รวมพลังปัญญา แก้ปัญหาฝุ่นพิษ

กรุงเทพฯ 17 ก.พ.-สภาวิศวกร เปิดเวทีระดมสมอง ดึงนักวิชาการ-นักวิชาชีพ-มหาวิทยาลัย “รวมพลังปัญญา แก้ปัญหาฝุ่นพิษ” ปลุกคนไทยตระหนักถึงปัญหา ชี้ฝุ่นจิ๋วกระทบเศรษฐกิจสุขภาพปอดพัง เตรียมร่างนโยบายสาธารณะเสนอรัฐแก้ปัญหาจริงจังก่อนสายเกินเยียวยา


วันนี้ (17ก.พ.) ที่ รร.เดอะสุโกศล สภาวิศวกร เปิดเวทีการเสวนา ระดมสมองจากนักวิชาการ-นักวิชาชีพ ในการแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 ซึ่งเวทีนี้มีหลายหน่วยงานเข้าร่วมกันระดมสมอง ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.),สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.),สมาพันธ์สภาวิชาชีพแห่งประเทศไทย,สมาคมนักเรียนทุนรัฐบาลไทย และสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) 


นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายกสภาวิศวกร เปิดเผยถึงการจัดเวทีระดมความคิดในครั้งนี้ ว่า สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน  PM 2.5 ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2562-2563 ซึ่งส่งผลกระทบในหลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งพบว่าค่าฝุ่นเกินมาตรฐานอยู่ในระดับรุนแรง บางพื้นที่มีปริมาณความหนาแน่นของฝุ่นทะลุเกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร สั่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน 


ขณะเดียวกันยังส่งผลต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวหลังจากที่กรุงเทพฯ ติดอันดับ 1ใน 10 เมืองที่มีค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐานโลก ดังนั้นสภาวิศวกรในฐานะเสาหลักทางด้านวิศวกรรมของชาติ จึงเชิญ 5 หน่วยงาน   ที่เกี่ยวข้องมาร่วมกันระดมสมอง หาทางออกในการแก้ไขปัญหานี้ เนื่องจากเป็นปัญหาที่กระทบต่อคุณภาพชีวิตของคนไทย 

ทั้งนี้ ภายหลังการจัดเสวนาระดมความคิดจากนักวิชาการและนักวิชาชีพ คาดว่าทางสภาวิศวกรจะรวบรวมทุกข้อมูลที่ได้ร่างเป็นนโยบายสาธารณะ เสนอต่อรัฐบาลในการดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจังและให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด 

ด้านนายประเสริฐ ตปนียางกูร เลขาธิการสภาวิศวกร และอดีตกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ กล่าวว่า ละอองฝุ่น PM 2.5 เป็นฝุ่นละอองขนาดเล็ก หลายคนอาจจะมองว่าเป็นฝุ่นที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพมากนัก แต่แท้จริงฝุ่นละอองขนาดจิ๋วเป็นต้นตอของการให้เกิดโรคมะเร็งในปอด ดังนั้น เราจึงควรจะต้องใส่ใจและจริงจังต่อการแก้ปัญหา เวทีนี้ได้เสนอเรื่องการแก้ไขปัญหาทางออกเร่งด่วน คือมาตรฐานของรถยนต์และเชื้อเพลิง ซึ่งบ้านเรายังใช้รถยนต์ที่เป็นมาตรฐานยูโร 4  ขณะที่ทั่วโลกเป็นยูโร 6 อาจจะให้ปัญหานี้ลดลง ทางกระทรวงที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงอุตสาหกรรม , กระทรวงคมนาคม ต้องเร่ง วางมาตรฐาน รถใหม่-รถเก่า รวมถึงรถบรรทุกที่ใช้ขนส่งสินค้า ให้มีมาตรฐานการใช้เชื้อเพลิงที่ไม่ส่งผลต่อการทำลายสิ่งแวดล้อมและก่อให้เกิดฝุ่นละอองขนาดเล็กเพิ่มขึ้น 

