สภาวิศวกร เผยพบบุคคล 2-3 รายเข้าข่ายผิดจรรยาบรรณ ตึก สตง.ถล่ม

กทม. 9 พ.ค.-สภาวิศวกร เผยพบบุคคล 2-3 รายเข้าข่ายผิดจรรยาบรรณ กรณีอาคาร สตง.ถล่ม อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลให้ชัด ก่อนส่งให้คณะกรรมการจรรยาบรรณพิจารณาบทลงโทษ ชี้กรณีวิศวกรปลอมลายเซ็นด้วยกันเป็นคดีอาญา แต่ไม่ผิดจรรยาบรรณ แต่หากพบผู้ปลอมลายเซ็นเป็นวิศวกรมีโทษสูงถึงเพิกถอนใบอนุญาต

ห้องวิศวภิวรรธน์ ชั้น 7 อาคารที่ทำการสภาวิศวกร (ซอยลาดพร้าว 54) กรุงเทพฯ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธเนศ วีระศิริ นายกสภาวิศวกร พร้อมด้วยรองศาสตราจารย์ ดร.ขวัญชัย ลีเผ่าพันธุ์ อุปนายกสภาวิศวกร คนที่ 2, รองศาสตราจารย์ดร.การุญ จันทรางศุ ประธานกรรมการจรรยาบรรณ และนายประสงค์ นรจิตร์ ประธานอนุกรรมการกฎหมาย ร่วมกันแถลงกรณีอาคาร สตง. ถล่ม กับบทบาทของสภาวิศวกร


ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธเนศ กล่าวว่า วันเกิดเหตุ 28 มีนาคม 2568 ทางสภาวิศวกรได้ลงพื้นที่เพื่อไปช่วยเหตุการณ์ที่ตึกถล่มบริเวณจตุจักร โดยมี วิศวกรจิตอาสาเข้าไปช่วยแนะนำในการ ค้นหาผู้ที่ยังมีสัญญาณชีพ การกู้ร่างผู้เสียชีวิต และการให้คำเสนอแนะในการค้ำยันโครงสร้าง โดยได้ส่งวิศวกรอาสาเข้าไปช่วย 2 ส่วนคือทางกรุงเทพมหานคร เพื่อตรวจสอบคอนโดมิเนียม อาคารที่พักอาศัย และกรมโยธาธิการและผังเมือง เพื่อตรวจสอบอาคารของภาครัฐทั้งโรงเรียน โรงพยาบาล ฯลฯ เพื่อจำแนกอาคารว่ามีความปลอดภัยในระดับใด

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธเนศ กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุ 2 วันได้ตั้งเป็นกองอำนวยการร่วมเพื่อตรวจทานร่วมกันโดยร่วมกับวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์เพื่อช่วยเหลืออาคารที่อยู่ในสภาพที่เป็นสีเหลืองและสีแดงเพื่อให้คำแนะนำและให้ความช่วยเหลือ ขณะเดียวกันได้แต่งตั้งตัวแทนที่เป็นวิศวกรเข้าไปช่วยเป็นหนึ่งในคณะทำงานของคณะกรรมการที่จัดตั้งโดยภาครัฐที่สืบหาข้อเท็จจริงว่าสาเหตุของการเกิดการถล่มลงมาของอาคารสตง. เป็นอย่างไร โดยมีคณะทำงานเข้าไปช่วยจำนวน 2-3 ชุด ขณะเดียวกันได้ตั้งคณะทำงานที่ทำหน้าที่ในการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับบริษัทนิติบุคคล หรือบริษัทที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง รวมถึงวิศวกรที่ปรากฎชื่อในส่วนต่างๆ โดยทำหนังสือไปถึงหน่วยงานต่างๆ รวมถึงตัวบุคคลด้วย ซึ่งปัจจุบันในการส่งข้อมูลกลับมาว่าทำงานเกี่ยวกับอะไร มีความเกี่ยวข้องอย่างไร ส่วนการดำเนินการด้านกฎหมายและจรรยาบรรณของวิชาชีพ บทบาทที่ผ่านมาได้ทำงานโดยไม่หยุดนิ่งได้ทำมาโดยตลอด โดยในเรื่องของจรรยาบรรณมีกรรมการจรรยาบรรณ ซึ่งถือเป็นอิสระจากกรรมการบริหาร


