แนะรัฐถอดบทเรียนเหตุกราดยิง หวั่นเหตุการณ์ซ้ำรอย

กทม.10ก.พ.-นักวิชาการอาชญาวิทยา  แนะ รัฐควรถอดบทเรียน เหตุกราดยิง  ป้องกันพฤติกรรมเลียนแบบ  หามาตรการป้องกันเหตุซ้ำร้อย พร้อมพัฒนาองค์ความรู้รับมือกับเหตุเผชิญหน้า ให้เจ้าหน้าที่และประชาชน   


รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงศ์ พูตระกูล ผู้ช่วยอธิการบดีและประธานกรรมการคณะอาชญาวิทยา มหาวิทยาลัยรังสิต  กล่าวถึงเหตุการณ์กราดยิงในตัวเมืองโคราช เมื่อวันที่8กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ว่า ต้องมีการถอดบทเรียนในหลายประเด็น คือ  ต้องมีการสอบสวน มูลเหตุและแรงจูงใจในการก่อเหตุมาจากเรื่องใด  ควรดำเนินการสอบสวนอย่างจริงจัง เพื่อหามาตรการและกำหนดแนวทางการป้องกันการก่อเหตุประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ซึ่งการก่อเหตุกราดยิงในต่างประเทศ หลังเกิดเหตุต้องมีการตรวจสอบและสอบสวนอย่างจริงจัง เพื่อหาสาเหตุแรงจูงใจหรือมูลเหตุ และเน้นการพัฒนาองค์ความรู้การประเมินผลของเจ้าหน้าที่ที่ครอบครองอาวุธในเรื่องภาวะผู้นำ เนื่องจากผู้ก่อเหตุเป็นทหารชั้นผู้น้อยแต่สามารถไปฆ่าเจ้านายตัวเอง สะท้อนให้เห็นว่ามีความเครียดหรือกดดัน ถึงขั้นยิงเจ้านายตังเองได้ หน่วนงานที่ใช้อาวุธ ทั้ง ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง หน่วยงานด้านความมั่นคง ผู้บังคับบัญชาควรต้องศึกษาในเรื่องนี้จริงจัง  ยกตัวอย่าง ตำรวจในประเทศเยอรมัน ให้ความสำคัญในการประเมินภาวะผู้นำในแต่ละระดับ หากมีความรู้ดี ทักษะดี แต่ไม่มีภาวะความเป็นผู้นำก็ไม่สามารถก้าวหน้าหรือเป็นผู้บังคับบัญชาได้    


ส่วนที่2 ระดับนโยบาย ต้องให้ความสำคัญเรื่องการรักษาความปลอดภัย ในระดับพื้นที่มากขึ้น ทั้งกำลังคน สายตำรวจ อุปกรณ์รักษาความปลอดภัยต่างๆ  งบประมาณ ดูว่ามีความพร้อมมากน้อยแค่ไหนในการเผชิญเหตุและรับมือหากเกิดสถานการณ์เช่นนี้  ตามมาตรฐานสากล หากคนร้ายมีอาวุธสงคราม เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมีการควบคุมพื้นที่ และจำกัดพื้นที่เพื่อไม่ให้คนร้ายก่อเหตุในวงกว้างหรือกันประชาชนไม่เข้ามาใช้เส้นทางคนที่ร้ายกำลังใช้เส้นทางอยู่  สิ่งเหล่านี้ต้องมาเรียนรู้พร้อมกันและต้องมีการพัฒนาองค์ความรู้ของตำรวจและพัฒนารูปแบบในการสื่อสารกับประชาชนในพื้นที่อย่างไรเพื่อลดความสูญเสีย  เนื่องจากเหตุการณ์ไม่คาดฝันแบบนี้จะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ เพื่อการป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพและการรัดกลุม  


ส่วนที่3 การสร้างตัวแบบที่ดี เพราะโลกสมัยนี้มีทั้งโลกของความเป็นจริงและโลกออนไลน์หรือโลกเสมือน  โลกแห่งความเป็นจริงอาจไม่ได้รับการยอมรับ แต่โลกออนไลน์กับได้รับการยอมรับ  แม้แต่โพสต์เรื่องรุนแรง แต่กลับมาคนชื่นชม จึงต้องสร้างตัวแบบที่ดีให้คนในสังคมเป็นแบบอย่าง 

