สธ.12 ก.พ.-อธิบดีกรมควบคุมโรค ย้ำอัตราป่วย COVID-19 เท่าเดิม 33 คน ขณะเดียวกันยังไม่ห้ามเดินทางไปต่างประเทศยกเว้นเลี่ยงจีน หลังฮ่องกง เกาหลีห้ามนักท่องเที่ยวเดินทางมาไทย พร้อมขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำ สวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ หากเดินทางในที่แออัด ปัดผู้ต้องขังข้ามแดนอังกฤษป่วยไม่น่าเกี่ยวกับไทย เพราะมีการตรวจโรคจนแน่ใจไม่ป่วยและเกินระยะเวลาฟักตัวของโรคแล้ว 14 วัน
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมด้วย นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองสำนักโรคติดต่อ กล่าวถึงความคืบหน้าสถานการณ์การติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ว่า หลังจากที่องค์การอนามัยโลก(WHO)มีการเปลี่ยนชื่อของเชื้อไวรัสโคโรนา ทำให้ต่อไปจะใช้ชื่ออย่างเป็นทางการ ว่า โรคไวรัสโควิด-19 (Covid-19) หรือไวรัสโคโรนา19 โดยขณะนี้ยังไม่พบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่ม ยอดสะสมผู้ป่วยจึงอยู่ที่ 33 คน แต่เปลี่ยนจากผู้รักษาหายแล้วเป็น 11 คน รักษาตัวในโรงพยาบาล 22 คนและมีข่าวดีว่า ผู้ป่วย 3คน ติดเชื้อโควิด 19 มีอาการดี ผลการตรวจยืนยันจากห้องปฎิบัติเบื้องต้นเป็นลบ รอผลการตรวจยืนยันซ้ำอีกครั้ง สามารถให้ออกจากห้องแยกโรคได้ ซึ่ง 1 ใน 3 เป็นคนไทยที่กลับจากอู่ฮั่น
นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงและรับแอนติบอดี้จากคนขับแท็กซี่ 2 คนขณะนี้อาการทรงตัว เหมือนเมื่อแรกรับ ยังต้องติดตามอาการใกล้ชิด โดยยอดสะสมผู้ป่วยอยู่ในข่ายเฝ้าระวังรวม799 คน รักษาหายและกลับบ้านแล้ว 212 คน ส่วนกรณีทางการฮ่องกงและเกาหลีใต้ ประกาศเตือนงดการเดินทางท่องเที่ยว 5 ชาติ เพื่อเฝ้าระวังโรคCOVID-19 ซึ่งไทย เป็น 1 ใน 5 นั้น เรื่องนี้ในส่วนของไทย ยังไม่มีการประกาศเตือนหรือห้ามการเดินทางเหมือนกับประเทศอื่น ยกเว้นแต่การเดินทางไปจีนที่ขอให้เลี่ยงการเดินทาง โดยในการเดินทางไปไหนก็ตามขอให้ปฏิบัติตัว เหมือนเช่นที่ให้คำแนะนำไปก่อนหน้านั้น ทั้งการสวมหน้ากากอนามัย ในสถานที่แออัด และหมั่นล้างมือ
นพ.โสภณ กล่าวว่า กรณีที่สื่ออังกฤษลงข่าวว่าในการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนจากไทยไปอังกฤษแล้วพบอาการไข้สงสัยติดเชื้อ COVID-19 จากไทยนั้น จากการตรวจสอบพบว่าทางการไทย ได้ส่งตัวผู้ต้องหาคนนี้ไปตั้งแต่วันที่ 27 ม.ค.63 ซึ่งเกินระยะเวลาการฟักตัวของโรคที่กำหนดไว้ 14 วัน และขณะส่งตัวผู้ต้องหาคนดังกล่าว ได้รับการตรวจโรคจนครบและพบว่ามีร่างกายแข็งแรง ไม่ป่วย แต่จากข้อมูลพบว่าผู้ต้องหาคนนี้เพิ่งมีอาการไข้ เมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา .-สำนักข่าวไทย