง ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจยุบพรรค และไม่มีอำนาจตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค กล่าวคือ รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 210 (3) บัญญัติว่าหน้าที่และอํานาจอื่นตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งเมื่อพิจารณารัฐธรรมนูญแล้ว ไม่มีมาตราใดที่กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจยุบพรรค และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค โดยอำนาจยุบพรรค และเพิกถอนสิทธิกรรมการบริหารพรรคมีอยู่ใน มาตรา 92 ของกฎหมายพรรคการเมืองเท่านั้น ดังนั้น ประเด็นนี้เป็นประเด็นข้อกฎหมายที่ศาลรัฐธรรมนูญต้องวินิจฉัยก่อนว่า มาตรา 92 ของกฎหมายพรรคการเมืองขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ 

นายปิยบุตร กล่าวว่า บทลงโทษของมาตรา 66 มีแต่โทษเพิกถอนสิทธิของบุคคลที่บริจาคเงินเกิน และโทษปรับบุคคลที่บริจาคเงินเกินจำนวนที่กฎหมายกำหนด ส่วนพรรคที่รับเงินดังกล่าว ก็ต้องส่งเงินคืนและเพิกถอนสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคเท่านั้น โดยไม่มีการยุบพรรค  ที่สำคัญ กระบวนการนี้ต้องเป็นไปตามกระบวนการปกติ คือ กกต.พิจารณา และส่งศาลอาญา และสู้กันถึง 3 ศาล โดยศาลรัฐธรรมนูญไม่เกี่ยว  

นายปิยบุตร กล่าวว่า ส่วนกรณีมาตรา 72 กฎหมายมีวัตถุประสงค์ป้องกันไม่ให้พรรคการเมืองเอาเงินสีเทามาใช้ในพรรค ถามว่าการกู้เงินผิดอย่างไร เพราะเงินที่มาก็มีแหล่งที่มาที่ถูกกฎหมาย ดังนั้น พรรคอนาคตใหม่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับมาตรา 72 

“เหตุที่ต้องหยิบ 72 มาเป็นประเด็น เพราะ กกต.เห็นว่า มีโทษยุบพรรค กกต.ถึงจะส่งศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคได้ การมาบอกว่า เมื่อกฎหมายไม่ให้กู้เงินแล้ว โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยมิชอบย่อมเป็นความผิดนั้น ขอชี้แจงว่า พรรคไม่มีทางรู้ว่า กกต.จะตีความพิสดารขนาดนี้  ถ้าพิสูจน์เจตนา ก็ชัดเจนว่า พรรคไม่มีทางรู้เลยว่า กกต.จะตีความแบบนี้ ดังนั้น ยืนยันได้ว่าพรรคอนาคตใหม่ไม่มีความผิดตามมาตรา 62 มาตร 66 มาตรา 72 ศาลรัฐธรรมนูญต้องยกคำร้อง” นายปิยบุตร กล่าว

นายปิยบุตร กล่าวว่า วันที่ 21 กุมภาพันธ์ นี้ หากยุบพรรคจริง จะเป็นครั้งแรกที่ยุบพรรคฝ่ายค้าน และยุบก่อนอภิปรายไม่ไว้วางใจ 3 วัน พรรคอนาคตใหม่เริ่มต้นสร้างความหวังใหม่ให้กับคนรุ่นหนุ่มสาว  ถ้าเกิดการยุบพรรคขึ้น จะไม่ใช่แค่การยุบพรรคเท่านั้น  แต่เป็นการยุบความหวังของคนรุ่นใหม่  และยังเป็นการปิดกั้นการแสดงความคิดเห็น ที่ต้องการให้ประเทศไทยหลุดจากวงจรรัฐประหาร และการลดความเหลื่อมล้ำ 

“พัฒนาการประชาธิปไตยกำลังเดินไปตามครรลอง อย่าเอานิติสงครามมาเป็นเครื่องมือ เพราะไม่เป็นคุณต่อการพัฒนาประเทศไทย ตรงกันข้ามจะตอกลิ่มให้ความแตกแยกร้าวลงไปเรื่อยๆ ฝากถามไปยัง กกต.และผู้บริหาร กกต. ในฐานะผู้ร้องยุบพรรคอนาคตใหม่ ว่า ตื่นเช้ามาในแต่ละวัน ส่องกระจกแล้วถามตัวเองดังๆ ว่า คุณต้องการยุบพรรค เพราะเป็นพรรคอนาคตใหม่ใช่หรือไม่  และไม่ต้องการให้ธนาธรและปิยบุตรมีบทบาทในทางการเมืองใช่หรือไม่” นายปิยบุตร กล่าว

