“วิศวกร” ฉาวหลังตึก สตง.ถล่ม เสนอสภาวิศวกรวางแนวทางแก้ด่วน

กรุงเทพฯ 21 พ.ค. – สมาคมวิศวกรโครงสร้างฯ วิเคราะห์เหตุการณ์ตึก สตง.ถล่ม เรียกร้องให้สภาวิศวกรเปิดประชุมใหญ่วิสามัญ เพื่อวางแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน พร้อมเสนอแก้กฎหมาย 6 ฉบับ


จากเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.7 แมกนิจูด ศูนย์กลางที่เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ทำให้อาคารของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่กำลังก่อสร้างอยู่นั้นพังถล่ม มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 100 ราย ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด สำหรับจุดที่พังถล่มเป็นจุดแรกคาดการณ์ว่า เกิดขึ้นที่บริเวณผนังปล่องลิฟต์ น่าจะเป็นช่วงชั้นล่างๆ แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นชั้นใดก่อน เมื่อปล่องลิฟต์พังถล่มแล้วจึงฉุดรั้งให้เสาอาคาร รวมทั้งส่วนอื่น ๆ ของอาคารพังถล่มลงมาทั้งหลังอย่างสิ้นเชิง

ศ.ดร.อมร พิมานมาศ นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างแห่งประเทศไทย อธิบายถึงข้อสันนิษฐานสาเหตุที่เป็นไปได้ ประกอบด้วย 4 ปัจจัย คือ 1. ความแรงของแผ่นดินไหว 2. การคำนวณออกแบบอาคาร 3. การก่อสร้างอาคาร และ 4. คุณภาพวัสดุ เช่น คอนกรีต เหล็กเสริม อุปกรณ์ต่อเหล็ก เป็นต้น ซึ่งแต่ละปัจจัยย่อมต้องมีการพิสูจน์ให้แน่ชัดโดยจะต้องคำนึงถึงองค์ความรู้และวิทยาการด้านนิติวิศวกรรมศาสตร์ (Forensic Engineering) ที่ทันสมัยโดยมีข้อสังเกตดังนี้


  1. การพิสูจน์การออกแบบ โดยการสร้างแบบจำลอง จะต้องคำนึงถึงมาตรฐานในห้วงเวลาที่ทำการออกแบบ และหากพบการออกแบบผิดพลาด จะต้องตรวจสอบโดยแบบจำลองที่ละเอียดกว่า เพื่อพิสูจน์ว่า เป็นสาเหตุให้การเกิดพังถล่มหรือไม่
  2. การเก็บตัวอย่างคอนกรีตไปทดสอบ จะต้องเก็บตัวอย่างให้ครอบคลุม ในส่วนที่เป็นเนื้อโครงสร้างที่แข็งแรง และบริเวณที่คาดว่าจะเป็นจุดอ่อน เช่น บริเวณรอยต่อการเทคอนกรีต (Cold joint) และควรนำเสนอผลการทดสอบให้สาธารณะ ทราบโดยเร็ว
  3. จะต้องเก็บรักษาวัตถุพยาน เพื่อรอการพิสูจน์โดยวิทยาการที่ทันสมัย หรือ มีผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศมาร่วมพิสูจน์
  4. แรงแผ่นดินไหว ต้องอาศัยข้อมูลการตรวจวัดคลื่นแผ่นดินไหวตามสถานที่ต่างๆ

ทั้งนี้ ในเรื่องการพังถล่มของอาคาร มีประเด็นปัญหาเรื่องวิศวกรเข้ามาเกี่ยวข้องจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการปลอมลายมือชื่อวิศวกร อายุ 85 ปี ทำการรับรองการคำนวณออกแบบ วิศวกรต่างด้าว และอื่นๆ จึงมีข้อเรียกร้องต่อสภาวิศวกร ดำเนินการอย่างจริงจังกับวิศวกรที่เกี่ยวข้องโดยไม่ต้องรอให้มีผู้ร้องเรียน เนื่องจากความปรากฏต่อสาธารณะแล้ว สภาวิศวกรสามารถใช้วิธีกล่าวโทษเพื่อเริ่มกระบวนการจรรยาบรรณต่อวิศวกรที่เกี่ยวข้องได้เลย โดยขอเรียกร้องให้สภาวิศวกรเปิดประชุมใหญ่วิสามัญ เพื่อวางแนวทางแก้ไขปัญหา อย่างเร่งด่วน