ส่วนที่4.ต้องเรียนรู้ร่วมในการนำเสนอข้อมูลข่าวสารเพื่อแจ้งข้อมูลข่าวสารให้ประชาชนได้รับทราบ  ในช่วงขณะเกิดเหตุการณ์อาจมีความสุ่มเสี่ยงให้คนร้ายทราบความเคลื่อนไหวในการปฏบัติงานของเจ้าหน้าที่ เช่น มีการนำเสนอว่า ขณะนี้มีเจ้าหน้าที่เข้าไปถึงจุดไหนและมีใครหลบซ่อนอยู่จุดไหนบ้าง ซึ่งคนร้ายมีการรับชมการถ่ายทอดสดของสื่อผ่านมือถือได้เช่นกันจะทำให้คนร้ายรู้ความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่และจุดซ่อนตัวของคนที่กำลังติดอยู่ด้านใน 

รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงศ์  เชื่อว่า แรงจูงใจหลัก มูลเหตุสำคัญ น่าจะมาจากความเครียดเรื่องส่วนตัว ในเรื่องการไม่ได้รับเงินค่านายหน้าตามที่ตกลงกัน  และระบบของงาน เนื่องจากผู้ก่อเหตุเป็นทหารชั้นผู้น้อย การไปเรียกร้องสิทธิ์ต่างๆ คงทำได้อยาก โดยระบบทำให้เกิดความเครียดสะสม มีการโพสต์ผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัวว่าจะมีการก่อเหตุ มีการโพสต์รูปปืน ต้องเรียนรู้ร่วมกันว่าต่อไปหากมีเพื่อนร่วมงาน โพสต์ลักษณะนี้ ต้องรีบเข้าไปคุย เจ้านายต้องเรียกมาคุย ทำความเข้าใจ เพื่อป้องกันก่อนถึงจุดวิกฤติ ก่อเหตุรุนแรง  ส่วนมูลเหตุการฆ่าผู้บริสุทธิ์ นั้น เชื่อว่า เกิดจากการนัดคุยที่ไม่ลงตัว และคนร้ายอาจเข้าใจว่าถูกเอาเปรียบ เลยตัดสินใจยิงเจ้านายและคนที่เกี่ยวข้อง และชิงอาวุธสงครามในค่ายทหาร เพราะเชื่อว่าตำรวจจะต้องติดตามจับกุมตัว จึงต้องมีอาวุธสงครามเพื่อป้องกันตัว และต้องหลบหนีไปในที่ที่สามารถนำมนุษย์มาเป็นโล่กำบังได้  จึงเลือกห้างสรรพสินค้า ซึ่งธรรมชาติของคนร้ายกราดยิงคนในที่สาธารณะ เวลาก่อเหตุจะเลือกสถานที่คือชุมชน  โรงเรียน ศูนย์การค้า เพราะการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ต้องใช้ความระมัดระวังมาก  ในแต่ละคดีมีความยากง่ายต่างกัน  ผู้ก่อเหตุมีทักษะการยิงปืน และมีอาวุธสงคราม การปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่คำนึงถึงชีวิตของประชาชนสูงมาก  จึงไม่สามารถใช้ความรุนแรงระงับเหตุได้ตั้งแต่แรก  หากผู้ก่อเหตุเกิดการต่อสู้  การสูญเสียจะมากกว่านี้ได้  ซึ่งเป็นข้อจำกัดในการปฏิบัติการในครั้งนี้  

รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงศ์   ยอมรับว่าลักษณะการก่อเหตุกราดยิงในที่สาธารณะครั้งนี้ เป็นครั้งแรกในประเทศไทย และมีผู้เสียชีวิตถึง 30 คน บาดเจ็บอีกจำนวนมาก ต้องถอดบทเรียนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งดูรูปแบบการป้องกันแก้ไขเหตุลักษณะนี้ในต่างประเทศด้วย เช่น ในสหรัฐอเมริกา เป็นประเทศที่มีเหตุกราดยิงมากที่สุดในโลก ได้มีการศึกษาและทำวิจัยว่า แรงจูงใจในการก่อเหตุของคนร้ายคืออะไร  จัดทำระดับนโยบาย เพื่อวางแผนในการรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นอีก  ทั้งรัฐ เอกชน ประชาชนในพื้นที่ ต้องบูรณาการร่วมกัน  สำหรับประเทศไทยเหตุกราดยิง อาจจบในทางคดีเนื่องจากคนร้ายเสียชีวิต แต่เพิ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นสำหรับประเทศไทยที่ต้องมาถอดบทเรียน เรียนรู้ ปรากฏการณ์อาชญากรรมร้ายแรงที่เกิดขึ้นในโลก นอกเหนือจากเหตุการณ์ในประเทศไทยเองเพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ในอนาคต