เช่นเดียวกับการปรับมาตรฐานการวัดค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ให้เท่าเทียมกับมาตรฐานโลก ซึ่งกำหนดมาตรฐานให้ไม่เกินที่ 20 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ขณะที่ประเทศไทยกำหนดไว้ที่ไม่เกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร หากมีการกำหนดตามค่ามาตรฐานให้เท่ากันจะทำให้ทุกภาคส่วนเล็งเห็นถึงว่าเป็นปัญหาใหญ่ ดังนั้นจะได้ร่วมมือกันแก้ไขอย่างจริงจังและยั่งยืน เพื่อไม่ให้ลุกลามยากเกินเยียวยาด้วย .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผ่าไชน่า เรลเวย์ คว้า 3 โครงการรัฐในภูเก็ต

เหตุการณ์ตึก สตง.ถล่ม กลายเป็นปฐมบทในการปูพรมตรวจสอบบริษัท ไชน่า เรลเวย์ หลังพบเป็นผู้ชนะการประมูลโครงการก่อสร้างตึก สตง. และโครงการรัฐหลายแห่งทั่วประเทศ ล่าสุดที่ จ.ภูเก็ต ตรวจพบ 3 โครงการ และหนึ่งในนั้นกำลังมีปัญหาก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน

มหาสงครามโลก

นักวิชาการชี้ “มหาสงครามโลกครั้งที่ 3” เกิดแน่ถ้าโลกยังตึงเครียด

นักวิชาการด้านความมั่นคงและการต่างประเทศระดับแนวหน้าของไทย มีความเห็นตรงกันว่า หากผู้นำชาติมหาอำนาจไม่เร่งลดระดับความตึงเครียดสถานการณ์โลก

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว หลังอยู่ปฏิบัติภารกิจค้นหา-กู้ชีพ สนับสนุนกู้ภัยไทย เหตุตึก สตง.ถล่ม กว่า 1 สัปดาห์

ธรรมชาติใต้ดินเปลี่ยนไป หลังแผ่นดินไหว 1 สัปดาห์

แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่งแรงสั่นสะเทือนในหลายพื้นที่ของภาคเหนือ แม้บนพื้นผิวดินจะไม่ได้สร้างความเสียหายมากนัก แต่พบความเปลี่ยนแปลงสภาพใต้ดินจนเกิดปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งหลุมยุบขนาดใหญ่ น้ำพุร้อนที่เคยพุ่งจากใต้ดินหายไป แต่น้ำตกที่แห้งในหน้าแล้งกลับมีน้ำไหลออกมา ซึ่งนักธรณีวิทยายืนยันเป็นผลพวงจากแผ่นดินไหวครั้งนี้

ข่าวแนะนำ

“ไฮโซกำมะลอ” กระโดดชั้น 3 สน.โคกคราม

“ไฮโซเก๊” โลก 2 ใบ เครียดปีนตึก หลังถูก “คะน้า” ดาราสาว ออกมาแฉกลางรายการดัง จนตำรวจต้องเข้าเกลี้ยกล่อมพาไปโรงพัก แต่ยังวิ่งหนีการควบคุม กระโดดลงมาจากชั้น 3 สน.โครกคราม บาดเจ็บ

วันที่ 11 ปฏิบัติการกู้ซากตึก สตง. ถล่ม

วันที่ 11 ของปฏิบัติการกู้ซากตึก สตง. พังถล่ม เจ้าหน้าที่เดินหน้าใช้เครื่องจักรหนักเข้า เคลียร์ซากต่อเนื่อง โดยเฉพาะโซนบี และซี ที่คาดว่าเป็นจุดที่มีผู้ติดค้างอยู่จำนวนมาก

ชุดค้นหาลงโพรงโซน B, C ลึก 5-6 เมตร ได้กลิ่นแรง ไม่พบผู้สูญหาย

“กู้ภัย” เผยเจาะโพรงพื้นที่โซน B และ C ได้แล้ว พร้อมส่งชุดค้นหาลงโพรงไปตรวจสอบลึก 5-6 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหายเพิ่ม แต่ได้กลิ่นแรง เร่งเดินหน้าเครื่องจักรหนักเคลียร์ซากต่อเนื่อง ยันจะช่วยเหลือจนกว่านำร่างสุดท้ายออกมาครบ