รองศาสตราจารย์ดร.การุญ ในฐานะที่เป็นประธานกรรมการจรรยาบรรณ กล่าวถึงกรอบอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการจรรยาบรรณของสภาวิศวกร ว่า เราเป็นคณะกรรมการที่แต่งตั้งในที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปีของสภาวิศวกร โดยสภาวิศวกรมีหน้าที่ในการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุมของวิศวกร มีการควบคุมโดยการออกใบอนุญาตการประกอบวิชาชีพ อย่างไรก็ดีการที่จะทำให้อาชีพนี้มีความยั่งยืนเป็นที่น่าเชื่อถือกับสังคมจะต้องมีผู้ที่ดำเนินการดูแลในเรื่องความประพฤติในการที่จะประกอบวิชาชีพวิศวกรควบคุมนั้นเพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด คณะกรรมการจรรยาบรรณเมื่อได้รับการแต่งตั้งในที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปีแล้วก็มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาวินิจฉัยกรณีที่มีการกล่าวหา หรือกล่าวโทษว่าผู้ได้รับใบอนุญาต ก็คือวิศวกรผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพประพฤติผิดจรรยาบรรณ ซึ่งจรรยาบรรณนี้อยู่ในข้อบังคับของสภาวิศวกร และการประพฤติผิดจรรยาบรรณอันจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียกิตติศักดิ์แห่งวิชาชีพ ข้อบังคับนี้ออกมาเมื่อปีพ.ศ. 2559 ได้ยึดถือเป็นกรอบความประพฤติที่วิศวกรจะกระทำหรือไม่ควรกระทำ เพื่อให้วิชาชีพของเรามีความยั่งยืน

รองศาสตราจารย์ดร.การุญ กล่าวว่า เมื่อคณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่และวินิจฉัยในกรณีการกระทำผิดจรรยาบรรณ ขั้นตอนที่สำคัญคือขั้นตอนการพิจารณาข้อกล่าวหา คณะกรรมการจรรยาบรรณมีอำนาจตามกฎหมายในการรับหรือไม่รับคำกล่าวหาหรือกล่าวโทษที่มีการร้องเรียนว่าวิศวกรผู้ได้รับใบอนุญาตประพฤติผิดจรรยาบรรณ ในการจะรับพิจารณาหรือไม่รับนั้นจะมีคณะอนุกรรมการกลั่นกรอง เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและแสวงหาหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาว่าข้อกล่าวหานั้น มีเรื่องของการที่เข้าข่ายการประพฤติผิดจรรยาบรรณหรือมีข้อมูลอันควรได้รับการพิจารณาที่จะต้องแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนต่อไปหรือไม่อย่างไร

รองศาสตราจารย์ ดร.การุญ กล่าวว่า ขั้นตอนที่ 2 ถ้าคณะอนุกรรมการไต่สวน เมื่อได้รับการแต่งตั้งขึ้นเมื่อรับว่ามีมูล เพื่อรับมาพิจารณาไต่สวนข้อเท็จจริงเพิ่มเติม เพื่อเป็นการแสวงหาข้อมูล ข้อเท็จจริงเพิ่มเติมขึ้น โดยผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องเข้ามาชี้แจงต่อสภา เพื่อให้คณะกรรมการไต่สวนได้รวบรวมและสรุปความเห็นผลการไต่สวนเสนอต่อคณะกรรมการจรรยาบรรณว่าวิศวกร ผู้ถือใบอนุญาตการประกอบวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม หรือเรียกในขั้นตอนนี้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาได้มีการประพฤติผิดจรรยาบรรณอย่างไรหรือไม่ และสมควรที่จะเสนอลงโทษสถานใด ส่วนขั้นตอนที่ 3 เป็นขั้นตอนพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาด โดยรูปแบบของคณะกรรมการ ประกอบด้วยบุคคลที่มีความรู้ประสบการณ์เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ เพื่อทำให้เกิดการพิจารณาอย่างรอบคอบในการตัดสินใจ เป็นหลักการสำคัญที่ก่อให้เกิดความเป็นกลางและความเป็นธรรมต่อคู่กรณี จะเป็นการพิจารณาที่จะสามารถวินิจฉัยชี้ขาดออกมาได้ว่าข้อสรุปที่คณะอนุกรรมการไต่สวนได้สรุปมาในขั้นตอนที่ 2 คณะกรรมการจะชี้ขาดว่ามีความผิดอย่างไรหรือไม่