นอกจากนี้ยังแนะนำประชาชน หากเจอเหตุกราดยิงในที่สาธารณะ ตามมาตรฐานสากล หากประชาชนอยู่ในพื้นที่ชุมชน ห้าง โรงเรียน หากได้ยินเสียงปืนดัง ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า มีความผิดปกติเกิดขึ้น  ให้วิ่งออกจากที่เกิดเหตุ โดยใช้บันไดหนีไฟ หลบหนีออกมาให้เร็วที่สุด ห้ามใช้ลิฟท์ เนื่องจากคนร้ายอาจกราดยิงเข้าไปในลิฟท์  หากอยู่ใกล้กับเสียงปืน ให้ตั้งสติและสังเกตุว่าเสียงปืนอยู่ในทิศทางไหน หากพบว่าคนร้ายอยู่ไกลให้หาทางหลบหนี หากพบว่าอยู่ใกล้และอยู่ชั้นเดียวกัน ให้หาทางหลบซ่อนตัว  โดยการปิดเสียงเครื่องมือสื่อสารทุกชนิด และหาช่องทางติดต่อสื่ออสารกับคนภายนอก โดยการส่งข้อความ แจ้งตำแหน่ง พิกัดที่หลบอยู่ เพื่อส่งต่อเจ้าหน้าที่ประเมินการช่วยเหลือ  ทรัพย์สินมีค่าทุกชนิดให้ทิ้ง บางคนลืมกระเป๋าไว้บนโต๊ะ จะวิ่งกลับไปเอา ขอให้สละไปเลย หรือรองเท้าหลุด จะวิ่งกลับไปเอา  บางครั้งต้องเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ร่วมกัน  ในมาตรฐานสากล หากคนร้ายมาจวนตัวและรู้ว่าตัวเองอยู่ตำแหน่งนี้  ต้องคิดเพื่อต่อสู้  ซึ่งจะมีการเรียนการสอนในโรงเรียน และมีการเผยแพร่องค์ความรู้จากหน่วยงานสู่สาธารณ  

ทั้งนี้ ในต่างประเทศมีการศึกษาพบว่า เหตุกราดยิงที่มีความต่อเนื่อง เป็นพฤติกรรมที่เกิดมาจากการเลียนแบบกันได้  ซึ่งเกิดจากการดูจากสื่อหรือดูจากข่าว และเรียนรู้ข้อมูลนำไปสู่พฤติกรรมเลียนแบบ  สื่อมีส่วนสำคัญมากจึงไม่สนับสนุนการนำเสนอภาพก่อเหตุถี่ๆซ้ำๆ จะทำให้คนซึมซับพฤติกรรมเหล่านั้นได้  หากเปลี่ยนเป็นการ นำเสนอภาพฮีโร่คือ เจ้าหน้าที่ที่เข้าไปช่วยผู้บาดเจ็บ  เจ้าหน้าที่พยาบาล พลเมืองดี ผู้ที่กล้าหาญ กล้าคิด กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ละเมิดกฏหมาย แทน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ก่อนทูลเกล้าฯ ครม.

กทม 16 ก.ย.- “อนุทิน” สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ไหว้ศาลหลักเมือง – วัดพระแก้ว ก่อนนำรายชื่อ ครม. ขึ้นทูลเกล้าฯ วันนี้ บอกเสร็จสิ้นภารกิจไปอีกเปราะ ขณะ “บิ๊กเล็ก” ว่าที่ รมว.กลาโหม รอรับ พลาดลื่นคะมำที่บันได นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เดินทางมายังศาลหลักเมือง หลังตรวจสอบรายชื่อคณะรัฐมนตรีที่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสร็จสิ้นแล้ว โดยมี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รอต้อนรับ โดยจุดแรก นายกรัฐมนตรีได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์บริเวณหอพระ ซึ่งระหว่างทางที่จะเดินขึ้นไปยังหอพระ พล.อ.ณัฐพล ที่เดินตามข้างหลัง ได้ลื่นล้มทั้งตัวหน้าบริเวณหน้าบันไดทางขึ้นหอพระ คาดว่าเป็นเพราะถุงเท้าทำให้ลื่น แต่ พล.อ.ณัฐพล ได้ลุกอย่างรวดเร็ว และไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ขณะที่ผู้เห็นเหตุการณ์ร้องอุทานด้วยความตกใจ ต่อมา นายอนุทิน ได้ผูกผ้าแพร 3 สี ถัดจากนั้นได้ถวายพวงมาลัยศาลหลักเมือง และสักการะศาลเทพารักษ์ทั้ง 5 พร้อมเติมน้ำมันตะเกียงพระประจำวันเกิด ขณะที่ประชาชนที่มาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ศาลหลักเมือง ต่างตะโกนให้กำลังใจนายอนุทิน “นายกฯ สู้ๆ” ก่อนที่นายอนุทินจะหันไปยกมือไหว้ขอบคุณ […]