ศ.ดร.อมร อธิบายเพิ่มเติมว่า มีกฎหมายหลายฉบับที่จำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงเพื่อป้องกันเหตุตึกถล่มจากแผ่นดินไหวเช่นนี้ในอนาคต เช่น

  1. พระราชบัญญัติวิศวกร กำหนดสมรรถนะของวิศวกรในการออกแบบอาคารสูงหรือใหญ่พิเศษภายใต้แรงแผ่นดินไหว เพิ่มโทษการปลอมแปลงใบอนุญาต เพิ่มอำนาจระงับใช้ใบอนุญาตชั่วคราว
  2. พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร กำหนดให้อาคารราชการต้องขออนุญาตเช่นเดียวกับอาคารเอกชน กำหนดให้มีการตรวจสอบการออกแบบอิสระ (Blind independent check) มีกฎหมายให้ประเมินและเสริมกำลังอาคารเสี่ยงตลอดจนติดตั้งอุปกรณ์ตรวจวัดแผ่นดินไหว เช่น โรงพยาบาล อาคารสูง เป็นต้น
  3. พระราชบัญญัติมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เพิ่ม มอก. บังคับ วัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง เช่น คอนกรีตผสมเสร็จ อุปกรณ์ต่อเหล็กทางกล เป็นต้น
  4. พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพิ่มคณะกรรมการอิสระตรวจสอบเหตุการณ์พังถล่มของอาคาร
  5. พระราชบัญญัติจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ กำหนดขึ้นทะเบียนผู้รับจ้างข่วง และหลักเกณฑ์การจ้างช่วง เพิ่มความโปร่งใสในขั้นตอนการก่อสร้าง เช่น การแก้ไขแบบ การทดสอบวัสดุ ต้อง upload ขึ้นระบบให้ตรวจสอบได้
  6. พระราชบัญญัติการผังเมือง เพิ่มผังสีความเสี่ยงแผ่นดินไหว โดยอาศัยหลักการ Microzonation. -511-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เขยโหดบุกยิงแม่ยาย-ญาติ ดับ 3 ก่อนจบชีวิตตัวเอง

ปทุมธานี 3 ก.ย. – เขยปืนโหด ถูกจับได้ว่าแอบคบกับน้องเมียวัย 13 ปี บุกยิงยกครัวเมียที่บ้านพัก ย่านปทุมธานี แม่ยาย-น้องเมีย-น้า เสียชีวิต ก่อนจบชีวิตตัวเองหนีความผิด เหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.10 น. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า จ.ปทุมธานี ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 7 ต.คลองเจ็ด อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จุดเกิดเหตุอยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่ง พบร่างนางทัศนี อายุ 46 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ด้านข้างโต๊ะกินข้าว ตามร่างกาย มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ข้างกันพบปลอกกระสุนปืนขนาด.380 ตกอยู่จำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังพบร่างนายชัยวัฒน์ อายุ 43 ปี น้องชายนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บ ส่วนในบ้านพบ ด.ญ.วันเพ็ญ อายุ 13 ปี ลูกสาวนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บอีกราย เจ้าหน้าที่กู้ชีพและกู้ภัยฯ […]

พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย”

รัฐสภา 3 ก.ย.-พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย” ก๊วน “สุชาติ-ธรรมนัส-สันติ” ร่วมด้วย ด้านงูเห่า “เพื่อไทย-ปชป.” โผล่โชว์ตัว บรรยากาศการประชุมพรรคภูมิใจไทย ภายหลังพรรคประชาชนมีมติโหวตให้นายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลต่างทยอยเดินทางมาเพื่อรอแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลในเวลา 11:00 น. โดยมีนายสุชาติ ชมกลิ่น สส.รวมไทยสร้างชาติ นำกลุ่ม 18 สส. เดินทางมาเป็นกลุ่มแรก อย่างไรก็ตามไม่พบว่ามี สส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ของกลุ่มนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เดินทางมาร่วมแต่อย่างใด ขณะที่ตัวแทนจากพรรคพลังประชารัฐ นำโดย ชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตามมาด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่นำ สส.เพชรบูรณ์ มาร่วมด้วย จากนั้น พรรคกล้าธรรม นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม พร้อมแกนนำพรรค เช่น นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรค นายไผ่ […]