นายปิยบุตร กล่าวว่า  พรรคจะนัด ส.ส. กรรมการบริหารพรรค และผู้สนับสนุนของพรรคมาร่วมฟังคำวินิจฉัยพร้อมกัน ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ เวลา 15.00 น. ณ ที่ทำการพรรคอนาคตใหม่ และจะเปิดทำการขายสินค้าของพรรค รับบริจาค และเปิดรับสมัครสมาชิกพรรค เพื่อให้เห็นกันไปว่า พรรคที่กำลังโดนศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย กลับมีผู้มาสนับสนุนจำนวนมาก 

“ท้ายที่สุดแล้ว หนังยุบพรรคเรื่องนี้จะไม่เหมือนเดิม เพราะพรรคอนาคตใหม่จะไม่หายไป นายธนาธร และนายปิยบุตรจะไม่หายไป แต่จะเห็นว่าพวกเราโลดแล่นมากกว่าเดิม  ส.ส.ของพรรคจะไม่เติมให้กับรัฐบาล” นายปิยบุตร กล่าว .- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

EOD เร่งกู้ระเบิดตกค้าง-พิสูจน์กลิ่นศพทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 4 ส.ค. – ตลอดทั้งวัน ชุด EOD ตรวจสอบพื้นที่ตามแนวปะทะ อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ พบวัตถุระเบิดและลูกกระสุนปืนใหญ่ตกค้างรวมกว่า 140 ลูก ใน 34 จุด ขณะที่กลิ่นศพทหารกัมพูชา ยังไม่ส่งผลกระทบฝั่งไทย แต่ชาวบ้านในพื้นที่ยืนยันมีกลิ่นจริง ตลอดทั้งวัน ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ EOD ของตำรวจตระเวนชายแดนที่ 21 และตำรวจภูธรพนมดงรัก รวมถึง ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ หรือ TMAC เข้าตรวจสอบพื้นที่ตามแนวปะทะใน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังสถานการณ์ปะทะสงบลง โดยพบวัตถุระเบิดและลูกกระสุนปืนใหญ่ตกค้างรวมกว่า 140 ลูก ใน 34 จุด หัวหน้าชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดให้ข้อมูลว่า ระเบิดส่วนใหญ่ทำงานไปแล้ว เหลือเพียง 7 จุดที่ยังคงอยู่ระหว่างการเก็บกู้ แต่มีบางจุดที่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเข้าปฏิบัติงานได้ เนื่องจากอยู่ติดแนวชายแดน และอาจสร้างความเข้าใจผิดให้กับทหารทั้ง 2 ฝ่ายที่ยังคงตรึงกำลังอยู่ในพื้นที่ อีกทั้งสภาพพื้นที่เป็นโคลนตม ทำให้บางจุดลูกระเบิดฝังลึกมาก ทำให้การเก็บกู้ยากลำบาก จึงทำได้เพียงล้อมรั้วแสดงสัญลักษณ์ให้ทราบ เพื่อความปลอดภัยและไม่ให้ผู้คนเข้าใกล้ […]

มทภ.2 หวัง GBC ได้ข้อสรุปที่ดี ลั่นไม่ถอยกำลังทหาร

กองทัพบก 4 ส.ค. – แม่ทัพภาค 2 ลั่น ไม่ถอยกำลังทหาร หวังถก GBC ได้ข้อสรุปที่ดี แต่ยังคาดหวังอะไรไม่ได้หากสองประเทศยอมรับเงื่อนไขซึ่งกันและกันก็จบง่าย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปชายแดนไทย-กัมพูชา (GBC) ที่ประเทศมาเลเซีย ว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าคุยเรื่องอะไรกัน แต่ก็คาดหวังว่าจะเป็นไปในทิศทางที่ดี หาข้อตกลงร่วมกันให้ดีที่สุด ส่วนที่หลายฝ่ายมีความกังวลสถานการณ์ชายแดน หลังวันที่ 7 สิงหาคม จะมีความตึงเครียดนั้น พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของผู้นำทั้งสองประเทศ จะเจอกันตรงจุดไหน หากยอมรับเงื่อนไขซึ่งกันและกัน ก็จบง่าย ซึ่งตอนนี้ยังคาดเดาอะไรไม่ได้ ว่าผลจะออกมาอย่างไร เมื่อถามว่า ประเด็นเรื่องการถอนกำลัง พล.ท.บุญสิน ยืนยันว่า “กองทัพไม่ถอย เพราะเรารุกในเขตพื้นที่อธิปไตยของเรา” สำหรับการดูแลชายแดนไทย-กัมพูชา กองทัพทั้งสองประเทศได้ปฏิบัติตามข้อตกลงการหยุดยิง ที่สองรัฐบาลได้พูดคุยกันไว้เพื่อความสงบสุขบริเวณชายแดน ซึ่งเราพยายามทำให้ดีที่สุด แต่ยอมรับว่า มีปัญหาเรื่องโดรนไม่ทราบฝ่าย ซึ่งกองทัพภาคที่ 2 ได้บูรณาการหน่วยงานทุกภาคส่วน เพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่ ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์ดีขึ้น รวมถึงการติดตามกลุ่มบุคคลที่ทำตัวเป็นสายลับ และไส้ศึก […]