ประชุมความร่วมมือไทย-กัมพูชา ปราบสแกมเมอร์

สระแก้ว 16 ก.ย.-วันนี้ที่จังหวัดสระแก้ว มีการประชุมสำคัญระหว่างไทยและกัมพูชา เพื่อหวังแนวทางร่วมมือในการปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสแกมเมอร์.-สำนักข่าวไทย

ผู้ค้าทองคำเสนอตั้งเคลียริ่งเฮาส์ ค้านเก็บภาษีเทรดทอง

กรุงเทพฯ 16 ก.ย. – ราคาทองคำนิวไฮตามตลาดโลก การค้าทองคึกคัก ผู้ค้าทองคำค้านแนวคิดภาครัฐเก็บภาษีเทรดทองคำออนไลน์ เพื่อป้องกันบาทแข็งค่า ระบุถอยหลังเข้าคลอง ทำลายการค้า เสนอ ธปท. “ตั้งเคลียริ่งเฮาส์-ปรับสูตรดูแลค่าเงิน” นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก จำกัด (MTS Gold) กล่าวว่า ในการประชุมระหว่างผู้ค้าทองคำและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วานนี้ ทาง ธปท.มีการสอบถามความเห็นเรื่อง การที่กระทรวงการคลังอาจออกมาตรการเก็บภาษีในการซื้อ-ขายทองคำ โดยเฉพาะธุรกรรมออนไลน์และมีการชำระเป็นเงินบาท เพื่อลดผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของราคาทองคำต่อเงินบาท ซึ่งทางผู้ค้าทองคำ คัดค้านเพราะจะกระทบต่อการค้าทองคำในองค์รวมของทั้งในและต่างประเทศ ทำลายระบบเศรษฐกิจ โดยในขณะนี้การค้าทองคำทั้งในและต่างประเทศแต่ละปีมีมูลค่ารวมกว่า 3 ล้านล้านบาท/ปี และความนิยมเทรดระบบออนไลน์เพิ่มสูงขึ้น ตามทิศทางเศรษฐกิจดิจิทัล ตอบสนองนพฤติกรรมคนรุ่นใหม่ ที่นิยมเทรดออนไลน์ทั้งผ่านแอปฯ ต่างๆ และเทรดผ่าน Gold Futures ตลาด TFEX ซึ่งเป็นการเทรดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำภายในประเทศ โดยยอดเทรดเติบโตอย่างมากราว 9-20 ตัน/วัน หรือ 20,000-35,000 สัญญาต่อวัน […]

รอลุ้นโฉมหน้า ครม.อนุทิน 1 คาดช้าสุดทูลเกล้าฯ พรุ่งนี้

พรรคภูมิใจไทย 16 ก.ย.-รอลุ้นโฉมหน้า ครม.อนุทิน 1 คาดช้าสุดทูลเกล้าฯ พรุ่งนี้ หลังนายกฯ ลั่นเสร็จสิ้นภายในสัปดาห์นี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าการนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีอนุทิน 1 คาดว่าจะมีความชัดเจนเร็วสุดในเย็นวันนี้ (16 ก.ย.) หรืออย่างช้าวันพรุ่งนี้ (17 ก.ย.) ซึ่งต้องรอความชัดเจนจากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ขณะที่บรรยากาศพรรคภูมิใจไทยในช่วงเช้าวันนี้ยังคงเงียบเหงา มีแกนนำพรรคเดินทางเข้าที่ทำการพรรค อาทิ นายทรงศักดิ์ ทองศรี ว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายศุภชัย ใจสมุทร ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคภูมิใจไทย ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เบื้องต้นยังไม่มีกำหนดการเดินทางเข้าพรรคในวันนี้ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้นายอนุทิน ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ไว้ว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรีเสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งจะสามารถทูลเกล้าฯ ถลายได้ภายในสัปดาห์นี้.-สำนักข่าวไทย