“ทักษิณ” รับผิดไว้ใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป

กรุงเทพฯ 2 ก.ย.- “ทักษิณ” ยอมรับผิด ไว้วางใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป ส่วนการจัดตั้งรัฐบาล ต้องรอดูพรรคประชาชน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 1 ก.ย. สส.พรรคเพื่อไทย ประมาณ 10 คน ได้นัดเลี้ยงสังสรรค์ให้นายฉลาด ขามช่วง ที่ได้รับเลือกให้เป็นดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เมื่อเรื่องรู้ถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ จึงเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับนายฉลาด ด้วย โดยในวงรับประทานอาหาร นายทักษิณ พูดถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ถอนตัวจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยยอมรับผิดว่า “ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส มากเกินไป พี่ผิดไปแล้ว พี่ดูคนผิด” ทำให้ สส. ที่ร่วมวงอยู่นั้นสวนทันทีว่านายทักษิณ โดนคนหลอกตลอด ซึ่ง สส.ที่ร่วมวง ต่างเห็นตรงกันว่า ไม่เคยเห็นนายทักษิณ ยอมรับผิดแบบนี้มาก่อน เห็นได้ว่านายทักษิณ ได้แสดงท่าทีรู้สึกผิดมาก พร้อมกันนี้ สส. […]

เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย ส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ

พรรคเพื่อไทย 2 ก.ย.- เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย เข้าชื่อส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ แต่ยังปฏิบัติหน้าที่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 20 สส.เพื่อไทย นำโดย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล ได้ทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาความชอบด้วยกฎหมายของกระบวนการพิจารณาวินิจฉัย เรื่องพิจารณาที่ 17/2568 กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 วินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเมื่อวันที่ 29 ส.ค.2568 ซึ่งเป็นวันวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ นายสราวุธ ทรงศิวิไล ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป แทน นายปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่ง ดังนั้น เมื่อได้รับทราบถึงการมีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายสราวุธ แทนนายปัญญา ซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระแล้ว จึงไม่ควรที่จะให้ นายปัญญา […]

ข่าวแนะนำ

เครื่องบิน “ทักษิณ” ออกนอกเส้นทางไปไหน ?

4 ก.ย. – ไปไหน? เครื่องบินส่วนตัว “ทักษิณ” เลี้ยวออกนอกเส้นทาง หลังบินออกจากดอนเมือง ระบุปลายทางสิงคโปร์ พบบินวนอยู่ 2 รอบ ก่อนไปต่อ จับตามุ่งหน้า “ดูไบ” ตามที่มีกระแสข่าวหรือไม่. – สำนักข่าวไทย

“ทักษิณ” บินสิงคโปร์แล้ว ทนายยัน 9 ก.ย. มาศาลฟังคดีชั้น14

4 ก.ย.- “ทักษิณ” นั่งเจ็ทส่วนตัวบินสิงคโปร์แล้ว ตม.ไม่มีอำนาจกักตัว หลังศาลยกฟ้องคดี ม.112 ขณะที่ “ทนายวิญญัติ” ยัน 9 ก.ย. มาศาลฟังคดีชั้น 14 แน่นอน ช่วงเย็นวันนี้มีกระเเสข่าวว่านายทักษิณ ชินวัตร ขอเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัวที่จอดไว้กับลานบินเอกชนย่านดอนเมือง เเละทราบว่าขอเดินทางไปยัง อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งนายทักษิณมีบ้านพักส่วนตัวที่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี และอีกกระเเสเเจ้งว่านายทักษิณขอเดินทางไปพบเเพทย์ที่สิงคโปร์ 2 วัน เเละจะกลับมาขึ้นศาล โดย ตม.ตรวจสอบหนังสือเดินทางเเละสอบถามเหตุผลในการเดินทางของนายทักษิณในตอนนี้เเล้วเเละอนุญาตให้นายทักษิณเดินทางได้ กระเเสข่าวนี้เกิดขึ้น ท่ามกลางการเตรียมลงมติของสส.ในการเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 วันที่ 5 กันยายน 2568 เเละวันที่ 9 กันยายน นายทักษิณต้องไปฟังคำตัดสินคดีชั้น 14 รพ.ตำรวจ ซึ่งศาลฎีกาแผนคดีอาญานักการเมืองนัดให้นายทักษิณ ไปฟังคำวินิจฉัยในคดีนี้กับผู้บังคับการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ หลังก่อนหน้านี้ศาลอาญา ตัดสินยกฟ้องนายทักษิณในคดี ม.112 เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม เเละอยู่ระหว่างที่อัยการกำลังพิจารณาว่าจะอุทธรณ์หรือไม่ หลังจากนั้นนายวิญญัติ ชาติมนตรี […]