สำนักโฆษก กห. พาย้อนเหตุการณ์ยุคเขมรแดงปี 1979-1980

4 ส.ค.- เตือนความจำเขมร! สำนักโฆษกกระทรวงกลาโหม โพสต์ย้อนเหตุการณ์ไทยช่วยเขมร ยุคเขมรแดง ปี 1979-1980 เปิดประตูรับคนเขมรเป็นที่พึ่งสุดท้าย-เปิดค่ายพักพิงแบบไม่ลังเล วันนี้(4 ส.ค.2568) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจสำนักโฆษกกระทรวงกลาโหม ได้เผยแพร่ข้อมูลการช่วยเหลือของฝ่ายไทยที่มีต่อชาวกัมพูชาในยุคเขมรแดง โดยข้อความระบุว่า จากคนที่หนีตายสู่คนที่หันปากกระบอกปืนกลับมา” เมื่อ ‘เขมร’ ลืมทุกอย่างที่ไทยเคยมอบให้ ปี 𝟏𝟗𝟕𝟗… ชาวกัมพูชานับแสน นับล้าน วิ่งหนีตายจากนรกบนดินที่ชื่อว่า “เขมรแดง” ข้ามพรมแดนมายังไทย ในสภาพหมดเรี่ยวแรง หิวโหย และเกือบสิ้นลมหายใจ คนไทยเปิดประตูให้เขาพักพิง ตอนนั้นประเทศไทยไม่ได้เป็นเพียง “เพื่อนบ้าน” แต่กลายเป็น “ที่พึ่งสุดท้าย” เราส่งอาหาร เราเปิดค่ายพักพิง เราช่วยเหลือทั้งในนามรัฐบาล องค์กรพัฒนาเอกชน และแม้แต่ชาวบ้านธรรมดา ๆ ที่ยอมแบ่งข้าวเพียงคำเดียวให้ผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชา การอพยพที่ไม่มีแผนที่เริ่มตั้งแต่ต้นปี 𝟏𝟗𝟕𝟗 จนถึงต้นยุค 𝟏𝟗𝟖𝟎𝐬 มีชาวกัมพูชาจำนวนมหาศาล บางแหล่งบอกว่ารวมกันถึง 𝟔 แสนถึง 𝟖 แสนคน อพยพอย่างไร้ทิศทางบางคนเดินเท้าเป็นร้อยกิโลเมตรจากกลางประเทศกัมพูชา หลายคนไร้เอกสาร ไม่มีอาหาร ไม่มีเป้าหมาย […]

กต. จัดบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศ

ก.ต่างประเทศ 4 ส.ค.-กต. จัดบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา คาดแจงข้อมูลที่บิดเบือน หลังกัมพูชาปล่อยเฟคนิวส์ต่อเนื่อง ด้าน “มาริษ” ย้ำไทยไม่ได้เริ่มก่อน ยึดแก้ปัญหาผ่านกลไกทวิภาคี เรียกร้องกัมพูชายึดหลักสันติวิธี-จริงใจ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานบรรยายสรุปแก่คณะทูตและองค์การระหว่างประเทศเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ร่วมกับ นายปิยภักดิ์ ศรีเจริญ อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก และ นางสาวพินทุ์สุดา ชัยนาม อธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ ณ ห้องนราธิป กระทรวงการต่างประเทศ โดยคาดว่าจะเป็นการชี้แจงข้อเท็จจริงภายหลังจากที่ฝ่ายกัมพูชามีการให้ข้อมูลที่บิดเบือนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ก่อนการบรรยาย นายมาริษ กล่าวเปิดโดยขอบคุณผู้ที่เข้าร่วมรับฟังการบรรยายในวันนี้ พร้อมชี้แจงถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และท่าทีของไทยต่อกรณีดังกล่าว โดยตนตั้งใจจะแบ่งการบรรยายเป็น 2 ประเด็นหลัก คือ 1. การเจรจาหยุดยิงที่มาเลเซียเมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งไทยขอประท้วงต่อฝ่ายกัมพูชากรณีที่ละเมิดกฎหมายมนุษยชนและใช้ความรุนแรง โดยมีเป้าหมายแบบไม่เลือกเป้าและโจมตีไปที่พลเรือน รวมถึงการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งขัดต่อหลักการของอนุสัญญาออตโตวา ในขณะที่ไทยปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างเคร่งครัด จึงหวังเป็นอย่างยิ่งให้กัมพูชาปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างจริงใจด้วยเช่นกัน ภายใต้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ ส่วนประเด็นที่ 2 คือการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ระหว่างวันที่ 4-7 สิงหาคม […]