เมื่อถามถึงการตรวจสอบวิศวกรที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้มรการตรวจสอบแล้วหรือไม่ ทางรองศาสตราจารย์ดร.การุญ กล่าวว่า บุคคลผู้เสียหายมีสิทธิ์ทำหนังสือกล่าวหาต่อสภาวิศวกรโดยต้องระบุชื่อไม่ว่าจะเป็นนิติบุคคลหรือระบุชื่อ-นามสกุลของวิศวกร พร้อมรายละเอียดเกี่ยวกับการกระทำที่ประสงค์จะกล่าวหา ทั้งนี้ผู้เสียหายต้องระบุชื่อรวมถึงการกระทำที่คิดว่าเป็นการละเมิดจรรยาบรรณ ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับการกระทำที่คิดว่าเป็นการกระทำผิดจรรยาบรรณจะถูกบรรจุไว้ในคำร้องเรียนหรือคำกล่าวหา โดยการใช้สิทธิ์กล่าวหาดังกล่าวต้องไม่เกิน 1 ปี นับแต่วันที่ผู้ได้รับความเสียหายรู้ว่ามีการประพฤติผิดจรรยาบรรณและรู้ตัวผู้กระทำผิดด้วย

นายประสงค์ กล่าวอีกว่า ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนหรือความเสียหาย หรือพบผู้ที่พบเหตุการณ์ สามารถกล่าวโทษเข้ามาได้ และ กรรมการสภาวิศวกรหรือบุคคลทั่วไปก็สามารถกล่าวโทษเข้ามาได้ โดยปัจจุบันยังไม่มีการกล่าวหาหรือกล่าวโทษเข้ามา แต่ทางสภาวิศวกรก็ไม่ได้นิ่งนอนใจได้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อรวบรวมข้อมูลส่วนหนึ่งของการรวบรวมข้อมูลคือการรวบรวมข้อมูลของวิศวกรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในโครงการนี้ว่ามีการกระทำที่น่าจะเข้าข่ายการผิดจรรยาบรรณหรือไม่ เพื่อจะส่งเรื่องต่อไป เนื่องจากเอกสารส่วนหนึ่งยังรอการชี้แจงข้อมูลมา บางส่วนได้ส่งข้อมูลมาจำนวนมากประมาณ 2,000 – 3,000 หน้ายังอยู่ระหว่างการทบทวนข้อมูลอยู่ โดยได้เห็นร่องรอยที่น่าจะมีโอกาสส่งไปให้พิจารณาว่าบุคคลใดมีพฤติการณ์เข้าข่ายผิดหรือไม่ผิดอย่างไร แต่เห็นว่าพฤติกรรมอาจจะเข้าข่ายซึ่งจะต้องสรุปข้อมูลอีกสักเล็กน้อย โดยอาจจะมีบุคคลที่เกี่ยวข้องล็อตแรกจำนวน 2-3 รายที่เสนอประธานจรรยาบรรณเพื่อพิจารณาต่อไป