“อนุทิน” ปัดจัดโผ ครม. บอกไหว้พ่อแม่ก่อนโหวตนายกฯ

รัฐสภา 4 ก.ย.- “อนุทิน” ปัดจัดโผ ครม. บอกยังไม่มี เผยตั้งใจไหว้พ่อ-แม่ เป็นสิริมงคลก่อนโหวตนายกฯ คนที่ 32 นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เดินทางกลับเข้ามาที่อาคารรัฐสภาอีกครั้ง ช่วงเย็นวันนี้ (4 ก.ย.) โดยผู้สื่อข่าวพยามสอบถามถึงโผ “ครม.อนุทิน 1” ว่า มีการจัดเตรียมให้ใครนั่งตำแหน่งใดและนายอนุทิน จะควบตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยด้วยหรือไม่ ซึ่งนายอนุทิน ร้องหูย ก่อนจะบอกว่ายังไม่มี ข่าวก็ลงไปเรื่อย ยังไม่ได้จัดอะไร ขนาดหัวหน้ายังไม่ได้เลย ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า พรุ่งนี้จะมีการโหวตนายกรัฐมนตรีแล้ว ก่อนจะเข้าอาคารรัฐสภา จะไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนเพื่อความเป็นสิริมงคลหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า ไหว้พ่อไหว้แม่นี่แหละ เป็นสิริมงคลที่สุดแล้ว -สำนักข่าวไทย

“เท้ง” เมินออปชันสุดท้ายเพื่อไทย มั่นใจ สส.ปชน.ไม่แตกแถว ย้ำไม่มีฟรีโหวต

รัฐสภา 4 ก.ย.- “เท้ง” ลั่นไม่เสียดาย-ไม่ทบทวนมติโหวต “อนุทิน” นั่งนายกฯ เมินออปชันสุดท้ายเพื่อไทย ซัดไม่จริงใจ-ปล่อยข่าวชิงการเมือง มั่นใจ สส.พรรคประชาชน ไม่แตกแถว-ไม่มีฟรีโหวต นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ปฏิเสธกรณีที่มีกระแสข่าวความเห็นต่างภายในพรรคฯ ต่อการลงมติเลือกนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ (5 ก.ย.) ว่า ไม่ได้มีความเห็นที่แตกต่างกันภายในพรรค และเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา จนถึงตลอดทั้งวัน ก็มีความชัดเจนแล้วว่า พรรคเพื่อไทย ยุติกระบวนการยุบสภา และเดินหน้าเสนอชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาเป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมย้ำว่า กระบวนการตัดสินใจของพรรคประชาชน สิ้นสุดลงตั้งแต่คณะกรรมการบริหารพรรคฯ แถลงข่าว และลงนามร่วมกับพรรคภูมิใจไทยแล้ว ส่วนข้อเสนอไพ่ใบสุดท้ายของพรรคเพื่อไทย ที่จะยุบสภาทันทีหากนายชัยเกษม ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภานั้น หัวหน้าพรรคประชาชน ระบุว่า ถ้ามีการเสนอมาก่อนหน้านี้ และมีการพูดคุยอย่างเป็นทางการ ก่อนพรรคฯ จะมีมติ ตนเชื่อว่า ตน และสส.ภายในพรรค จะรับไว้พิจารณา แต่กระบวนการที่ผ่านมา ยังคงมีการให้ข่าวกลับไป กลับมา […]