กรุงเทพฯ 16 ก.พ. – คปภ.ติดตามการใช้กติกาการลงทุนใหม่ รับมือภาวะเศรษฐกิจไทย-เศรษฐกิจโลก ดีเดย์ 12 มี.ค. ถกบริษัทประกันภัยวางกรอบการลงทุนให้สอดคล้องกับหลักธรรมาภิบาลและการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการ คปภ.ออกประกาศ เรื่อง การลงทุนประกอบธุรกิจอื่นของบริษัทประกันชีวิต/บริษัทประกันวินาศภัย (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2563 โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 29 มกราคม 2563 นั้น หลังจากมีการปรับปรุงประกาศใช้เกณฑ์การลงทุนฉบับใหม่ส่งผลให้บริษัทประกันภัยรายใหญ่เริ่มวางแผนปรับพอร์ตการลงทุน โดยสนใจขยายการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทใหม่ ๆ อาทิ ตราสารทุนของธุรกิจที่จัดตั้งขึ้น เพื่อประกอบกิจการสถานพยาบาล โรงพยาบาล หรือกิจการที่เกี่ยวกับการดูแลผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิง (Long-term care) รวมถึงกิจการประกอบธุรกิจเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจประกันภัย (Startup) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้บริษัทมีทางเลือกการลงทุนหลากหลายสามารถเพิ่มผลตอบแทนมากขึ้น พร้อมรับมือกับภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำและลดแรงกดดันจากการแข็งค่าของเงินบาท
เลขาธิการ คปภ. กล่าวว่า คปภ.ติดตามการนำประกาศการลงทุนฯ ฉบับใหม่ไปใช้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากการบริหารความเสี่ยงยังคงเป็นหลักสำคัญในการพิจารณาการลงทุน โดยจัดให้มีการดำเนินกิจกรรมในการสร้างความรู้ความเข้าใจด้านการลงทุนในต่างประเทศ อาทิ กิจการเงินร่วมลงทุน Private Equity ให้แก่บริษัทประกันภัยและผู้เกี่ยวข้อง รวมถึงแนะนำข้อมูลด้านการบริหารการลงทุนให้มีความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ วันที่ 12 มีนาคม 2563 คปภ.ได้กำหนดจัดประชุมหารือร่วมกับภาคเอกชน โดยมีเลขาธิการ คปภ. เป็นประธาน ในการประชุม พร้อมด้วยนายชูฉัตร ประมูลผล รองเลขาธิการ คปภ. ด้านกำกับ เข้าร่วมประชุมกับภาคธุรกิจประกันภัย ซึ่งนำโดยนายกสมาคมประกันชีวิตไทย นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย และคณะอนุกรรมการลงทุน ประกอบด้วย ผู้แทนบริษัทประกันชีวิตและบริษัทประกันวินาศภัยทุกบริษัท ณ ห้องประชุมสำนักงาน คปภ. โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น รับฟังประเด็นปัญหา และข้อเสนอแนะในการพัฒนาแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการลงทุนของบริษัทประกันภัย ตามประกาศการลงทุนฯ ฉบับดังกล่าว อีกทั้งได้เร่งดำเนินการจัดทำประกาศย่อยที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดคุณสมบัติของธุรกิจที่บริษัทสามารถลงทุนได้ ทำให้มั่นใจได้ว่ากระบวนการลงทุนของบริษัทจะมีประสิทธิภาพสอดคล้องกับหลักธรรมาภิบาลและการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม
“คปภ.จะบูรณาการเตรียมความพร้อมรับมือร่วมกับภาคธุรกิจประกันภัยอย่างเต็มความสามารถในการยกระดับคุณภาพกระบวนการการลงทุนของบริษัทประกันภัย เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและระบบประกันภัยของไทย สร้างความแข็งแกร่งให้แก่เศรษฐกิจไทย และรับมือกับภาวะเศรษฐกิจโลก” เลขาธิการ คปภ. กล่าว.-สำนักข่าวไทย