นายประสงค์ กล่าวว่า ส่วนกรณีลงลายมือชื่อเป็นอีกกรณีหนึ่งไม่ใช่ประเด็นจรรยาบรรณ เท่าที่ทราบได้มีการแจ้งความในคดีอาญาไปแล้ว ซึ่งจะต้องรอผลสิ้นสุดของคดีอาญาเข้ามา และผู้ที่ถูกปลอมลายมือชื่อเป็นสมาชิกของสภาวิศวกรสภาก็ยินดีที่จะช่วยเหลือดูแลภายใต้อำนาจหน้าที่ของสภาวิศวกร หากมีการร้องขอเข้ามาว่าจะให้สภาช่วยเหลือเรื่องคดีอย่างไร ทั้งนี้ถ้าคนที่ปลอมลายมือชื่อเป็นวิศวกรด้วยกันและหากมีการปลอมแปลงจริงและผู้ปลอมแปลงเป็นวิศวกรสามารถนำพฤติกรรมนี้มานำเสนอเพื่อพิจารณาเอาผิดในเรื่องจรรยาบรรณได้ ส่วนเรื่องใบอนุญาติประกอบวิชาชีพมี 3 ระดับแต่ละระดับมีการกำหนดขอบเขตการทำงานไว้ แต่หากมีใบอนุญาตต่ำแล้วไปทำงานในระดับสูงนั้น ในส่วนนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลอยู่

รองศาสตราจารย์ ดร.การุญ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามการดำเนินผิดด้านจรรยาบรรณ ต้องเป็นคำสั่งถึงที่สุดแล้วของศาลจะเป็นการทำผิดจรรยาบรรณบททั่วไปทำให้เกิดความเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพ มีบทลงโทษชัดเจนตั้งแต่การ ตักเตือน, ภาคทัณฑ์, พักใช้ใบอนุญาต และเพิกถอนใบอนุญาต ส่วนกรณีที่วิศวกรบางรายมีการอ้างว่าถูกปลอมแปลงลายมือชื่อในการควบคุมงาน การตรวจสอบเป็นหน้าที่ของตำรวจที่เป็นผู้พิสูจน์หาความจริง หากวิศวกรปลอมแปลงลายเซ็นวิศวกรด้วยกันก็เป็นความผิดทางอาญาไม่ได้ผิดเรื่องจรรยาบรรณ แต่วิศวกรที่ถูกปลอมแปลงลายเซ็นสามารถที่จะนำพฤติการณ์ดังกล่าวมานำเสนอต่อสภาวิศวกรเพื่อให้พิจารณาเรื่องของจรรยาบรรณได้ ในกรณีนี้หากมีความผิดจริงจะมีโทษสูงสุดถึงการเพิกถอนใบอนุญาต ซึ่งมีระยะเวลา 5 ปี หากพ้น 5 ปีแล้วจะอยู่ในการวินิจฉัยของคณะกรรมการสภาในกรณีที่มีการร้องขอในการที่จะกลับมาประกอบวิชาชีพใหม่ทางกรรมการสภาวิศวกรจะเป็นผู้พิจารณาความเหมาะสมในขณะนั้น

ส่วนกรณีที่มีการออกข้อมูลคำชี้แจงสภาวิศวกร เกี่ยวกับการแสดงความคิดเห็นส่วนบุคคลของกรรมการสภาวิศวกร ผ่านทางสื่อมวลชนและโซเชียลเน็ตเวิร์ค กรณีเกิดเหตุอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ถล่ม นั้น รองศาสตราจารย์ ดร.ขวัญชัย กล่าวว่า คำชี้แจงของสภาวิศวกรเมื่อวานนี้พูดถึงบุคคลทั่วไปที่ไปสัมภาษณ์หรือให้ข่าวกับสื่อต่างๆ แล้วอ้างอิงถึงสภาวิศวกร ทั้งนี้ยืนยันว่าเป็นความเห็นส่วนบุคคลไม่ใช่ความเห็นของสภาวิศวกร ส่วนความเห็นจะผิดหรือถูกเป็นเรื่องของส่วนบุคคล ไม่ได้ห้ามการให้ความเห็น แต่จะต้องแสดงความคิดเห็นส่วนบุคคลไม่เกี่ยวพันกับองค์กรคือสภาวิศวกร อย่างไรก็ตามยืนยันว่าไม่ได้มีการห้ามพูดหรือแสดงความคิดเห็นแต่อย่างใด.-419.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย